เลือกสุข หรือ เลือกทุกข์

คุณจะ เลือกสุข หรือ เลือกทุกข์ ลองถามใจตัวเอง?

จะ เลือกสุข หรือ เลือกทุกข์ …ลองถามใจตัวเอง

บทความจากพระไพศาล วิสาโล

จะ เลือกสุข หรือ เลือกทุกข์ ?

ขณะที่ทุกคนกำลังดูข่าวโทรทัศน์พร้อมกับกินอาหารเช้าด้วยความเร่งรีบ ลูกสาววัย 10 ขวบ เผลอทำแก้วตกแตก นมนองพื้น พ่อจึงต่อว่าลูกอย่างรุนแรง ลูกสาวถึงกับหน้าเสีย แก้ตัวได้ไม่กี่คำก็ร้องไห้เมื่อถูกพ่อโต้กลับมา แม่เห็นเช่นนั้นจึงต่อว่าสามีว่าทำไมใช้อารมณ์กับลูก สามีจึงหันมาโต้เถียงกับภรรยา ปะทะคารมพักใหญ่ก็นึกได้ว่าสายแล้ว สามีรีบไปเอากระเป๋าเอกสารจากห้องทำงานแล้วพาลูกขึ้นรถไปด้วยกัน

เป็นเพราะเขาออกจากบ้านช้ากว่าปกติจึงเจอรถติดเป็นแพยาวเหยียด ผลก็คือไปส่งลูกสาวสาย ส่วนตัวเขาเองก็ถึงที่ทำงานช้า ร้ายกว่านั้นก็คือ ในการประชุมนัดสำคัญเช้านั้น เขาลืมหยิบเอกสารชิ้นสำคัญใส่กระเป๋าตอนออกจากบ้าน การเจรจากับลูกค้าจึงไม่ประสบผล เขาถูกเจ้านายต่อว่า จึงหัวเสียและหงุดหงิดใส่เพื่อนตลอดวันด้วยความที่อารมณ์ค้างมาจากที่ทำงาน จึงขับรถเฉี่ยวชนขณะกลับบ้าน เสียเวลาไปอีกร่วมชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน พอเห็นหน้าภรรยากับลูกสาว เขาก็โวยวายใส่ทั้งสองคนว่าเป็นสาเหตุทำให้เขาไปทำงานสายจนเสียงานเสียการ คืนนั้นเขากับภรรยาจึงโต้เถียงกันต่อ ส่วนลูกสาวก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้องด้วยความรู้สึกกดดัน กว่าความสงบจะกลับคืนมาสู่บ้านนี้ก็ดึกแล้ว แต่ใจของทั้งสามคนยังคงร้อนรุ่มตลอดทั้งคืน

ใครที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วยตนเอง อดไม่ได้ที่จะคิดว่าวันนั้นเป็นวันที่เขา“ซวย”อย่างยิ่ง แต่ถ้าพิจารณาให้ดี มันไม่ใช่เป็นเรื่องของคราวเคราะห์แต่อย่างใด เหตุการณ์ย่ำแย่ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในวันนั้นเป็นผลกระทบที่ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่โดยมีจุดเริ่มต้นจากเหตุการณ์บนโต๊ะอาหารเช้านั้น ดูเหมือนว่าการที่ลูกสาวทำแก้วตกแตกด้วยความเผอเรอนั้นคือจุดปะทุที่ทำให้สิ่งเลวร้ายต่างๆ ตามมามากมาย แต่ความจริงแล้ว จุดสำคัญอยู่ตรงที่พ่อคุมอารมณ์ไม่อยู่ต่างหาก จนเผลอตัวพูดรุนแรงใส่ลูก

พ่ออดไม่ได้ที่จะโทษความซุ่มซ่ามของลูกสาวว่าเป็นสาเหตุของความ“ซวย”ทั้งมวลที่เกิดกับเขาในวันนั้น แต่ที่จริงหากพ่อไม่โมโหใส่ลูก เหตุการณ์ต่างๆในวันนั้นก็จะไม่เป็นอย่างที่ได้พรรณนาข้างต้น เราลองย้อนกลับไปยังเหตุการณ์บนโต๊ะอาหารอีกครั้ง

เมื่อลูกทำแก้วแตก ถ้าหากว่าพ่อตั้งสติได้ทัน ก็จะคุมอารมณ์และคำพูดได้อยู่ แทนที่จะด่าว่าลูก ก็สอนให้ลูกระมัดระวังมากขึ้น การโต้เถียงกับภรรยาก็จะไม่เกิดขึ้น ทำให้มีเวลาเตรียมตัวไปทำงานโดยไม่ลืมหยิบเอกสารสำคัญใส่กระเป๋าไปด้วย เนื่องจากเขาออกจากบ้านตรงเวลาจึงไม่เจอรถติด สามารถส่งลูกและถึงที่ทำงานตามเวลาเมื่อเข้าประชุม เขาก็มีเอกสารมาแสดงครบครัน การประชุมนัดสำคัญจึงจบลงด้วยดี เขาได้รับคำชมจากเจ้านาย วันนั้นเขาจึงทำงานด้วยความสบายใจ รู้สึกโปร่งโล่ง งานจึงออกมาดี

เย็นนั้นเขาขับรถถึงบ้านอย่างราบรื่น เจอหน้าภรรยากับลูกสาวก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน คืนนั้นทุกคนเข้านอนอย่างมีความสุขเห็นได้ว่าปฏิกิริยาของพ่อเมื่อเห็นลูกทำแก้วแตกสามารถนำไปสู่เหตุการณ์สองแบบที่ตรงข้ามกัน?เหตุการณ์หนึ่งนำไปสู่ปัญหาและความทุกข์ อีกเหตุการณ์หนึ่งนำไปสู่ความราบรื่นและความสุข จุดที่เป็นขั้วต่อหรือทางแยกนั้นก็คือ ภาวะจิตใจของพ่อเมื่อเห็นแก้วแตก กล่าวคือเป็นภาวะที่มีสติหรือถูกอารมณ์ครอบงำ

ตัวอย่างดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า แม้ประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ แต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรามีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์นั้นอย่างไร หากเราตอบโต้หรือแสดงออกอย่างมีสติ ไม่ปล่อยให้อารมณ์ชักนำไป ก็จะลงเอยด้วยดี และเป็นปัจจัยไปสู่สิ่งดีๆ ตามมาอีกมากมายในทางตรงข้าม หากเราขาดสติ กระทำด้วยความวู่วามฉุนเฉียว ก็อาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ตามมาเป็นทอดๆ ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพราะเรา“โชคร้าย”หรือวันนั้นฤกษ์ไม่ดี แต่เป็นผลจากการกระทำของเราเอง

เหตุร้ายในชีวิตบางครั้งก็มีจุดเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ซึ่งส่งผลต่อเนื่องเป็นลูกโซ่จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ในที่สุดจุดเล็กๆนั้นก็คือการกระทำที่ขาดสติของเรานั่นเอง แต่หากเรามีสติเสียแต่ตอนนั้น ก็จะนำไปสู่เหตุการณ์ที่ดีงามและสร้างความสุขให้แก่เรา ที่จริงหากมองย้อนกลับไปอีกหน่อยก็อาจจะพบว่าสาเหตุที่พ่อขาดสติ ฉุนเฉียวง่าย ก็เพราะพ่อมีอารมณ์ขุ่นมัวมาก่อนหน้านั้นแล้ว จากการที่ได้ดูข่าวโทรทัศน์ตั้งแต่เช้า แต่หากพ่อนั่งสมาธิสักครู่หลังจากตื่นนอน แล้วก็อาบน้ำแต่งตัวอย่างมีสติ พ่อก็จะไม่เผลออาละวาดเมื่อเห็นลูกทำแก้วแตก

กล่าวได้ว่าแต่ละวันจะเป็นวันดีหรือวันร้าย อยู่ที่ว่าเราเริ่มต้นวันนั้นอย่างไร เริ่มต้นด้วยการเติมสติให้แก่จิตใจ หรือเอาเรื่องหม่นหมองมาใส่ตน หากเริ่มต้นด้วยดี เราก็สามารถรับมือกับเหตุการณ์ร้ายๆได้ด้วยใจที่ปกติ ซึ่งพาไปสู่สิ่งดีๆอีกเป็นทอดๆ

วันดีหรือวันร้าย สุขหรือทุกข์ จึงเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ ถ้าเลือกวันดีหรือความสุข ก็พึงมีสตินำหน้าเมื่อมีสิ่งต่างๆมากระทบ แต่ถ้าอยากเลือกวันร้ายหรือความทุกข์ ก็ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำใจแล้วปล่อยตัวไปตามเหตุการณ์ต่างๆ สุดแท้แต่มันจะพาไป

เรื่อง : พระไพศาล วิสาโล

ขอบคุณรูปภาพจาก คุณ Brooke Cagle www.unsplash.com


บทความน่าสนใจ

อีกมุมความสุข ของ โตโน่ ภาคิน ทูตองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย

15 ข้อ ฝึกหาความสุขแบบตัดตรง (ไม่หรูหราแต่ได้ผลจริง)

อยู่สบาย แล้วทำไมต้องตายลำบาก บทความน่าคิด จากพระไพศาล วิสาโล 

เพื่อนมนุษย์ ความทุกข์ และความตาย บทความเตือนสติมนุษย์

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.