ปฏิบัติธรรม

อานิสงส์จากการปฏิบัติธรรมมีจริง

อานิสงส์จากการ ปฏิบัติธรรม มีจริง

แม้วันเวลาจะล่วงเลยมาแล้วถึง 17 ปี แต่ผมยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี  (ปฏิบัติธรรม)

เช้าวันนั้นผมตื่นนอนประมาณ 6.00 น. รู้สึกแขนขวาชา ความคิดแรกคือ ผมคงจะนอนทับแขนนาน พอลุกจากที่นอนก็หยิบแปรงมาหวีผม ปรากฏว่าแขนขวาไม่มีแรง จึงเดินลงมาชั้นล่างเพื่อถอยรถออกจากบ้าน (บ้านเป็นตึกแถว) พอเหยียบคันเร่ง รถพุ่งออกจากบ้านอย่างแรงจนเกือบชนประตูเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม เนื่องจากขาขวาเหยียบคันเร่งแล้วไม่ยอมถอน

ผมลงจากรถแบบงง ๆ เอ…เราเป็นอะไรนี่ เช้านี้รู้สึกแปลก ๆ รีบไปนอนพักบนโซฟาในห้องรับแขก พอสาย ๆ เริ่มพูดไม่ค่อยได้ ลิ้นแข็ง แขนและขาไม่มีแรง มึนศีรษะเล็กน้อย เห็นท่าจะไม่ค่อยดี ผมจึงรีบนั่งแท็กซี่ไปหาหมอ (ไม่กล้าขับรถเอง) พอถึงโรงพยาบาล หมอตรวจอาการแล้วรีบให้ยา พร้อมกับบอกว่าผมเป็นอัมพฤกษ์

ผมใจหายวูบ เป็นไปได้อย่างไร ผมเพิ่งจะอายุ 43 ปีเอง ความคิดสับสนไปหมด หลังจากนั้นหมอเอาผมเข้าตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ผลปรากฏว่ามีเส้นเลือดตีบในสมอง หมอบอกว่า ถ้าผมมาช้าอีกสองสามชั่วโมงเส้นเลือดในสมองที่ตีบอาจแตกได้ โอกาสเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตก็จะค่อนข้างสูง

เจ็ดวันที่อยู่โรงพยาบาล ผมนอนรับยาละลายลิ่มเลือดผ่านทางสายน้ำเกลือ ต้องให้ภรรยาคอยป้อนอาหารและน้ำ ระหว่างอยู่โรงพยาบาล หมอมาตรวจอาการเพิ่มเติม พบว่าผมมีความดันโลหิตสูง สาเหตุมาจากมีถุงน้ำในไต หมอบอกว่าถุงน้ำในไตอีกหน่อยจะค่อย ๆ โตขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่า และผมจะต้องล้างไตด้วยเครื่องไตเทียม ทำให้นึกได้ว่าผมเคยปัสสาวะเป็นเลือด และเคยไปตรวจพบว่ามีถุงน้ำในไตแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยสนใจ เพียงแต่เวลามีเลือดออกตอนปัสสาวะ ก็จะดื่มน้ำมาก ๆ แล้วนอนพักเฉย ๆ สัก 3 – 4 วัน เลือดก็จะหยุด และกลับไปทำงานสอนหนังสือต่อได้

หลังจากออกจากโรงพยาบาล หมอสั่งให้นอนพัก 3 – 4 เดือน ระหว่างนั้นผมต้องไปโรงพยาบาลเพื่อทำกายภาพทุกวัน วันละ 1 – 2 ชั่วโมง ขณะนอนพักรักษาตัวที่บ้าน เพื่อนอาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งได้เอาหนังสือเรื่อง กฎแห่งกรรม • ธรรมปฏิบัติ ของหลวงพ่อจรัญแห่งวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี มาให้อ่าน 2 – 3 เล่ม แรก ๆ ผมก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไร แต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี เพราะต้องนอนอยู่บ้านเฉย ๆ 3 – 4 เดือน อ่านใหม่ ๆ ก็ไม่คิดอะไร มีแต่คนเขียนมาเล่าว่า ได้ปฏิบัติธรรมโดยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ ฝึกวิปัสสนากรรมฐานตามที่หลวงพ่อสอนแล้วมีความสุข ดีอย่างโน้น ดีอย่างนั้น อ่านแล้วผมก็รู้สึกเฉย ๆ ไม่ค่อยเชื่อเท่าไร

ต่อมาอีก 2 – 3 อาทิตย์ (ต้นเดือนพฤศจิกายน) หลังกลับมานอนพักรักษาตัวที่บ้าน อยู่ดี ๆ ผมเกิดอยากจะหาคนมาบวชพระ เพราะผมเองไม่มีลูก จึงโทรศัพท์ไปหาหลวงพ่อจำเนียรแห่งวัดบางพัง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งผมเคารพ ให้ท่านช่วยดูว่ามีใครอยากจะบวชบ้างไหม ผมจะรับเป็นเจ้าภาพบวชให้ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องบวชอย่างน้อยหนึ่งเดือนจึงจะสึกได้ หลวงพ่อบอกว่า ช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูบวช การจะหาคนมาบวชคงจะยากมาก และส่วนใหญ่พ่อแม่จะเป็นผู้บวชให้ แต่อย่างไรก็จะพยายามหาคนมาให้ ผ่านไปหนึ่งเดือนก็ยังเงียบ ท่านบอกว่า ให้รอไปก่อน ใกล้ ๆ เข้าพรรษาอาจจะหาได้

จนกระทั่งวันที่ 8 – 9 ธันวาคม ระหว่างผมนอนอ่านหนังสือ กฎแห่งกรรม • ธรรมปฏิบัติ อยู่ ผมยกหนังสือขึ้นอธิษฐานว่า “ถ้าหลวงพ่อเก่งจริง ช่วยหาคนมาบวชให้ผมหน่อย แล้วผมจะลองไปปฏิบัติธรรมที่วัดกับหลวงพ่อ”

คืนนั้นเอง เวลาประมาณ 20.00 น. เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หลวงพ่อจำเนียรจากวัดบางพังโทร.มาบอกว่าหาคนให้ได้แล้ว เป็นลูกคนงานก่อสร้างที่ทำงานอยู่ในวัดนี่เอง เมื่อปีที่แล้วเคยอยากบวช แต่พ่อแม่ยากจน ไม่มีเงินโดยเขาขอบวชในเดือนมกราคม และจะบวชยาวจนถึงออกพรรษาเลย

ผมดีใจมาก ตอบตกลง ขณะเดียวกันผมก็ขนลุกทันที ลุกขึ้นนั่งมองหนังสือ ยกมือไหว้หลวงพ่อจรัญ แล้วอธิษฐานบอกว่า หลังจากได้เป็นเจ้าภาพบวชพระแล้ว ช่วงปิดเทอมเดือนเมษายน ผมจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันตามที่ได้อธิษฐานเอาไว้

เสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม ผมก็ได้เป็นเจ้าภาพบวชพระจริง ๆ และเผอิญเป็นวันเด็กแห่งชาติด้วย ผมและภรรยาได้มีโอกาสทำบุญกับเด็ก นับว่าได้ทำบุญสองอย่างในวันเดียวกัน ส่วนอาการอัมพฤกษ์ของผมก็ดีขึ้น เดินได้ พอพูดได้ ขับรถได้

ปฏิบัติธรรม
Image by John Hain from Pixabay

เดือนเมษายน มหาวิทยาลัยปิดเทอม เช้าวันศุกร์ผมจึงขับรถจากบ้านฝั่งธนฯไปวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี เพื่อปฏิบัติธรรม 3 วัน (ศุกร์ – อาทิตย์) บ่ายวันศุกร์เข้าวัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดขาว คนมาวัดกันมาก ผมหัดสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ที่วัดอัมพวันทุกคนต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ ซึ่งผมนั่งสมาธิเช้าวันแรกก็หลับคอพับ เดินจงกรมก็ไม่มีสมาธิ รู้สึกทรมานมาก ไม่เห็นมีประโยชน์เลย ผมอยู่อย่างไม่มีความสุข อยากกลับบ้านไปนอนมากกว่า แต่กลัวผิดสัญญาที่ให้ไว้กับหลวงพ่อ เลยจำใจต้องทนอยู่จนครบ 3 วัน

หลังจากกลับมาได้ 2 – 3 เดือน ผมก็ไม่เคยได้ปฏิบัติธรรมอีกเลย จนวันหนึ่งมาคิดว่า ถ้าการสวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรมไม่มีประโยชน์ ทำไมคนจึงไปวัดนี้กันมาก แล้วคนที่เขียนมาเล่าในหนังสือ ถ้าไม่จริง เขาจะเขียนมาทำไม จึงตั้งใจไปปฏิบัติใหม่ โดยเริ่มทดลองนั่งแค่ 10 นาทีก่อน ถ้านั่งและเดินได้ดีแล้ว ค่อยเพิ่มเวลามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยกำหนดว่าจะต้องทำให้ได้สักหนึ่งชั่วโมงทุกวัน ผมใช้เวลาประมาณ 5 – 6 เดือนจึงนั่งได้ครบหนึ่งชั่วโมงโดยไม่ทรมาน ระหว่างนั้นก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมมากขึ้น ถึงปัจจุบันก็ผ่านมาได้ 17 ปีแล้วที่ผมตื่นตีสี่เข้าห้องพระสวดมนต์ นั่งสมาธิ ฝึกวิปัสสนา ดูจิตตัวเองทุกวัน ทำให้ผมได้พบความสุขแบบที่ไม่เคยพบมาก่อน รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองตลอด ไม่ปล่อยให้เป็นไปตามอารมณ์ที่เกิด

ผลของการปฏิบัติไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เพราะถุงน้ำในไตของผมที่โตขึ้นเรื่อย ๆ โตค่อนข้างช้ากว่าญาติคนอื่นมาก พี่ชายซึ่งอายุมากกว่าผม 2 ปีเป็นโรคเดียวกันกับผมต้องเริ่มล้างไตตอนอายุ 48 ปี แต่ล้างได้ 2 ปีโชคดีได้เปลี่ยนไตโดยพี่สาวคนโตบริจาคให้ ส่วนญาติคนอื่นที่เป็นถุงน้ำในไต พออายุใกล้ 50 หรือ 50 ต้น ๆ ทุกคนต้องเริ่มล้างไตกันหมด หรือเปลี่ยนไตจากพี่น้องด้วยกัน เหลือผมเพียงคนเดียวที่ยังไม่ต้องล้างไต จนกระทั่งอายุใกล้ 60 ในอีกสองเดือนข้างหน้านี้

ไม่นานมานี้ผมเริ่มมีอาการเหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง ขาบวม จึงได้เริ่มล้างไตเหมือนคนอื่น ๆ คุณหมอที่ดูแลรักษาผมมาตลอด 17 ปี เชื่อว่าเป็นผลจากการปฏิบัติธรรม ทำให้จิตใจสงบ อาการของโรคถุงน้ำในไตจึงเกิดช้ากว่าคนอื่น ท่านได้เอากรณีศึกษาของผมไปสอนนักศึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลราชวิถี ทุกวันนี้ผมมีความสุขจากการปฏิบัติธรรมทุกเช้า แม้จะต้องไปล้างไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง (โดยมีภรรยาที่แสนดีไปเป็นเพื่อนด้วยตลอด) ก็ไม่ทุกข์ทรมาน ล้างแล้วสุขภาพดีขึ้น ยังสามารถทำงานสอนหนังสือได้เหมือนคนอื่นทั่ว ๆ ไป

ปัจจุบันผมเกษียณตัวเองจากหน้าที่การงานแล้ว และผมได้แต่หวังว่า ผลจากการปฏิบัติธรรมมาหลายปีและจะทำต่อไปตลอดชีวิต จะทำให้มีโอกาสได้รับการบริจาคไตเพื่อมาเปลี่ยนแทนไตเดิมที่โตขึ้นและเสื่อมไปเรื่อย ๆ

 

Secret Box

ยอมรับว่าโรคภัยไข้เจ็บเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแล้วเราจะไม่ทุกข์ทรมานจากมัน
ผศ.ประจวบ เพิ่มสุวรรณ

 

ที่มา  คอลัมน์ Stories from Our Reader นิตยสาร Secret

เรื่อง  ผศ.ประจวบ เพิ่มสุวรรณ

Image by chuck herrera from Pixabay

Secret Magazine (Thailand)


บทความน่าสนใจ

เหตุให้ได้มาซึ่งสมาธิ โดย พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.