พระราชทานเพลิงสรีระสังขาร

สะท้อนคติไตรภูมิแบบอีสานผ่านเมรุลอยในงาน พระราชทานเพลิงสรีระสังขาร “หลวงพ่อคูณ”

สะท้อนคติไตรภูมิแบบอีสานผ่านเมรุลอยในงาน พระราชทานเพลิงสรีระสังขาร “หลวงพ่อคูณ”

หลังจากพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธมรณภาพลง ได้มอบสังขารเป็นครูใหญ่แก่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นจึงจัดงานบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรม ขึ้นในวันที่ 21-28 มกราคม พ.ศ. 2562 ณ อาคารศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น และจัดพิธี พระราชทานเพลิงสรีระสังขาร พระเทพวิทยาคม ขึ้นในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2562 ณ พุทธมณฑลอีสาน วัดหนองแวง (พระอารามหลวง)

 

พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ

 

รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยว่า เมรุลอยที่ใช้ในพิธีพระราชทานเพลิงพระเทพวิทยาคมเป็นนกหัสดีลิงค์เทินบุษบก ตามขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณของอีสาน

 

รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภาพจาก www.kku.ac.th

 

เมรุลอยนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานศิลปะของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่ประดับตกแต่งภายในวัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย ซึ่งเมรุลอยของหลวงพ่อคูณออกแบบเป็นรูปนกหัสดีลิงค์เทินบุษบกสีขาว บนฐานแปดเหลี่ยม กว้าง 16 เมตร สูง 22.6 เมตร

 

ภาพจาก www.kku.ac.th

 

ส่วนฐานของนกหัสดีลิงค์จะประกอบไปด้วยนาคที่มีความยาว 5 เมตร 12 ตน และรายล้อมด้วยสัตว์หิมพานต์ 32 ตน  จำลองบรรยากาศโดยรอบเป็นเขาพระสุเมรุจากอัตลักษณ์ และความเชื่อในวัฒนธรรมอีสานที่ได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนา

 

ภาพจาก www.kku.ac.th

 

งานศิลปะที่ใช้ตกแต่งเป็นสีขาวทั้งหมด ภายใต้แนวคิด “เรียบง่าย สมเกียรติ สง่างาม” เพื่อสื่อถึงสะอาด  ความบริสุทธิ์  ในการที่จะส่งหลวงพ่อคูณไปสู่สรวงสวรรค์  และบรรยากาศภายในใช้แสงเป็นสัญลักษณ์แห่งนิพพาน นอกจากความงดงามของเมรุลอยและบรรยากาศโดยรอบเมรุ นกหัสดีลิงค์ยังสร้างให้มีกลไกสามารถเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ได้ เช่น หันศีรษะ ม้วนงวง กระพริบตา กระดิกหู และมีเสียงร้อง

 

ภาพจาก www.thaipost.net

 

เมรุลอยนกหัสดีลิงค์  สร้างขึ้นตามประเพณีโบราณที่จัดขึ้นเฉพาะการฌาปณกิจศพเจ้านายชั้นสูง หรือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งประเพณีนี้สืบทอดมาจากตำนาน “นกหัสดีลิงค์” หรือ “นกสักกะไดลิงค์ ” ในตำนานเล่าว่านกตัวนี้เป็นนกยักษ์ที่มีหัวเป็นช้าง มีพละกำลังมหาศาล อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ ครั้งหนึ่งขณะที่นครตักกะศิลาเชียงรุ้งแสนหวีฟ้ามหานคร จัดพระราชพิธีพระศพของพระราชา ต้องอัญเชิญพระศพไปฌาปนกิจที่ทุ่งหลวง นกหัสดีลิงค์ก็บินผ่านมาก็เข้าใจว่าพระศพคืออาหารจึงโฉบพระศพไป พระมหาเทวีประกาศหาผู้มีฝีมือไปชิงพระศพคืนมา นางสีดา (คนละคนกับในรามเกียรติ์) จึงเข้ารับอาสาไปนำพระศพกลับมา โดยใช้ศรอาบยาพิษยิงนกหัสดีลิงค์ถึงแก่ความตายตกลงมาพร้อมกับพระศพ พระมหาเทวีจึงโปรดสั่งให้ช่างหลวงสร้างหอแก้ว (บุษบก) สำหรับตั้งพระศพบนหลังนกหัสดีลิงค์ แล้วถวายพระเพลิงไปพร้อมกัน หลังจากนั้นจึงได้ถือเอาประเพณีทำเมรุลอยเป็นรูปนกหัสดีลิงค์เฉพาะงานงานพระศพของเจ้านายชั้นสูง โดยมีความเชื่อว่า นกหัสดีลิงค์สามารถนำดวงวิญญาณของผู้ตายไปสู่สวรรค์ได้

 

 

 

ความเชื่อเรื่องนกหัสดีลิงค์ในพิธีศพของวัฒนธรรมอีสานสันนิษฐานว่า ได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องอุตรกุรุทวีปจากคัมภีร์อรรถกถาในพระพุทธศาสนา ระบุว่า ถ้ามีชาวอุตรกุรุทวีปสิ้นไปคนหนึ่ง ชาวอุตรกุรุทวีปจะร่วมกันช่วยอาบน้ำศพให้หอมด้วยกระแจะจันทน์และน้ำมันหอม แล้วตกแต่งด้วยเสื้อผ้าแพรพรรณอย่างดี นำศพไปวางไว้ในที่ลานโล่งกว้าง นกหัสดีลิงค์จะบินลงมารับศพไปทิ้งยังทวีปอื่น เช่น ชมพูทวีป ด้วยชาวอุตรกุรุทวีปเป็นผู้มีศีล และประพฤติในศีล 5 มาตลอดชีวิต เมื่อสิ้นบุญก็จะไปบังเกิดยังสวรรค์ทันที

 

ทั้งนี้งานบำเพ็ญกุศลและพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณเป็นไปตามพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโท ที่ระบุไว้ว่า

อาตมาหลวงพ่อคูณ อายุ 77 ปี ถิ่นพำนักวัดบ้านไร่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ขอทำพินัยกรรมกำหนดการ เผื่อถึงการมรณภาพ เกี่ยวกับเรื่องการจัดงานศพ รวมทั้งหมด 8 ข้อ โดยมีความสรุปว่า ศพของหลวงพ่อคูณ ได้มอบให้แก่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ เพื่อนำไปศึกษาค้นคว้าตามวัตถุประสงค์ของภาคต่อไป พิธีกรรมศาสนาทั้งหมด ทำพิธีสวดพระอภิธรรมศพที่ คณะแพทยศาสตร์ 7 วัน การจัดทำพิธีบำเพ็ญกุศลเมื่อสิ้นสุดการศึกษาค้นคว้าของภาควิชากายวิภาคฯ แล้ว ให้จัดงานแบบเรียบง่าย ละเว้นการพิธีสมโภชใดๆ และห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ โกศ และพระราชพิธีอื่นๆ เป็นกรณีพิเศษเป็นการเฉพาะโดยให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กระทำพิธีเช่นเดียวกับการจัดพิธีศพของอาจารย์ใหญ่ นักศึกษาแพทย์ประจำปีร่วมกับอาจารย์ใหญ่ท่านอื่น แล้วเผา ณ ฌาปนสถานวัดหนองแวง พระอารามหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น หรือวัดอื่นใดที่ คณะแพทยศาสตร์ฯ เห็นสมควรและเหมาะสม

อัฐิ เถ้าถ่าน และเศษอังคารทั้งหมด ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปลอยที่แม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย ตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม ค่าใช้จ่ายและเงินอื่นใดที่เกิดขึ้น ให้นำเงินที่อาตมาบริจาคให้แก่ภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ฯ เป็นเงินเริ่มต้นในการดำเนินการจัดงานศพ หากมีเงินเหลืออยู่อีกให้มอบแก่กองทุนพระราชนิโรธ รังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฎ์ หรือหลวงปู่เทสก์ เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมช่วยเหลือพระสงฆ์ที่อาพาธ ประจำหอผู้ป่วยหอสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ให้นายอำเภอด่านขุนทด ศึกษาธิการอำเภอด่านขุนทด และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ฯ ร่วมกันเป็นผู้จัดการศพ มีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตามพินัยกรรมนี้

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้เก็บรักษาพินัยกรรมต้นฉบับไว้ และมีการทำสำเนาไว้อีก 3 ชุด เก็บรักษาไว้ที่วัดบ้านไร่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ศึกษาธิการอำเภอด่านขุนทด และนายอำเภอด่านขุนทด แห่งละ 1 ฉบับ

 

ที่มา :

https://m.kku.ac.th

www.kku.ac.th

www.thairath.co.th

www.thaipost.net

https://news.mthai.com

www.one31.net

พิธีพระราชทานเพลิง สังขารหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ

พาทัวร์ดินแดนของคนดี อุตรกุรุทวีป บ้านเกิดของเหมหิรัญญ์

www.youtube.com/PARA channel 

 


บทความน่าสนใจ

ทำไม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ แห่งวัดบ้านไร่ ไม่เทศน์ให้ญาติโยมฟัง

ปาฏิหาริย์พระธุดงค์ | หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ บิณฑบาตโปรดผี

ไขความกระจ่าง ความหมายที่แท้จริงของคำว่าภพ

ทำอย่างไรถึงได้เกิดในยุคพระศรีอาริย์

ชมพระประธานยิ้มรับฟ้า กราบสมเด็จฯ สวดคาถาชินบัญชร – วัดระฆังโฆษิตาราม

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.