ออนไลน์

“เสียรู้ ออนไลน์ เกือบตายทั้งเป็น” เรื่องจริงของผู้หญิงที่ถูกหลอก

“เสียรู้ ออนไลน์ เกือบตายทั้งเป็น” เรื่องจริงของผู้หญิงที่ถูกหลอก

ในโลกโซเชียลมีทั้งด้านดีและด้านลบ หลายคนมีเพื่อนดี ๆ ได้แฟนดี ๆ จากการพูดคุยสื่อสารผ่านโลกเสมือนจริงนี้ แต่คงไม่ใช่ฉัน ที่เกือบตายทั้งเป็นเพราะอาหารลดน้ำหนักและผู้ชาย (ออนไลน์)

อาหารเสริมลดน้ำหนักในเว็บไซต์ทำเกือบตาย

สมัยเรียนมัธยม ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่หน้าตาพอใช้ แม้ออกจะเจ้าเนื้อ แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ได้กังวลเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเองเลย จนกระทั่งเข้าสู่วัยสาวและเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนในกรุงเทพฯ รูปร่างที่สูงเพียง 156 เซนติเมตร แต่หนักถึง 60 กิโลกรัม กลายเป็นปัญหาที่ทำให้ฉันกังวลอยู่เสมอ

เมื่อมองไปรอบกาย เห็นเพื่อน ๆ ในมหาวิทยาลัยรูปร่างบอบบางกันทั้งนั้น ใส่เสื้อตัวเล็ก กระโปรงฟิตได้อย่างสวยงาม ฉันใส่ชุดแบบนั้นไม่ได้ ด้วยใจที่อยากลดความอ้วนให้ได้ผลเร็วที่สุด จึงไปคลินิกลดความอ้วนชื่อดังแห่งหนึ่งตามที่เพื่อนแนะนำ เมื่อเริ่มกินยาลดความอ้วน สัปดาห์แรกก็เห็นผลทันตา น้ำหนักลดลงทันใจ แต่พอเข้าสัปดาห์ที่ 2 ฉันกลับมีอาการคลื่นไส้อาเจียน มีไข้ ไปเรียนหนังสือไม่ได้ถึง 2 วัน ฉันหยุดกินยาทันที และรู้สึกกลัวจนไม่กินยาพวกนี้อีกเลย

จนกระทั่งเรียนจบและเข้าทำงานที่แรก พี่ที่ทำงานชวนให้ฉันลองกิน “อาหารเสริมลดน้ำหนัก” ฉันอยากลดน้ำหนัก แต่ไม่ชอบออกกำลังกาย การกินอาหารเสริมลดความอ้วนจึงเป็นวิธีลัดที่ฉันคิดว่าไม่อันตรายและหาซื้อได้ง่ายตามเว็บไซต์ ใครว่าแบบไหนดีก็ลองหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผงชงดื่ม ชาขับปัสสาวะหรือไฟเบอร์อัดเม็ดที่กินแล้วทำให้ไม่หิว

เมื่อกินอาหารเสริมพวกนี้แล้วเห็นผลว่าน้ำหนักค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ฉันจึงกินต่อเนื่องอยู่เป็นปี ประกอบกับภาระงานในแต่ละวันที่แสนวุ่นวายทำให้ต้องอั้นปัสสาวะเป็นประจำ ในที่สุดก็ป่วยเป็นโรค “กระเพาะปัสสาวะอักเสบ” ที่คิดเอาเองว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร

ต่อมาไม่นานฉันต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเพราะมีอาการหนาวสั่น ปัสสาวะเป็นเลือด คราวนี้คุณหมอบอกว่าฉันเป็น “กรวยไตอักเสบ” ซึ่งน่าจะเกิดจากการแพ้สารบางอย่างในอาหารเสริมที่กินเป็นประจำ แต่ฉันไม่ได้ปริปากบอกคุณหมอ กลับจากโรงพยาบาลคราวนั้น ฉันเลิกกินอาหารเสริมชนิดนั้น แต่หันมาลองตัวใหม่ ๆ แทน ซ้ำยังไม่ดูแลร่างกายและอาหารการกินให้ดีขึ้น ยังคงกินอาหารรสเค็มจัดและอั้นปัสสาวะเหมือนเดิมในที่สุดสุขภาพของฉันก็เริ่มเข้าขั้นวิกฤติ

วันหนึ่งฉันรู้สึกไม่สบาย คลื่นไส้ อาเจียน เพลีย กินอาหารไม่ลง ที่สำคัญคือ นอนราบไปกับเตียงไม่ได้ จึงรีบไปโรงพยาบาลครั้งนี้ได้พบกับคุณหมอเฉพาะทาง ซึ่งถามว่า “คุณกินยาลดน้ำหนักด้วยใช่ไหม” ครั้งนี้ฉันจำต้องยอมรับตรง ๆ คุณหมอบอกว่า อาการที่เป็นในเวลานั้นคือ “ไตวายเฉียบพลัน” เพราะของเสียในร่างกายไม่สามารถขับออกมาได้ ทำให้ร่างกายดูดซึมของเสียเหล่านี้กลับเข้าไปอีก

หลังจากนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 2 สัปดาห์ คุณหมอให้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน โดยให้ลองกินยาชนิดหนึ่งเป็นเวลา 2 เดือน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ปรากฏว่าอาการมีแต่แย่ลง จนในที่สุดคุณหมอบอกฉันว่าเป็น “ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย” วิธีรักษามีทางเดียวคือรอการเปลี่ยนไตเท่านั้น

เมื่อรู้ว่าต้องเปลี่ยนไต ใจฉันหล่นวูบไม่เคยคิดว่าแค่การกินอาหารเสริมลดน้ำหนักจะทำให้ต้องมาเจอเรื่องร้ายแรงที่สุดในชีวิตเช่นนี้ ฉันสิ้นหวังไปทุกอย่าง ร้องไห้ฟูมฟาย ในสมองตื้อไปหมด ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป

เมื่อแม่รู้ข่าวก็รีบเดินทางจากต่างจังหวัดมาหา ฉันรู้ว่าแม่เสียใจมาก แต่ท่านก็พยายามปลอบให้กำลังใจ แม้ว่าจะหลุดคำพูดบางคำที่ทำให้ฉันรู้สึกผิดและสงสารแม่จับหัวใจ

“ตอนเกิดแม่ให้เราเกิดมาครบสมบูรณ์ทุกอย่าง ทำไมมาทำร้ายตัวเองแบบนี้ล่ะลูก”

ตอนนั้นฉันไม่สามารถปัสสาวะเองได้อีกแล้ว ต้องเอาของเสียออกจากร่างกายด้วยการฟอกเลือด ระยะแรกต้องฟอกเลือดด้วยการเจาะคอเป็นเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นจึงผ่าตัดตัดต่อเส้นเลือดดำเข้ากับเส้นเลือดแดงบริเวณแขนซ้าย สำหรับการฟอกเลือดด้วยไตเทียม ทำให้แขนของฉันมีรอยปูดนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดสองจุด ระหว่างนั้นคุณหมอแนะนำให้ไปขอรับบริจาคไตไว้ด้วย

ฉันต้องฟอกเลือดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ทุกครั้งที่ถูกเข็มแทงเข้าไปในเส้นเลือด เจ็บปวดทรมานมาก ระหว่างฟอกเลือด บางครั้งก็มีอาการข้างเคียง เช่น ความดันตก หรือเป็นตะคริว ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละวันต้องคอยจำกัดอาหารและปริมาณน้ำที่ดื่ม เพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการฟอกเลือดในแต่ละครั้ง

ทุกอย่างในชีวิตของฉันเปลี่ยนแปลงไปหมด เหมือนขาดอิสรภาพ ไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวที่ไหนได้นานเกิน 3-4 วัน เพราะฉันต้องไปฟอกเลือดที่โรงพยาบาลตามนัด ค่าใช้จ่ายก็สูงมาก เดือนหนึ่งต้องเสียเงินหลักหมื่น โชคดีที่เวลานั้นฉันเป็นข้าราชการแล้ว จึงเบิกค่าใช้จ่ายได้เกือบหมด

หลังจากทรมานจากการฟอกไตมาถึง 7 ปี อาการก็ทรุดลงเรื่อย ๆ จนแทบจะหมดความหวัง ทั้งตัวบวม เหนื่อยง่าย หน้าตาหมองคล้ำ ไตทั้งสองข้างทำงานแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ได้แต่รอความหวังที่จะมีคนบริจาคไตให้ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

แล้ววันหนึ่งฉันก็ได้รับข่าวดี และโชคดีมากที่ไตซึ่งได้รับบริจาคมาสามารถเข้ากับร่างกายของฉันได้เป็นอย่างดี ฉันเหมือนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง โลกของฉันสดใสขึ้นทันตา แต่ก็ได้ไม่นาน เพราะหลังจากนั้นฉันก็สร้างปัญหาให้ตัวเองอีกครั้ง

แฟนฝรั่งในโซเชียลหลอกให้โอนเงินเป็นแสน ๆ

ฉันเติบโตมาในครอบครัวที่มีญาติพี่น้องเยอะ ทำให้มีลูกพี่ลูกน้องหลายคน เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาว พี่น้องและญาติ ๆ ทยอยแต่งงานไปกันหมด เหลือแต่เพียงฉันในวัยสามสิบกว่าปีที่ไม่เคยมีแฟนเลยแม้แต่คนเดียว

ถึงหน้าที่การงานจะดี เงินทองมีใช้ไม่มีขาด แต่สิ่งเหล่านี้ไม่อาจเติมเต็มความรู้สึกของฉันได้ ฉันรู้สึกเหงาและว้าเหว่มาก ครั้งหนึ่งเคยตัดสินใจลองใช้บริการบริษัทจัดหาคู่ ซึ่งนัดเดตให้ฉันกับชายไทยคนหนึ่งแต่ก็ไม่ประทับใจ จึงหันไปปรึกษาเพื่อนที่ทำงาน เธอแนะนำว่า“ภาษาอังกฤษของเธอออกจะดี หาแฟนเป็นฝรั่งดูสิ หาตามเว็บไซต์ก็ได้นะ ไม่ต้องเสียเงินให้บริษัทจัดหาคู่ด้วย”

ฉันจึงเริ่มเข้าเว็บไซต์หาคู่ แล้วโพสต์ข้อมูลส่วนตัว พร้อมรูปยิ้มหวาน ๆ น่ารัก ๆ ไม่นานก็มีชาวต่างชาติคนหนึ่งโพสต์ขออีเมล หลังจากแลกอีเมลกัน เราสองคนก็เริ่มคุยกันผ่านตัวอักษร เขาส่งรูปตัวเองมาให้ดู และบอกว่าเขาเป็นคนอังกฤษ ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่คุยกัน ฉันมีความสุขมาก เพราะเขาชมว่าฉันน่ารัก และเรียกฉันว่า “ที่รัก” เสมอ

จนวันหนึ่งเขาบอกว่ากำลังจะมาเที่ยวเมืองไทย แต่ต้องมาแวะรับเช็คให้พ่อที่มาเลเซียก่อน เขามีปัญหาว่าค่าเดินทางไม่พอจึงอยากขอยืมเงินฉันก่อน เมื่อมาถึงเมืองไทยแล้วจะรีบคืนเงินให้

ด้วยความที่เราพูดคุยด้วยดีตลอดมาเมื่อรู้ว่าเขามีปัญหา ฉันไม่รีรอที่จะช่วยเหลือเขา โดยส่งเงินให้เขาผ่านทางเวสเทิร์นยูเนี่ยนประมาณ 4 ครั้ง ครั้งละ 500 – 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมแล้วคิดเป็นเงินไทยประมาณ 50,000 บาท แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้มาเมืองไทย

หลังจากนั้นเขาก็ให้ฉันส่งเงินให้อีกเรื่อย ๆ โดยอ้างความจำเป็นสารพัด ครั้งสุดท้ายฉันส่งเงินให้เขาอีก 30,000 บาท ซึ่งทำให้การเงินของฉันเริ่มมีปัญหา เพราะเงินเก็บหายวับไปกับตา เมื่อนำเรื่องนี้ปรึกษาเพื่อนที่ทำงานเพื่อหาเงินกู้ เพื่อนบอกว่าฉันถูกหลอกแล้ว

ฉันรีบโทร.ไปตรวจสอบกับเวสเทิร์นยูเนี่ยนและได้รับคำตอบว่า “สงสัยคุณจะโดนหลอกแล้วละค่ะ แต่ทางเราได้บล็อกเงินที่ส่งครั้งล่าสุดไว้แล้วนะคะ” นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันโดนหลอก ซึ่งทำเอาเงินที่สะสมไว้มาหลายปีเกือบหมดไป

เจ็บแล้วไม่จำ ยังโดนหลอกซ้ำอีก

แม้จะเจ็บใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ฉันยังไม่เข็ดกับความรัก ไม่นานหลังจากนั้นฉันได้คุยกับชายชาวอังกฤษคนหนึ่งทาง hi5 เขาบอกว่าทำธุรกิจส่งออกสินค้าทางเรือ คุยกันเกือบเดือน เขาก็บอกฉันว่าจะส่งของขวัญวันเกิดมาให้ทาง FedEx โดยจะสอดเงินสดในนั้นมาให้ด้วย ตอนนั้นฉันหัวใจพองโตด้วยความดีใจที่จะได้รับของขวัญจากคนที่กำลังดูใจกัน โดยไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น

สองสามวันหลังจากนั้นก็มีผู้หญิงไทยคนหนึ่งโทร.มาบอกว่า พัสดุมาถึงเมืองไทยแล้ว แต่ฉันต้องเสียภาษีนำเข้า 26,000 บาท ฉันไม่ได้เอะใจอะไรเลย รีบโอนเงินไปทันที แม้ว่าบัญชีที่โอนเข้าไปจะเป็นบัญชีคนไทย แต่ฉันเข้าใจว่าเป็นตัวแทนของบริษัทส่งของ

วันต่อมาผู้หญิงคนเดิมโทร.มาบอกว่า ฉันต้องเสียค่าภาษีเพิ่มอีก 55,000 บาท เพราะสแกนในกล่องดูแล้วพบว่ามีเงินสดอยู่ในนั้น คราวนี้ฉันเริ่มฉุกคิดว่าน่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ จึงรีบติดต่อชายคนนี้ แต่ติดต่อเท่าไหร่เขาก็ไม่ตอบอะไรกลับมาเลย ฉันจึงไม่ได้ส่งเงินอีกก้อนที่ผู้หญิงคนนั้นแจ้งมาเพราะคิดว่าเหตุการณ์ไม่น่าไว้ใจแล้ว

หากเป็นคนอื่น ถ้าถูกหลอกถึงสองครั้งติดกันคงจะหลาบจำไปแล้ว แต่สำหรับฉันสองครั้งนี้เป็นเหมือนแค่การเริ่มต้นเท่านั้น

ไม่กี่เดือนต่อมา ฉันได้คุยกับชายชาวอังกฤษอีกคนทางเฟซบุ๊ก คนนี้ท่าทางจริงใจ เขาบอกว่าอีกไม่กี่ปีจะเกษียนและมาอยู่เมืองไทย เราคุยกันทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน เขาบอกว่าอยากแต่งงานกับฉัน ตอนนั้นหัวใจฉันพองโต มีความสุขมาก (อีกครั้ง) แม้ยังไม่เคยได้เจอตัวจริงของเขา แต่ก็ดีใจที่คราวนี้จะได้เจอคนที่ใช่เสียที ไม่นานนักเขาเขียนมาว่าได้ส่งกล่องพัสดุซึ่งมีโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก รวมทั้งชุดแต่งงานและเงินจำนวน 300,000 ดอลลาร์สหรัฐมาเป็นของขวัญให้ก่อน

แม้เรื่องราวคล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ในตอนแรกฉันกลับไม่ฉุกใจคิดอะไรเลยแม้แต่น้อย ต่อมามีคนโทร.มาแจ้งให้ฉันไปเสียค่าภาษีนำเข้าและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เพื่อรับกล่องพัสดุชิ้นนี้ถึง 3 ครั้ง ค่าธรรมเนียมแต่ละครั้งไม่ใช่เงินน้อย ๆ แต่ฉันก็ยอมไปโอนเงินให้แต่โดยดี เพราะคนที่ติดต่อมาส่งหลักฐานที่น่าเชื่อถือมาทางเฟซบุ๊กเสมอ

ครั้งนี้เงินที่ต้องจ่ายค่อนข้างสูง ฉันมีเงินไม่พอต้องไปกดเงินสดจากบัตรเครดิตมาใช้ไปก่อนจนสุดท้ายเมื่อเสียเงินไปถึง 115,000บาท จึงเริ่มสงสัยว่าทำไมจ่ายค่าธรรมเนียมไปขนาดนี้แล้วยังไม่ได้รับของอีก

เมื่อฉุกคิดได้จึงโทร.ไปปรึกษาญาติผู้พี่ที่สนิทกันและเล่าเรื่องราวให้เขาฟังทั้งหมด ซึ่งได้รับคำตอบว่า ฉันคงโดนหลอกอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ฉันต้องเป็นหนี้บัตรเครดิตจำนวนมากจนต้องไปกู้เงินจากสหกรณ์ของที่ทำงานมาโปะหนี้ที่ฉันก่อขึ้นเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจคนง่าย ๆ แม้จะถูกหลอกมาถึงสามครั้งและเป็นหนี้อีกเกือบแสน แต่ฉันกลับไม่ได้รับบทเรียนเตือนใจเลย

อยู่มาวันหนึ่งชายชาวไอร์แลนด์ที่เคยคุยกันทางเฟซบุ๊กเมื่อหลายเดือนก่อนกลับเข้ามาคุยกับฉันอีกครั้ง เขาบอกว่าทำงานในตลาดหุ้น คุยไปได้สัก 2 - 3 เดือน เขาก็เล่าให้ฟังว่าตอนนี้กำลังแข่งขันลงทุนทำธุรกิจบางอย่าง ซึ่งจะได้เงิน 5 ล้านดอลลาร์ และจะนำเงินที่ได้มาลงทุนในประเทศไทย ตลอดเวลาที่คุยกัน เขาเล่าเรื่องงานให้ฟังอยู่เรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็บอกว่าเขาได้เงินมาแล้ว แต่อยากฝากเอกสารสำคัญที่ต้องเดินเรื่องในประเทศไทยไว้กับฉันก่อน เพราะเขาจะมาลงเครื่องที่ไทยสองวัน แล้วต้องเดินทางไปทำธุรกิจที่ประเทศอื่นต่อ

จากนั้นเขาก็ส่งรูปถ่ายพาสปอร์ตและเอกสารสำคัญทั้งหมดมาให้ฉันดูทางอีเมลเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมกับส่งรูปผู้ชายคนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่นำเอกสารทั้งหมดมาให้ฉัน สองวันต่อมาก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโทร.มาหาฉัน บอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากร เธอบอกว่าอยู่กับชายคนที่นำเอกสารมาให้ฉันแล้ว แต่การรับเอกสารนี้ต้องเสียค่าภาษีนำเข้าเป็นเงิน 12,000 บาท พร้อมกับยื่นสายให้ฉันคุยกับชายคนนั้น

ทุกอย่างดูน่าเชื่อถือมาก ฉันจึงรีบโอนเงินไปให้ตามหมายเลขบัญชีที่บอกมาว่าเป็นเอเย่นต์ในการจัดการค่าภาษี ต่อมาก็มีโทรศัพท์โทร.มาอีกสามสี่ครั้งว่าขอเรียกเก็บค่าประกันเอกสารการลงทุน ค่าประกันชีวิตสำหรับผู้ลงทุนในประเทศไทย แต่ละครั้งเป็นจำนวนเงินหลายหมื่นบาท เงินเก็บของฉันมีไม่พอแล้ว จึงไปยืมเงินสหกรณ์ของที่ทำงานมาอีกจนเต็มวงเงินที่กู้ยืมได้ มิหนำซ้ำยังต้องกู้เงินด่วนจากธนาคารมาอีกจำนวนหนึ่งรวมแล้วเป็นเงินเกือบสองแสนบาท

ถึงเหตุการณ์เหมือนจะซ้ำรอยเดิม แต่คราวนี้ฉันกลับมั่นใจว่าตัวเองไม่โดนหลอกแน่นอน เพราะทุกครั้งฉันจะได้รับเอกสารสำคัญที่น่าเชื่อถือกลับมาด้วย จนกระทั่งได้รับโทรศัพท์บอกว่า “สวัสดีค่ะ ดิฉันโทร.จากศาลตุลาการนะคะ ตอนนี้ทางเราได้รับเอกสารการลงทุนของเพื่อนของคุณเรียบร้อยแล้ว แต่มีค่าธรรมเนียมศาลที่คุณต้องจ่าย 8,000 ดอลลาร์สหรัฐค่ะ”

ฉันคำนวณในใจ นี่เป็นเงินสองแสนกว่าบาทเชียวนะ และเกิดเฉลียวใจขึ้นมาว่าการลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทยเกี่ยวข้องอะไรกับศาลตุลาการ พอถามกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบเฉไฉไปอีกเรื่องหนึ่ง ครั้งนี้ฉันไม่เชื่ออีกแล้ว ฉันวางสายนั้นทันที และโทร.หาญาติผู้พี่ที่เคยปรึกษาเมื่อครั้งที่แล้ว

“นี่เราโดนหลอกอีกแล้ว เก็บหลักฐานไว้ให้หมด แล้วรีบไปแจ้งตำรวจเลย พวกนี้มันทำเป็นขบวนการแน่ ๆ”

ฉันเจ็บใจมาก ที่สุดท้ายก็โดนหลอกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันไม่ยอมให้ประสบการณ์ความรู้ไม่เท่าทันของตัวเองเสียเปล่า ฉันเข้าไปแจ้งความและรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อให้ตำรวจติดตามดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ฉันอยากให้เรื่องร้าย ๆ ในชีวิตเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่น  ๆ อย่าได้ต้องมาเจ็บป่วย เจ็บใจ และเสียเงินเสียทองแบบฉันอีกเลย 

(ออนไลน์)

ข้อคิดจาก ดร.พระมหาบวรวิทย์ รตนโชโต

อะยะสา วะ มะลัง สมุฏฐิตังตะทุฏฐายะ ตะเมวะ ขาทะติเอวัง อะติโธนะจารินัง สานิ กัมมานิ นะยันติ ทุคคะติง

สนิมตั้งขึ้นแต่เหล็ก ครั้นตั้งขึ้นแต่เหล็กแล้ว ย่อมกัดเหล็กนั้นเองฉันใด; กรรมทั้งหลายของตนย่อมนำบุคคลผู้มักประพฤติล่วงปัญญาชื่อว่า โธนา ไปสู่ทุคติ ฉันนั้น เป็นพระดำรัสที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ให้เหล่าเวไนยสัตว์ได้เข้าใจความจริงของสภาวธรรมที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เหล่ามนุษย์ปุถุชนตกเป็นเหยื่อของสนิม จนทำให้ใจเป็นทุกข์โศกเศร้าร่ำไรรำพันไปต่าง ๆ นานา ความไม่รู้สภาวะธรรมของสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง คือตัวอวิชชา ความมืดบอดทางปัญญา ที่หลงระเริงไปตามกระแสแห่งอาสวะกิเลสที่เข้ามากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ

พอเข้าไปยึดติดยินดีปรีดา สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็สูญสลายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ยึดติดต้องคว้าน้ำเหลว ห่วงหาอาลัยอาวรณ์กับสิ่งเหล่านั้น ที่ไม่มีโอกาสจะหวนกลับมาเป็นดังเดิมอีก

อย่าไปโทษใครเลย อย่าโยนให้เป็นเรื่องกรรมเก่าเสมอไป บางทีก็เป็นกรรมใหม่นี่แหละที่ตัวเองสร้างขึ้นมาในปัจจุบัน ไม่เข้าไปศึกษาเรียนรู้หลักธรรม ทุกข์ที่เกิดขึ้นจากตัวเราเองนี่แหละเป็นผู้สร้างขึ้นมา แล้วนำมาบั่นทอนให้ใจผุกร่อนวันแล้ววันเล่าจนแตกสลายไปในที่สุด

กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยการฝึกสติปัญญาของตนให้กล้าแกร่งให้รู้เท่าทันกับสิ่งที่เข้ามากระทบ เมื่อถูกกระทบแล้ววาง กระทบแล้วหลุด กระทบแล้วหาย ไหนเลย ความทุกข์ใด ๆ จะเข้ากล้ำกลายได้

 

ที่มา: นิตยสาร Secret

เรื่อง: พลอยสีสด เรียบเรียง: เชิญพร คงมา ภาพ: นิตยสาร Secret แบบ: ธีรนุช ภัทรเกียรติเจริญ

Secret Magazine (Thailand)


บทความน่าสนใจ

TRUE STORY: กว่าจะสุข เรื่องจริงของหญิงที่ต้องทนทุกข์กับแม่สามี

True Story : บันทึกบาป ของผู้หญิงเหลวแหลก

True Story: “ละครชีวิต” ของผู้หญิงชื่อ อารี

True Story: รักนี้จัดหนัก ชีวิตคู่ที่แตกยับของเมียนักมวย

true story : เหตุเกิด เพราะความเมา

true story : สูญเสีย จนเสียศูนย์

True story : ขอบคุณ “ความสูญเสีย” ที่ทำให้ฉันเข้มแข็ง

TRUE STORY: กว่าจะสุข เรื่องจริงของหญิงที่ต้องทนทุกข์กับแม่สามี

True Story : เกมกรรมของ คนลวง

True Story : เมื่อมรสุมเข้ามาปกคลุมชีวิต

True Story : กว่าฉันจะสอบผ่านวิชา “ ทุกขัง ”

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.