กชณถกล เชาวน์เจริญ

กชณถกล เชาวน์เจริญ ทายาทร้านโชห่วยยอดกตัญญู

กชณถกล เชาวน์เจริญ ทายาทร้านโชห่วยยอดกตัญญู

ร้าน เสาวนีย์ ซำหว้า เป็นร้านโชห่วยแห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี ที่กล้าปรับตัวและพัฒนาเพื่อให้อยู่รอดได้ในระบบการค้ายุคใหม่ ด้วยความทุ่มเทของผู้หญิงคนหนึ่ง “ กชณถกล เชาวน์เจริญ ” ซึ่งอยากทำความฝันของคุณแม่ให้กลายเป็นจริง รวมทั้งดำเนินธุรกิจของครอบครัวอยู่บนหลักทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 อีกด้วย

” หลังเรียนจบจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ก็ได้ไปทำงานหลายแห่ง จนในที่สุดมาได้งานเป็นพนักงานขายที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ไม่นานก็เลื่อนไปทำการตลาด จากนั้นเลื่อนมาทำการตลาดต่างประเทศ เราอยากไปต่างประเทศ เลยไปปรึกษาพี่ต้อม-ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพรว่า อยากไปต่างประเทศสักครั้ง พี่ต้อมก็สนับสนุนให้ไปเปิดบูธขายสมุนไพรที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ สิงคโปร์ เราดีใจมากเพราะเป็นการได้ไปต่างประเทศครั้งแรก จากนั้นเลยมีแรงบันดาลใจอยากพูดภาษาอังกฤษให้ได้คล่อง ๆ จึงชอบไปดูทุนการศึกษาต่างประเทศที่ร้านขายหนังสือ เมื่อทราบว่ามีโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่อินโดนีเซียชื่อว่า “DARMASISWA SCHOLARSHIP PROGRAM 2006/2007” ซึ่งมีอีก 40 ประเทศเข้าร่วมด้วย เราเลยให้พี่ที่อภัยภูเบศร และครูชาวฟิลิปปินส์ที่มาอุดหนุนที่ร้านบ่อย ๆ ช่วยตรวจภาษาอังกฤษให้ เพราะต้องทำเอกสารสมัครเป็นภาษาอังกฤษส่งไปสมัคร ”

 

เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในต่างประเทศ

” เราติด 1 ใน 7 คนไทยที่ได้ไปเรียนภาษาที่อินโดนีเซีย ตอนนั้นเขาให้เราไปอยู่ที่กรุงจาการ์ต้า โครงการนี้เป็นโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม 41 ประเทศ ทำให้เรารู้จักเพื่อนดี ๆ หลายเชื้อชาติ เราต้องแยกไปอยู่กับเพื่อนต่างชาติ แต่ภาษาอังกฤษเรายังไม่เก่ง พูดได้นิดหน่อยเท่าที่จำเป็น เราสนิทกับเพื่อนชาวฮังการีคนหนึ่ง เพื่อนคนนี้เป็นคนที่ช่วยเหลือเราทุกอย่างและเราก็ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษจากเขา

 

ภาพจาก : กชณถกล เชาวน์เจริญ

 

” เมื่อจบโครงการแลกเปลี่ยน เรากลับมาช่วยที่บ้านขายของ ต่อมาก็สมัครโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่อเมริกาชื่อว่า “AuPairin American” เพื่อหาประสบการณ์การทำงานที่สหรัฐอเมริกา

” โดยทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กพอไปถึงต้องไปอบรมที่นิวยอร์กก่อน แล้วจึงไปทำงานที่พาล์มบีช (Palm Beach) รัฐฟลอริดา สิ่งที่เราได้ตอนไปทำงานที่นั่นคือความทุกข์เพราะเรารู้สึกโดดเดี่ยว พอทำงานได้หนึ่งปีก็ขอเจ้านายไปทำงานที่ร้านอาหารไทย เพื่อที่เราจะได้มีเพื่อน จึงสามารถเก็บเงินมาซื้อรถให้ที่บ้านตามที่ตั้งใจไว้ได้ ตอนนั้นกลายเป็นว่าเราทำงานหนักมาก ต้องกินกาแฟ 4 แก้วต่อวันเพื่อให้ตัวเองทำงานได้มากขึ้น เลยทำให้เครียด มีอาการผมร่วง ผิวพรรณหม่นหมอง แววตาไม่สดใส เราเลยเข้าใจว่าเป็นเพราะความทุกข์ ปกติเราจะดูรายการโทรทัศน์จากไทยเสมอ จนวันหนึ่งได้ยินคำพูดว่า “อย่าคิดไปล่วงหน้า เพราะสิ่งที่เราคิดอาจไม่เกิดขึ้น” คือคำมันตรงมาก ตอนนั้นเราทุกข์เพราะเราคิดไปก่อนเสมอ เรามักจะกลัวว่าเจ้านายจะไล่ออกจากบ้าน กลัวว่าเราจะทำอะไรให้เขาไม่พอใจ ตอนที่เราทุกข์มาก ๆ ก็จะสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก 7 วัน 7 คืน

 

ภาพจาก : กชณถกล เชาวน์เจริญ

 

” เราอยู่ครบ 2 ปี มีคนชวนให้อยู่ต่อ แต่คุณแม่ส่งข่าวมาว่าคุณยายกำลังป่วย เราจึงตัดสินใจไม่อยู่ต่อ และกลับมาเมืองไทยทันที ถึงแม้ว่าการอยู่ต่อต่างประเทศจะสร้างโอกาสและเงินทองมากมาย แต่เราคิดว่าถ้าเราขยันซะอย่างอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ ”

 

สานฝันของแม่

” เมื่อเราตัดสินใจกลับมาบ้าน เพื่อดูแลคุณยายและธุรกิจของครอบครัวแล้ว เลยคิดจะพัฒนาร้านโชห่วยของคุณแม่ การมีทุนเพื่อขายของเป็นความฝันของคุณแม่มาโดยตลอด เราพยายามทำความฝันของท่านให้เป็นจริง ด้วยความที่เราเป็นคนคิดเรื่องการทำธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก ตอนเรียนมัธยมฯเคยอยากเปิดเซเว่น แต่คุณพ่อว่าเพราะมันเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อมทีนี้เราจะเริ่มพัฒนาร้านที่มีอยู่เดิมอย่างไร เราจำได้ว่าร้านค้าที่ดีต้องมีทำเล แต่เราไม่มีทำเลจะทำอย่างไรดี เราเริ่มจัดการปรับปรุงบรรยากาศในบ้านก่อน ไปซื้อต้นไม้มาปลูกโดยนำความรู้ตอนเรียนสาธารณสุขมาใช้ เช่น เรื่องกลิ่นบำบัด กลิ่นหอมของดอกไม้ช่วยเรื่องสุขภาพได้ เราเลยปลูกดอกไม้ไทยที่มีกลิ่นหอม และสร้างร่มเงาให้มากขึ้น แล้วดินที่บ้านเป็นดินแดงก็จะเป็นฝุ่น เราเลยลาดยางเพื่อแก้ปัญหา เมื่อจัดการปัญหานอกบ้านได้แล้วก็หันมาปรับปรุงร้านค้า เราซื้อชั้นวางสินค้าจากโรงงานแถวบ้าน ปรากฏว่าใช้ได้ไม่กี่วันมันก็หลุด เราขอให้โรงงานชดเชยให้ ปรากฏเขาไม่รับผิดชอบ จนพี่คนหนึ่งจากอเมริกามาเที่ยวที่บ้าน เขาจึงช่วยซ่อมให้

 

ภาพจาก : กชณถกล เชาวน์เจริญ

 

” การที่เราพัฒนาร้าน ทำให้เรารู้อะไรหลายอย่าง ซึ่งจะต้องแก้ไขไปทีละอย่าง เราทำผิดพลาดบ้าง ถูกบ้าง แต่ก็กลายเป็นการเรียนรู้ของเรา เราอยากปรับปรุงร้านให้ดีขึ้นก็พยายามหาทุนด้วยการร่วมกิจกรรมประกวดทายาทโชห่วยของแม็คโคร แล้วได้รางวัลรองชนะเลิศมา เราไม่หยุดที่จะศึกษากลยุทธ์ต่าง ๆ เราติดต่อไปซื้อกับบริษัทโดยตรง และบริษัทที่มีโครงการต่าง ๆ เราก็เข้าร่วมจนได้ร้านติดดาวมา

” เราพัฒนาให้มีบริการต่าง ๆ เช่นรับจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ตอนแรกลูกค้าที่ใช้บริการมีไม่กี่คนนานเข้าก็เพิ่มเป็น 10 คน เมื่อคนมากขึ้น เรากลัวหลงลืมเลยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเก็บข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน เผื่อเวลาเขาทำใบเสร็จค่าน้ำ ค่าไฟหาย เราก็สามารถกดค้นดูข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ได้เลย

” ลูกค้าส่วนมากเป็นคนสูงวัยที่ใช้โทรศัพท์มือถือ จะไม่ค่อยรู้เรื่องข้อความเท่าไร เราต้องมาดูมาแก้ให้ เพราะบางทีมีข้อความเข้ามา แต่มันกินเงิน เราก็โทร.ไปยกเลิกข้อความให้ หรือบางทีโทรศัพท์มือถือมีอินเตอร์เน็ตแต่ไม่ได้ใช้ มันก็กินเงิน เราก็ต้องปิดระบบอินเตอร์เน็ตให้ บางคนคิดว่าโทรศัพท์มือถือเสีย พอเราดูปรากฏว่าซิมเคลื่อนเท่านั้นเอง (หัวเราะ) ”

 

 

วันที่คุณยายจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

” คุณยายคือคนที่ทำให้เราอยากกลับบ้าน ตอนนั้นท่านอายุ 97 ปีแล้ว เดินไม่ค่อยไหว สุขภาพไม่แข็งแรง เราจึงพาท่านไปหาหมอ และใช้ความรู้ที่เรามีดูแลท่าน หาสมุนไพรมารักษา จนท่านดีขึ้น ต่อมาคุณพ่อคุณแม่ก็ป่วย เราต้องดูแลท่านทั้งสองด้วย

” ในคืนที่คุณยายจะจากไป เวลาประมาณห้าทุ่ม เราอาบน้ำและสระผมให้ท่าน แล้วพาเข้านอน เราก็ไปพักผ่อนดูทีวี พอเที่ยงคืนจึงหันไปดูยาย เห็นท่านนอนแข็งผิดปกติ ตอนแรกคิดว่ามีอาหารติดคอ เลยพยายามเขย่าตะโกนเรียก “ยาย ยาย” แต่ท่านก็ไม่ฟื้น เลยตะโกนร้องให้คุณแม่และน้องสาวมาช่วย ตอนนั้นประมาณตีหนึ่ง-ตีสองแล้ว คุณพ่อวิ่งมาเปิดประตู เราก่อไฟเอาประคบมานวดที่เท้าท่าน เพราะก่อนหน้านี้ตอนสี่ทุ่มเรานวดเท้าให้ท่าน แล้วรู้สึกว่าเท้าท่านเย็นผิดปกติ และคิดว่าพรุ่งนี้จะไปตามหมอนวดมาประคบให้ พอประคบไปคุณยายฟื้นขึ้นมา แต่ตัวยังเย็นอยู่

” ตอนที่กำลังประคบเท้าท่าน เราสังเกตว่า ท่านหายใจออกอย่างเดียว ไม่หายใจเข้า พอเราจะป้อนยาลิ้นก็กระดกปิด คือระบบทุกอย่างในร่างกายปิดหมด เราเพิ่งเคยเห็นตอนคนกำลังจะตายเป็นครั้งแรก และคุณยายมีอาการตกใจ เราก็รู้นะว่าท่านตกใจ เราก็บอกท่านว่า “ยายต้องไม่ตายเดี๋ยวหนูรักษายายเอง” ลมหายใจของยายค่อย ๆ แผ่วลง สิ่งเดียวที่เรานึกถึงได้คือ พระพุทธรูป เราวิ่งไปเอาพระพุทธรูปมาตั้งที่หัวนอนคุณยายและอธิษฐานขอแบ่งชีวิตของหนูไปก็ได้ แต่ขออย่าให้ยายเป็นอะไร ขอให้ท่านอยู่ต่ออีกสองถึงสามวันก็ยังดี แต่ธรรมชาติก็คือธรรมชาติ และท่านก็หายใจออกยาวมาก จนเราไม่คิดว่ามนุษย์จะหายใจออกได้ยาวขนาดนั้นแล้วท่านก็จากไป คุณยายมีบุญ เพราะท่านตายไปพร้อมกับสติรู้ว่าตนเองกำลังจะตาย ”

 

ชีวิตที่ดำเนินรอยตามเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9

” แต่เดิมที่ตั้งของบ้านปัจจุบันเคยเป็นที่เลี้ยงหมูมาก่อน ขี้หมูจะไหลลงบ่อที่เราใช้กันเลยต้องซื้อน้ำสะอาดกิน เราจึงเห็นความสำคัญของน้ำสะอาด เลยนำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 มาใช้ คือการขุดบ่อน้ำเพิ่ม เมื่อก่อนต้องเอาน้ำมาซักผ้าให้คุณยาย น้ำที่มีขี้โคลนจะทำให้คนแก่ติดเชื้อง่าย และเราเห็นความสำคัญของดินหลังจากได้ปรับภูมทัศน์รอบบ้านด้วยการปลูกต้นไม้ เลยไปสั่งซื้อดินมาขายเพื่อให้ชาวบ้านได้มีดินดี ๆ ไว้ใช้ แล้วซื้อปุ๋ยมาขายเมื่อผลผลิตเขาออกผล เขาก็เอามาฝากเราขายเพิ่มด้วยได้ แล้วเราก็เพิ่มสินค้าคือหาเมล็ดพันธุ์มาขาย ให้ครบจักรวาลการเกษตรสวนครัว

” ในหลวง รัชกาลที่ 9 ไม่เคยตรัสว่า เราจะต้องทำตามทั้งหมดของทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ทำแค่ 1 ใน 4 ก็พอ คือปรับตามสถานการณ์อย่างเราค้าขาย การที่เราขุดบ่อน้ำสะอาดไว้ใช้เองถึง 6 บ่อก็ช่วยตัดเรื่องค่าใช้จ่ายของร้านออกไป พ่อขุดสระเลี้ยงปลา เราก็ปลูกต้นไม้ที่ให้ผลตามฤดูกาล เช่น ต้นมะพร้าวก็เอาลูกของมันมาขายเป็นของไหว้เจ้าช่วงเทศกาลตรุษจีน หรือส้มโอเราก็ปลูก บ้านเราปลูกผักสวนครัวด้วย ใครมาซื้อของที่ร้าน อยากได้ใบโหระพาเขาก็เด็ดไปได้เลย หรือหน้าบ้านปลูกต้นมะยม เวลามันออกลูก เขาก็เด็ดไปได้เหมือนกัน ”

 

 

อยากช่วยชุมชน

” พอเราเริ่มพัฒนาร้านก็ทำเรื่องไปขอเครื่องรูดบัตรสวัสดิการ เพราะรัฐบาลให้ชาวบ้านที่มีรายได้น้อยทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเราช่วยชาวบ้านทำเอกสาร หลังจากนั้นเรายื่นขอเครื่องรูดบัตรกับพาณิชย์จังหวัด ได้เป็นร้านธงฟ้า รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไว้คอยบริการผู้ที่ถือบัตรฯ ธนาคารกรุงไทยเป็นคนมาติดตั้งให้ ลูกค้าที่มีบัตรสวัสดิการส่วนมากเป็นคนสูงอายุ บางทีกดบัตรไม่เป็น บัตรเกิดล็อก เราก็ช่วยให้ปลดล็อก เพราะเราเป็นคนช่วยทำรหัส ”

 

ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ

” เราคิดว่าเราเป็นคนโชคดี จึงกล้าที่จะลองทำอะไร โดยไม่กลัว เป็นคนที่คว้าโอกาส และเป็นคนรอจังหวะเวลา ถ้าโอกาสมาเราต้องเข้าไป อย่างเรื่องเครื่องรูดบัตรสวัสดิการ ถ้ามันมาถึงเราก็ไม่ควรปล่อยผ่าน ตอนที่เราอยู่ต่างประเทศ อ่านหนังสือเล่มหนึ่งแล้วเจอประโยคที่ว่า “คนเรา ถ้ายังไม่ถึงเวลา ฟ้าดินก็ให้ไม่ได้ แต่ถ้าถึงเวลา ฟ้าดินก็ห้ามไม่ได้” ฉะนั้นคนเราต้องเริ่มทำด้วย ถ้าไม่กล้าที่จะก้าวต่อไปก็จะไม่รู้เลยว่ามันมีปัญหา พอเราทำไปเรื่อย ๆ ถึงรู้ว่าต้องแก้ปัญหาอย่างไร เราไม่รู้หรอกว่าทำแล้วจะสำเร็จหรือเปล่า มันอาจจะไม่สำเร็จ แต่คนเราต้องพัฒนา อย่างน้อยก็เป็นการออกจากจุดเริ่มต้นแล้ว มันจะถึงหรือไม่ถึง เราก็คืออยู่ระหว่างทางแล้ว แต่ถ้าไม่เดินเลยโอกาสที่จะถึงก็จะไม่มี

 

 

” คุณแม่ทำร้านนี้มา ก็อยากให้ท่านได้เห็นในตอนที่ร้านเรามีทุนเยอะ ๆ ตอนที่คุณยายยังอยู่ ท่านก็ได้เห็นแล้วว่าร้านมีสินค้ามากขึ้นกว่าแต่ก่อนและพัฒนาอะไรไปบ้าง เราเห็นคุณแม่สู้ชีวิตมามาก มือและเท้าท่านแตก เรารู้ว่าคุณแม่ลำบากมาอย่างไรบ้าง ตอนนี้ท่านมีโรคประจำตัว ตอนใส่บาตรก็ได้แต่อธิษฐานให้คุณแม่หายอยู่เสมอ”

ด้วยความขยัน มุ่งมั่น ซื่อสัตย์ มีน้ำใจ และกล้าคิดกล้าทำในการประกอบสัมมาอาชีพ บวกกับความกตัญญูต่อบุพการี เชื่อว่าจะเป็นอานิสงส์ให้คุณกชณถกลสามารถดำเนินกิจการ ร้านเสาวนีย์ ซำหว้า ได้เจริญรุ่งเรืองต่อไปสมกับที่ตั้งใจไว้ 

 

 

เรื่อง : กชณถกล เชาวน์เจริญ

เรียบเรียง : ชนินทร์ ผ่องสวัสดิ์

ภาพ : พีรพันธุ์ วิจิตรไกรวิน

สามารถส่งปัญหาธรรม และเรื่องดี ๆ สร้างแรงบันดาลใจมาได้ที่ >>> Secret Magazine (Thailand)


บทความน่าสนใจ 

พลอย – ชนิลเนตร ต่อสหะกุล บริหารธุรกิจด้วยใจฉันท์พี่น้อง

เคล็ดลับพลังใจเปลี่ยนชีวิต “รวิศ หาญอุตสาหะ” ผู้พลิกตำนานแป้งศรีจันทร์

ประสบความสำเร็จเพราะค่อย ๆ พัฒนา เจ๊โอว ข้าวต้มเป็ด แต่ดังมาม่าโอ้โห ขายได้วันละ 100 หม้อ 

เคล็ดลับความสำเร็จของ 3 ธุรกิจเงินล้าน แม่กิมไล้ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว พรานทะเล

ครูต้นกล้วย -วรินทร์ อาจวิไล : สร้างชุมชนคลองเตยให้เป็นแหล่งผลิตนักดนตรีที่ดี  

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.