รบกวนเวลา

จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อมาร รบกวนเวลา บรรทมของพระพุทธเจ้า และเทวดาเข้าเฝ้าเยี่ยมพระอาการ

จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อมาร รบกวนเวลา บรรทมของพระพุทธเจ้า และเทวดาเข้าเฝ้าเยี่ยมพระอาการ

ทราบกันดีว่า เวลาที่พระพุทธเจ้าทรงประสบกับภัย มารมักมาเข้าเฝ้าพระองค์ แต่คราวนี้หลังจากพระบาทของพระองค์ต้องสะเก็ดหิน มารก็มา รบกวนเวลา บรรทมของพระองค์ เพราะอะไร และมีเหล่าเทวดามาร่วมด้วยอีก

ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ ณ มฤคทายวัน อันเป็นสถานที่พระเจ้าพิมพิสารพระราชทานอภัยแก่กวาง (เขตอภัยทานสัตว์ประเภทกวาง) พระบาทของพระองค์กระทบกับสะเก็ดหิน แต่พระองค์ทรงระงับความรู้สึก (เวทนา) เจ็บปวดไว้ พระองค์ทรงรับสั่งให้พระภิกษุปูผ้าสังฆาฏิสี่ชั้น แล้วพระองค์บรรทมด้วยท่าสีหไสยาส และทรงกำหนดมีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา

ในทันใดนั้นเอง มารผู้มีบาปได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์บรรทมด้วยความซึมเซา (ง่วง) หรือมัวเมาคิดกาพย์กลอนอะไรอยู่ (นอนนึกบทกวีแบบนักปราชญ์ และนักกวีทั้งหลาย) ประโยชน์ของพระองค์มีไม่มาก (ไม่ได้สำเร็จธรรม) ท่านประทับอยู่ ณ ที่บรรทมอันเงียบสงัดแต่เพียงผู้เดียว ตั้งพระทัยที่จะบรรทม แต่ไฉนทรงไม่หลับ”

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบมารผู้มีบาปว่า “เราไม่ได้นอนด้วยความซึมเซา และไม่ได้มัวเมาคิดกาพย์กลอนอะไร เราสำเร็จในประโยชน์แล้ว (บรรลุธรรม) ปราศจากความเศร้าโศกทั้งปวง (หยุดวงจรปฏิจสมุปบาท) การที่เรานอนอยู่ที่นี่เพียงผู้เดียว เรานอนคำนึงถึงสรรพสัตว์ด้วยความเมตตา ชนเหล่านั้นมีลูกศรเสียบอยู่ที่อกแล้วร้อยที่หัวใจให้ลุ่มหลง (ลูกศรในที่นี่หมายถึงกิเลส) ชนเหล่านั้นยังนอนหลับได้โดยไม่รู้สึก (เจ็บ)อะไร ทำไมเราผู้ปราศจากลูกศรนั้นแล้ว จะหลับไม่ได้เล่า เราเดินไปก็ไม่มีความหวาดหวั่น ถึงจะหลับก็ไม่มีความกลัวเกรง ไม่ว่าจะเวลาใดก็ไม่ทำให้เราเดือดร้อน เราไม่พบเห็นความเสื่อมใดใดในโลก ฉะนั้นเราจึงนอนคำนึงถึงสรรพสัตว์ด้วยความเมตตาอย่างนี้”

มารผู้มีบาปได้ฟังคำตอบของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วถึงกับอุทานว่า “พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้จักเรา พระสุคตทรงรู้จักเรา” แล้วมารก็อันตรธานหายไป

 

ขอบคุณภาพจาก www.84000.org

 

ต่อมาเมื่อเวลาปฐมยามผ่านไป เหล่าเทวดาสตุลลปกายิกา (กลุ่มเทวดาที่เมื่อตอนเป็น
มนุษย์ได้ยกย่องสมาทานธรรมของคนดี หรือสัตบุรุษ)พากันมาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
จนมฤคทายวันสว่างไสวไปด้วยรัศมีของเทวดา 

เมื่อเหล่าเทวดากราบบูชาพระพุทธเจ้าแล้ว ก็นั่งในที่สมควร เทวดาองค์หนึ่งลุกขึ้นแล้ว
สรรเสริญพระพุทธเจ้าว่า "พระสมณโคดมทรงเป็นนาคหนอ ทรงมีสติสัมปชัญญะระงับ
เวทนาได้ ทรงมิได้เดือดร้อนกับความรู้สึกนั้นเลย" 

เทวดาอีกองค์ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “พระสมณโคดมทรงเป็นสีหะ (ราชสี หรือ สิงโต) ทรงมีสติสัมปชัญญะระงับเวทนาได้ ทรงมิได้เดือดร้อนกับความรู้สึกนั้นเลย”

ต่อมาเทวดาอีกองค์พูดว่า “พระสมณโคดมทรงเป็นอาชาไนย (ม้า) ทรงมีสติสัมปชัญญะระงับเวทนาได้ ทรงมิได้เดือดร้อนกับความรู้สึกนั้นเลย”

จากนั้นเทวดาอีกองค์ก็เปล่งวาจาว่า “พระสมณโคดมทรงเป็นผู้องอาง ผู้ใฝ่ในธุระ ผู้ฝึกแล้ว ท่านทั้งหลายโปรดพิจารณาการเจริญสมาธิของพระองค์ที่ทรงทำดีแล้ว ปกติจิตจะเป็นไปตามราคะและโทสะ แต่พระองค์ทรงไม่ให้น้อมไป ทรงข่มจิตนั้นไว้ โดยไม่จำเป็นต้องห้ามจิตนั้น พระองค์ทรงเป็นบุรุษนาค บุรุษสีหะ บุรุษอาชาไนย บุรุษองอาจ บุรุษใฝ่ธุระ บุรุษฝึกแล้ว พระองค์ไม่สมควรเป็นผู้ที่ถูกล่วงเกิน นอกจากคนผู้นั้นไม่มีดวงตา”

เรื่องที่ยกมาเล่าทั้งหมดนี้มาจากพระสูตร 2 เรื่องที่มีชื่อเหมือนกันคือ สกลิกสูตร พระสูตรแรกเล่าถึงตอนพระพุทธเจ้าประสบกับสะเก็ดหินกระทบพระบาทจนสร้างความเจ็บปวดให้พระองค์ไม่น้อย แต่พระองค์ทรงข่มเวทนานั้นไว้ มารได้เข้ามาลองดีกับพระพุทธเจ้า เพราะเห็นว่าพระองค์กำลังบรรทม ทั้งที่จริงแล้วทรงกำลังแผ่เมตตาไปในเวไนยสัตว์ทั้งหลาย เมื่อมารทราบดังนั้นจึงหลีกไป เหล่าเทวดาพากันมาเข้าเฝ้าเพื่อเยี่ยมพระอาการ และสรรเสริญพระองค์ว่าการข่มเวทนาของพระองค์เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก

 

ที่มา

www.84000.org/สกลิกสูตร ว่าด้วยสะเก็ดหิน

www.84000.org/สกิลกสูตร

www.84000.org/อรรถกถาสัพภิสูตร

ภาพ 

https://pixabay.com

www.84000.org/tipitaka/picture


บทความน่าสนใจ
วิธีทำบุญให้เปรต เกิดเป็นเทวดา จากเปรตพระญาติพระเจ้าพิมพิสารสู่เปรตแม่
พระสารีบุตร - Secret
ขนมปังเทวดา ขนมปังนึ่งที่หอมหวานด้วยน้ำใจ สมชาย-กองศักดิ์ จันทะสี
ทำไมต้องสวด ชุมนุมเทวดา ก่อนสวดมนต์บทอื่น ๆ
เทวตานุสติ การระลึกถึงผลบุญของเทวดา ทำไมต้องระลึกถึง และมีผลานิสงส์อย่างไร
ลางบอกเหตุและสาเหตุการตายของเทวดาในพระพุทธศาสนา
เทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เทวดาที่อยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์ที่สุด ที่เราควรรู้จัก
พระพุทธเจ้ากับบัลลังก์ทั้ง 3 พระองค์คือผู้ครอง บัลลังก์แห่งเทวดา พรหม 
และพระอริยะ

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.