ฉัตรชัย วชิระเธียรชัย

ฉัตรชัย วชิระเธียรชัย จากพ่อค้าห้องแถว สู่ธุรกิจพริก กระเทียมร้อยล้าน

ฉัตรชัย วชิระเธียรชัย

 

เหตุการณ์วัดใจมืออาชีพ

ช่วงสงกรานต์ปีหนึ่งบริษัทแปรรูปอาหารรายใหญ่โทร.มาถามว่าต้องการให้ส่งกระเทียมปอกเพราะของขาด ตอนนั้นผมพาครอบครัวไปพักผ่อนต่างจังหวัด ก็เดินวนคิดอยู่พักใหญ่แล้วเดินมาหาแฟนบอกว่า เดี๋ยวต้องกลับแล้ว พรุ่งนี้ต้องทำงานให้ลูกค้า วันรุ่งขึ้นก็เรียกคนงานมานั่งปอกกระเทียมกัน บวกกับสต็อกที่ยังพอมีบ้าง

ความลำบากคือตอนนั้นเรายังไม่มีห้องเย็น เราต้องเตรียมถังและน้ำแข็ง แล้วช่วงสงกรานต์ถ้าไม่ได้แจ้งก่อน น้ำแข็งก็ไม่ส่ง ผมต้องไปขอซื้อน้ำแข็งมาวางในถัง ปอกวันนี้แล้วเช้าก็เอาไปส่ง ปรากฏว่าลูกค้าแฮ็ปปี้มาก บอกเราว่า เดี๋ยวหลังวันหยุดจะเพิ่มออร์เดอร์ให้ ความเป็นมืออาชีพมันเกิดตรงนี้แหละครับ

ถ้าวันที่ของขาดหรือคนอื่นทำไม่ได้แล้วคุณทำได้ นั่นคือความเป็นมืออาชีพ ช่วงที่มีของหรือของล้นตลาด ทุกคนก็มีทั้งนั้น แต่เมื่อไรที่ของไม่มีแต่คุณมี นั่นแหละคุณคือมืออาชีพ คุณวางแผนได้เก่ง คุณถึงมีของป้อนให้ในช่วงที่ของขาดได้ แล้วผมก็ทำอย่างนั้นมาตลอด เพราะฉะนั้นสงกรานต์ผมไม่หยุด ผมจ้างคนงาน ให้ค่าจ้างสองแรงสามแรง แล้วลูกค้าต้องการอะไรก็บอกมาเลย ลูกค้าก็แฮ็ปปี้ เขาวางแผนงานง่าย เพราะว่าซัพพลายเออร์ไม่งอแง นี่คือสิ่งที่เราค่อย ๆ สร้างเครดิตเราขึ้นมา

จากประสบการณ์ทำให้รู้สึกว่าการขายกระเทียมปอกก็ไม่ยาก มันอยู่ที่การวางแผน การกักตุนสินค้า และการบริหารจัดการเรื่องคนทำงาน ผมจึงเข้าไปหากลุ่มธุรกิจร้านอาหารแฟรนไชส์รายใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ตอนแรกไม่ได้คิดจะส่งกระเทียมปอกที่นี่ แต่ผมชอบกินบะหมี่โรยกระเทียมเจียว แล้วรู้สึกว่ากระเทียมเจียวของผมอร่อยกว่า (หัวเราะ) ตอนนั้นผมมีโรงงานกระเทียมเจียวเล็ก ๆ แล้ว เราก็โทร.ไปหา เอาตัวอย่างไปให้ดู ให้เขาเข้ามาดูไลน์ผลิต ดูไปดูมาสุดท้ายเขาก็ซื้อกระเทียมเจียวที่โรงงานผม

หลังจากกระเทียมเจียวผ่านการพิจารณาแล้ว ผมจึงเสนอกระเทียมปอก เขาก็บอกว่ามีคนขายให้เขาเยอะมาก แต่ก็เปิดโอกาสให้ผมส่งกระเทียมปอก ช่วงแรกส่งกระเทียมปอกแค่ 50 กิโลกรัมไปพร้อมกับกระเทียมเจียว ส่งไปส่งมาตอนนี้ 60 เปอร์เซ็นต์ของกระเทียมปอกที่เขาใช้ซื้อจากผม

กว่าจะถึงวันนี้ย่อมต้องผ่านอุปสรรค

ปีหนึ่งเราซื้อพริกแห้งประมาณแสนกว่ากิโลเพื่อเก็งกำไร ช่วงนั้นพริกแห้งประมาณกิโลละ 40 – 50 บาท แล้วต้องเก็บในห้องเย็นซึ่งคิดค่าเช่ากิโลละบาทต่อเดือน เท่ากับพริก 1 กิโลมีต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก 12 บาท เพราะต้องเก็บไว้ 1 ปีกว่าที่ผลผลิตใหม่จะออกมา นี่ยังไม่รวมค่าดอกเบี้ย

วันนั้นเราซื้อเสร็จ ปรากฏว่าราคาพริกไม่ขึ้น คนอื่นรอไม่ไหวก็ขายทิ้งกันในราคา 36 บาท เพราะว่าผลผลิตใหม่กำลังจะออกมา ผมขาดทุนประมาณเกือบ 4 ล้าน เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วเรียกว่าเยอะมาก ตอนนั้นเครียดมาก วุฒิภาวะก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ เพราะอายุ 25 – 26 มาเจอเหตุการณ์ตู้มเดียวขาดทุนเป็นล้าน ๆ ก็เป๋เหมือนกัน

แม่บอกไม่เป็นไรลูก เอาไปทำพริกป่นก็แล้วกัน ผมจึงไม่ขายพริกทิ้ง ทำใจแล้วว่าที่มีอยู่เกือบแสนกิโลนี่ จะเอาไปทำพริกป่นแล้วค่อย ๆ ขายออกไป แต่กลายเป็นว่าปีนั้นมีมรสุม 2 ลูกติดกัน ผลผลิตพริกสดเสียหายหมด เมื่อไม่มีพริกสดก็เท่ากับพริกแห้งขาดตลาด กลายเป็นสถานการณ์พลิกกลับ ผมได้ทุนคืน เพราะมีแต่เราที่มีพริกแห้ง ไม่ได้เทขายเหมือนคนอื่น

กดเลข 4 เพื่ออ่านหน้าถัดไป >>>

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.