คนป่วย

ลองนั่งลงไปในใจ “คนป่วย”

แม่ของต้นพุทธป่วยเป็นอัมพาตมากว่า 7 ปี

ทุกวันท่านก็พลิกตัวได้แค่ด้านข้าง มองผนัง มองเพดาน เมื่อนอนหงาย กินได้แต่ข้าวต้ม ขนมนิ่ม ๆ อาหารอ่อน ซ้ำ ๆ มื้อแล้วมื้อเล่า ไม่เคยได้ออกไปข้างนอกบ้าน ตาก็เริ่มสู้แสงไม่ได้ โดนพัดลมมากหน่อยท่านก็น้ำตาไหล กิน นอน ขับถ่าย และใช้ชีวิตทุกวัน “บนเตียง” แค่หันตะแคงข้าง พื้นที่เตียงที่เหลือด้านข้างก็รู้สึกว่ากว้างไป เพราะในหัวใจท่านคอย คอยคนที่ท่านรักมาเยี่ยมเยียน

ท่านรู้ว่าทุกคนมีภาระการงานหน้าที่ แต่คนเป็นแม่และเวลาที่มีเหลือของชีวิตก็คงคิดแค่รอคนที่รักมาหา หลายครั้งที่ธรรมเนียมของการเยี่ยมเยียนจะมีประโยคนิยมคนต่างพูดกันเป็นธรรมดา

“หม่าม้า หายเร็ว ๆ นะคะ / ครับ”

ในใจต้นพุทธเข้าใจความหมายของคนพูดว่ามันคือประโยคทั่ว ๆ ไปที่เราใช้เพื่อแสดงความหวังดี แต่วันนี้หากต้นพุทธมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนใคร โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เรารู้ดีแก่ใจว่าอย่างไรเขาก็ไม่หาย…ต้นพุทธจะพูดว่า

“แข็งแรงนะคะป้า เรายังอยู่ค่ะ”

ด้วยเคยสังเกตว่า หลังฟังคำพูดปรารถนาดีมากมายของผู้มาเยี่ยม หม่าม้ามีสีหน้าสลดมากกว่าจะสดชื่นหรือเฉย ๆ คงเพราะถ้อยคำที่ว่า “หายเร็ว ๆ นะคะ” มันยิ่งย้ำให้คนไข้ตอบตัวเองอีกครั้งว่า “มันไม่มีวันนั้นหรอก ฉันรู้” คำว่า “สู้ ๆ” ที่ดูเหมือนให้กำลังใจ แต่ลึก ๆ ลงไป แม้แต่ต้นพุทธเองที่ต้องดูแลแม่มากว่า 7 ปี บางครั้งก็ยังไม่อยากได้ยินคำนี้ เพราะบางทีก็อยากบอกว่าสู้มาจนเกือบไม่ไหว “สู้ตาย” อาจเป็นคำที่ใช้แล้วเหมาะ แต่ทุกครั้งคำที่มักเรียกน้ำตาของต้นพุทธออกมากลับเป็นคำว่า

“เหนื่อยไหม มีอะไรอยากระบายพูดมาเถอะ เราฟังได้ พูดมา ๆ”

เมื่อไหร่ที่ต้นพุทธท้อแท้ เหนื่อยล้า รู้สึกว่าตัวเองไม่มีใคร อยากออกไปไหนต่อไหนให้หายเบื่อ หายเซ็ง ที่ต้องอยู่ดูแลหม่าม้าจนแทบไม่ได้ไปไหนเหมือนใคร ๆ มาเกือบ 7 ปี ความรู้สึกเหล่านี้จะหยุดลง

เมื่อต้นพุทธหันกลับไปมองเตียงคนไข้ที่มีหม่าม้านอนอยู่ สิ่งที่ท่านกำลังเผชิญมันทั้งทุกข์ทรมานกว่าต้นพุทธตัั้งหลายเท่า แต่ท่านก็ยังต้องอยู่ อยู่อย่างเดิมโดยไม่รู้วันเวลาของคำว่า “สิ้นสุด” แล้วต้นพุทธ คนที่ยังเดินได้ กิน อยู่ ขับถ่าย ไม่ใช่แค่บนเตียง ทำไมไม่รู้จักพอใจ ทำไมถึงเรียกร้องให้ใจมันดิ้นรน หม่าม้าไม่เคยโวยวายให้ต้นพุทธเห็นว่าท่านทุกข์แค่ไหนกับการต้องเป็นคนไข้เรื้อรังแบบนี้ ท่านทำแค่นิ่ง เงียบ และบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ในบางครั้งว่าเป็นภาระของต้นพุทธ

“ไม่รู้เมื่อไหร่จะตายไปเสียที”

ท่านพูดแค่นี้ น้ำตาที่มีก็ทำหน้าที่ของมัน

หม่าม้ายังต้องเผชิญ ไม่วีน ไม่เหวี่ยง ทั้ง ๆ ที่ท่านเดินไม่ได้ ทุกวันนี้ไม่ว่าจะท้อแท้แค่ไหน ต้นพุทธจะยอมรับมัน แล้วเคลียร์ใจด้วยคำว่า ในเมื่อเรายังกินอิ่ม นอนหลับ ต้นพุทธก็ไม่ใช่คนลำบากหรือพิการตรงไหน เช้ามายังตื่นลืมตาและมีลมหายใจ โชคดีแล้วใช่ไหมที่ยังมีโอกาสแบบนี้ แบบที่คนปกติดี ๆ เขาเป็นกัน

(คนป่วย)

ที่มา  นิตยสาร Secret

เรื่อง  ต้นพุทธ

Image by truthseeker08 from Pixabay

Secret Magazine (Thailand)


บทความน่าสนใจ

รักษาไข้ด้วยใจ “ กรุณา ” บทความให้กำลังใจจาก นายแพทย์ชวโรจน์  เกียรติกำพล

รักษาคนเจ็บไข้พร้อม รักษาใจตัวเอง บทความดี ๆ จาก นายแพทย์ชวโรจน์ เกียรติกำพล

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.