โก๋เอ็ม - กิตติพงษ์ คำศาสตร์

รักต่างสายพันธุ์ของ โก๋เอ็ม – กิตติพงษ์ คำศาสตร์

รักต่างสายพันธุ์ของ โก๋เอ็ม – กิตติพงษ์ คำศาสตร์

หลายคนอาจคุ้นเคยกับ โก๋เอ็ม – กิตติพงษ์ คำศาสตร์ ในบทบาทสมาชิกวงฮิปฮ็อปชื่อดังอย่างบุดด้าเบลส และศิลปินสตรีทอาร์ตสุดแนว แต่รู้หรือไม่ว่าผู้ชายคนนี้ยังมีอีกหนึ่งบทบาทในการทำหน้าที่ช่วยเหลือสัตว์จรจัดด้วย

“ผมชอบสัตว์มาตั้งแต่เด็ก ๆ อาจเพราะปู่ย่าตายายเลี้ยงสุนัข เลี้ยงแมว ตอนเด็กผมไม่ค่อยมีเพื่อนเป็นมนุษย์มากเท่าไร และไม่อยากได้ของเล่นเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แต่อยากได้สัตว์เลี้ยงมาเป็นเพื่อนมากกว่า แม่จึงซื้อลูกเจี๊ยบให้เลี้ยง ตอนนั้นผมก็เอามาเลี้ยงเล่น ๆ จับไปจับมา ไม่นานก็ตาย”

โก๋เอ็มเล่าย้อนให้เราฟังถึงที่มาของความรักสัตว์ที่มีมาตั้งแต่เด็ก ๆ และสัตว์เลี้ยงตัวแรก

“ตอนเด็ก ๆ ผมชอบดูการ์ตูนเรื่อง ไอ้เขี้ยวเงิน พอดูแล้วอยากมีสุนัขคู่ใจ เพราะรู้สึกว่าสุนัขเป็นสัตว์ที่มีความจงรักภักดี ตอนนั้นผมไม่ได้ชอบสุนัขจรจัด แต่ชอบสุนัขสายพันธุ์ โดยเฉพาะพิตบูล รู้สึกว่ามันเท่ดี ยิ่งพอโตขึ้นเริ่มฟังเพลงแนวฮิปฮ็อป ยิ่งเห็นสุนัขพันธุ์พิตบูลในมิวสิควิดีโอก็ยิ่งชอบ จึงศึกษาที่มาของสุนัขพันธุ์นี้ จนรู้ว่าพิตบูลเป็นสุนัขที่ชาวนาชาวไร่ในต่างประเทศนำมาใช้ต้อนฝูงสัตว์และไล่สัตว์ร้าย นอกจากนั้นพิตบูลยังเป็นสุนัขที่มีความสวยงามในเชิงศิลปะ เพราะมีโครงหน้าและมัดกล้ามเนื้อที่สวยงาม

“พอคิดได้อย่างนั้นก็เลยเก็บเงินซื้อพิตบูลมาเลี้ยงและตั้งชื่อว่าจิ๋วหลิว ตอนนั้นผมไม่พร้อมที่จะเลี้ยงสัตว์เลย ซื้อมาเพราะความอยากล้วน ๆ

“ช่วงนั้นผมก่อสงครามเย็นกับแม่และน้องตลอด เพราะพวกเขาไม่ยอมให้ผมเอาจิ๋วหลิวเข้ามานอนด้วย พอเริ่มเข้าวงการมีเงินจึงขอย้ายออกมาจากบ้าน โดยสัญญาว่าจะส่งเงินให้แม่ทุกเดือน แม้จะมีเงินมากขึ้น แต่ผมกลับมีเวลาให้จิ๋วหลิวน้อยลง ไม่ค่อยมีเวลาพาเขาไปออกกำลังกาย ไปฉีดวัคซีน หรือทำหมัน แม้ว่าคลินิกสัตวแพทย์จะอยู่แค่หน้าบ้านก็ตาม พอเริ่มดูแลเขาจริงจังก็สายไปแล้ว ท้ายที่สุดเขาก็ตายด้วยโรคพยาธิหนอนหัวใจเพราะโดนยุงกัด ก่อนตายจิ๋วหลิวดูทรมาน หายใจติดขัด น่าสงสารมาก หลังจากที่จิ๋วหลิวตาย ผมก็ไม่อยากเลี้ยงสัตว์อีก เพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีความรับผิดชอบ ดูแลสัตว์เลี้ยงได้ไม่ดี

“แต่ด้วยความรักสัตว์และแถวบ้านมีสุนัขจรจัดเยอะ จึงเอาข้าวเอาน้ำไปให้สุนัขเหล่านั้นแทน จนเกิดเป็นความผูกพัน บางวันกลับจากร้องเพลงดึกดื่นเที่ยงคืน แต่ใจก็ดันไปคิดถึงสุนัขเหล่านั้นว่าได้กินอะไรกันหรือยัง สุดท้ายก็ต้องเดินเอาข้าวไปให้ทุกวันอยู่ดี

“กระทั่งวันหนึ่งมีคนวางยาเบื่อสุนัขจรจัดแถวบ้าน สุนัขที่โตหน่อยรู้งาน ก็ไม่กินอาหารที่มียาผสม แต่สุนัขเด็ก ๆ ที่ไม่รู้ประสาพอกินเข้าไปก็ตายไปหลายตัว ผมจึงกลับมาปรึกษากับแฟนว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี เพราะแถวบ้านเรามีลูกสุนัขเยอะมาก

“ผมกับแฟนลองค้นในอินเทอร์เน็ตก็พบว่ามีกลุ่มคนที่แก้ปัญหานี้อยู่บ้างเหมือนกัน ตอนนั้นเราได้พี่อาสาสมัครที่เคยทำงานอยู่ที่สมาคมพิทักษ์สัตว์ไทยเป็นผู้เชี่ยวชาญ มาช่วยเรื่องการทำหมันสุนัข หลังจากนั้นผมก็ได้เข้าวงการช่วยเหลือสัตว์จรจัดแบบเต็มตัว”

นอกจากทำหมันสุนัขจรจัดแล้ว โก๋เอ็มยังช่วยเหลือสัตว์จรจัดอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้ความช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงในช่วงน้ำท่วมใหญ่ การช่วยหาบ้านให้สุนัขจรจัดผ่านทางโซเชียลมีเดีย การระดมทุนในงานอีเวนต์ต่าง ๆ ไปจนถึงการเรียกร้องให้มีพระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ ซึ่งทำให้โก๋เอ็มเห็นถึงปัญหาสัตว์จรจัดได้อย่างชัดเจน

“ผมว่ามนุษย์เนี่ยคือปัญหาใหญ่ เพราะเรามักตัดสินว่าจะให้สัตว์ชนิดไหนเป็นอย่างไร เราตัดสินเลยนะว่าจะให้สัตว์ชนิดใดสูญพันธุ์ ถ้าชนิดใดได้ไปต่อเราจะโคลนนิ่งมันก็ได้ หรือจะเสกให้สายพันธุ์ไหนหายไปด้วยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็ย่อมได้

“สำหรับเรื่องสุนัข ปัจจุบันยังมีคนเอาสุนัขและแมวไปทิ้งไว้ตามวัดกันอยู่เลย พอเอาไปทิ้งไว้ ไม่มีใครดูแลสัตว์เหล่านี้ก็พากันออกลูกออกหลาน หลายตัวกลายเป็นสุนัขขี้เรื้อน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นวีจี (โรคหูดดอกกะหล่ำ) เต็มไปหมด

“ทุกวันนี้มีคนเข้าใจผิดว่าบ้านผมในจังหวัดราชบุรีเป็นมูลนิธิรับเลี้ยงสัตว์จรจัด ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ ตรงนั้นเป็นเพียงบ้านสำหรับอยู่อาศัยธรรมดา แต่ก็ยังมีคนเอาสัตว์ไปทิ้งเรื่อย ๆ แถมไม่ได้มีแค่สุนัขอย่างเดียว แต่มีสัตว์มากมายหลายประเภทลามไปจนถึงหมูแล้ว ครั้งหนึ่งผมกำลังพ่นสีบนกำแพง ก็มีคนเอาสุนัขมาให้ตรงนั้นเลย แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไง

“สัตว์แต่ละตัวพอได้มา ถ้าป่วยก็จะพาไปรักษาและพยายามช่วยหาบ้านให้ บางทีหาให้ไม่ได้ ผมก็กลายเป็นทุกข์ซะเอง แต่ในขณะเดียวกันการช่วยเหลือสัตว์เหล่านี้ก็ทำให้ผมเห็นมุมที่น่าประทับใจอยู่เหมือนกัน

“ครั้งหนึ่งผมนั่งรถไปเล่นคอนเสิร์ตที่จังหวัดนครปฐม ระหว่างทางเห็นสุนัขนอนพะงาบ ๆ อยู่บนถนน ก็รีบเรียกให้คนขับรถจอดเพื่อจะลงไปช่วยสุนัข แต่ก่อนจะลงไปผมเห็นรถกระบะและรถเก๋งขับทับสุนัขตัวนั้นไปอีกสองรอบไม่มีใครคิดจะลงมาช่วย

“พอลงจากรถได้ ผมก็วิ่งไปกลางถนนเพื่อจะช่วยสุนัข จังหวะนั้นมีรถสิบล้อวิ่งมา พอเห็นผมเขาก็รีบชะลอรถ จนท้ายรถปัดไปปิดถนนสองเลนเหมือนในหนังเลย พอคนขับเดินลงมา ก็เห็นว่าเขาหนวดเคราเฟิ้ม แต่หัวใจเขามีเมตตามาก ไม่เหมือนกับคนหน้าตาดีที่ขับรถราคาแพง แล้ววันนั้นผมก็พาสุนัขตัวนี้ไปหาหมอ แต่สุดท้ายก็ช่วยเขาไว้ไม่ได้

“ผมว่าการช่วยเหลือสัตว์เหล่านี้ทำให้เราย้อนกลับมามองมนุษย์ด้วยกันเอง บางคนแต่งตัวดี มีชาติตระกูล แต่ไม่มีเมตตา ในขณะที่บางคนหน้าตาธรรมดา แต่เมตตารักสัตว์

“สุดท้ายนี้ผมขอฝากอีกนิดนะครับ หากพบเห็นสัตว์จรจัด ขอให้ช่วยเหลือตามกำลังที่มีก่อน อย่าเพิ่งผลักภาระทั้งหมดให้แก่มูลนิธิ อาจใช้วิธีการระดมทุน หรือหาบ้านให้พวกเขาผ่านทางโซเชียลมีเดียส่วนตัวก็ได้”

สำหรับชายคนนี้ นิยามความรักที่เขามีให้บรรดาสัตว์หลากหลายสายพันธุ์นั้นเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน เป็นความรักอันบริสุทธิ์และความปรารถนาดีที่อยากจะช่วยชีวิตของสัตว์จรจัดเหล่านี้ให้ดีขึ้นเท่านั้นเอง

 

ที่มา : นิตยสาร Secret  ฉบับที่ 230

เรื่อง : Issara R., ชลิตา รักธรรมนูญ, จักรินทร์ คำราช  

ภาพ : สรยุทธ พุ่มภักดี

Secret Magazine (Thailand)


บทความน่าสนใจ

ฮาซาน กิซิล พ่อพระของสัตว์พิการ

Dhamma Daily : การกักขังสัตว์เลี้ยง ไว้ในกรงถือเป็นบาปหรือไม่

รู้หรือไม่? ปล่อยสัตว์อย่างไรไม่เป็นบาป

ไขข้อข้องใจเรื่องของ การทำร้ายสัตว์ พร้อมผลกรรมจากการผิดศีลข้อ 1

กรรมที่ฉันทำกับข้าวตอก เรื่องเล่า กฎแห่งกรรม ที่ทำกับสัตว์

 

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.