ขุนเขา สินธุเสน

อยู่กับคำวิจารณ์อย่างไร ให้ใจเป็นสุข โดย ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร (ชมคลิป)

อยู่กับคำวิจารณ์อย่างไร ให้ใจเป็นสุข โดย ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร (ชมคลิป)

เรื่องการถูกวิจารณ์ ถือว่าเป็นเรื่องคลาสสิคที่ทุกคนต้องโดน แล้วเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเรียนรู้ว่าจะรับมือกับมันยังไง มาฟังคุณ ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร

เรื่องการถูกวิจารณ์ ถือว่าเป็นเรื่องคลาสสิคที่ทุกคนต้องโดน แล้วเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเรียนรู้ว่าจะรับมือกับมันยังไง

เวลาที่เราถูกวิจารณ์นะครับ อันดับแรกสุดเลยเนี่ย เราต้องเข้าใจนะครับว่าคนที่วิจารณ์นะครับ เขาจะวิจารณ์จากตัวตนของเขามากกว่าของเรา

เราต้องสังเกตให้ดีว่า คุณเคยเห็นคนที่ยิ่งใหญ่ประสบความสำเร็จ สมมติว่านึกภาพนะครับพระพุทธเจ้า ในหลวงรัชกาลที่เก้า โอปราห์ วินฟรีย์  อองซานซูจี คนที่แบบยิ่งใหญ่อ่ะ  คุณว่าคนเหล่านี้เขาวิจารณ์คนอื่นรูปแบบไหนครับ

เขาส่วนใหญ่จะวิจารณ์ดี ๆ ถูกไหมครับ ส่วนใหญ่จะใช้คำพูดเตือนดี ๆ แล้วก็ใช้คำพูดที่งดงามในการตักเตือนคนต่าง ๆ เขาจะไม่วิจารณ์แรง ๆ แต่คนที่วิจารณ์แรง ๆ แย่ ๆ ทุเรศๆ ที่สุด กลับกลายเป็นคนประสบความสำเร็จน้อย เคยสังเกตไหมครับแล้วเป็นคนมีความสุขน้อยด้วยในชีวิต

เพราะฉะนั้นเนี่ย จำไว้ว่าคนเราจะวิจารณ์จากตัวตนของเรา มากกว่าตัวตนของคนที่เขากำลังวิจารณ์ คำวิจารณ์สะท้อนตัวตนของคนวิจารณ์ มากกว่าคนที่กำลังถูกวิจารณ์ จำคำนี้ไว้ก่อนอันดับแรก

ถ้าเราบอกคน ถ้าเราพูดว่าโง่ ถ้าเราด่าคนคนนึงคนอื่นว่าไอ้โง่ได้มากเนี่ย โง่ โง่ โง่ แสดงว่าเรามีคลังคำว่าโง่อยู่เยอะมากในชีวิต เราอาจจะอยู่กับคำว่าโง่มาเยอะมาก อาจจะโดนด่าว่าโง่ อาจจะคิดว่าตัวเองโง่ อาจจะคิดว่าคนอื่นโง่ แล้วเราก็เลยเป่ย เอ่ยคำว่าโง่ได้อย่างรวดเร็วสู่คนอื่น เพราะฉะนั้นเวลาใครด่าเรา เขาด่าจากตัวตนของเขา เรายังไม่เอาตัวของเราไปรับร้อยเปอร์เซ็นต์ อันนี้คืออันที่หนึ่ง

เมื่อเข้าใจตรงนั้นแล้ว อันที่สองนะครับ ให้ดูว่าคำวิจารณ์นั้นมาดึงหรือมาดัน คำวิจารณ์ที่มาดึงเนี่ย ก็คือคำวิจารณ์ที่ต้องการที่จะทำร้ายเรานะครับ อย่างเช่นว่าแกไม่มีทางประสบผลสำเร็จหรอก แบบนี้มาดึง เราไม่จำเป็นต้องไปฟังมัน

แต่มันมีคำวิจารณ์ที่ดีเหมือนกันครับ คำวิจารณ์ที่มันดันเรา อย่างเช่นว่า ทำแบบนี้ สำเร็จยากนะลองเปลี่ยนรูปแบบดูไหมมันอาจจะทำได้สำเร็จได้ดีขึ้น แบบเนี่ยเขาวิจารณ์ แต่เขามาดันเราเพื่อให้เราเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น เราต้องดูเจตนาให้ดีครับ อันไหนมาดึงเราปล่อยมันได้ อันไหนมาดันเราฟังมัน ลองฟังมันดูเราจะได้พัฒนา เพราะว่าถ้าฟังทุกคำวิจารณ์ทุกข์ทรมาน ถ้าไม่ฟังคำวิจารณ์ใดเลย โง่ดักดาน แต่คนที่ประสบความสำเร็จก็คือฟังคำวิจารณ์ที่ทำให้เราพัฒนาแล้วก็มีคุณค่า

ซึ่งก็เลยนำมาสู่ตัวที่สามครับ ตัวสุดท้ายเราต้องแยกคำวิจารณ์นั้นนะ มันเป็น truth หรือมันเป็น trash อัตราส่วนเท่าไหร่ truth แปลว่าคุณค่าหรือความจริง trash แปลว่า ขยะ โอเคไหมครับ

สมมติว่ามีคนมาบอกเราว่า อ้วน นะครับ มาบอกเราวิจารณ์ว่าเนี่ยอ้วนมากเลยอย่างนี้นะครับ เราต้องดูก่อนว่ามันมี truth หรือเปล่า มันเป็นความจริงหรือเปล่า โอเค เรามาดูตัวเอง เออเราก็อ้วนนะ แล้วเราจะไปโกรธเขาทำไมก็เขาพูดความจริง เราอาจจะโกรธเขาได้แต่เราก็มาดูตัวเองว่าเออ เราก็พัฒนาได้นี่หว่า ใช่ไหมครับ เราก็ทำให้ตัวเองหุ่นดีได้ใช่ไหมครับถ้าเราอยาก แต่มันจะมีอีกอันหนึ่งที่ตามมาว่าครับ อย่างเช่นว่า อ้วนอ่ะเธอ อย่างนี้จะไปมีแฟนดี ๆ ได้ยังไง ชีวิตนี้เธอหาใครที่รักเธอไม่ได้หรอก

อย่างงี้อันหลังทั้งหมดเลยเนี่ยเป็น trash โอเคไหมครับ เป็นขยะ เพราะอะไรเพราะเราเห็นแล้วว่าในโลกใบนี้มีคนที่น้ำหนักตัวเยอะ ๆ หรืออ้วนเนี่ยมากมาย ที่สามารถมีคู่ชีวิตที่ดีได้ จริงไหม

สามารถมีความสุข สามารถประสบความสำเร็จได้จริงไหม จริง ดูคุณแหม่ม สุริวิภา ดูคนมากมาย ดูคุณอะไรที่ท้วม ๆ สามารถที่จะมีชีวิตรักชีวิตที่ประสบผลสำเร็จ เพราะฉะนั้นตัวนี้เป็นขยะเราทิ้งมันเลยครับ

ตัวไหนเวลาเขาวิจารณ์มันมา มันจะมีสองอย่างนี้ มันปนมาไม่มากก็น้อยบางทีก็แบบ truth หมดเลย มีแต่ความจริงมา บางทีก็ trash หมดเลยมีขยะมา แต่เรามีหน้าที่ครับ ในการเลือกคัดว่าสิ่งใดเป็นคุณค่าเอากลับมาไว้ในใจ สิ่งใดเป็นขยะจงทิ้งมันไปแล้วเดินหน้าต่อชีวิตจะมีความสุขและประสบความสำเร็จแน่นอนครับ


บทความน่าสนใจ

อย่าคิดมากกับเสียงวิจารณ์ของคนอื่น จนตัวเองต้องทุกข์ใจ

ปัญหาธรรมประจำวันนี้ : ทำอย่างไรไม่ให้รู้สึกแย่กับ คำวิพากษ์วิจารณ์ ของคนอื่น

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.