อาหารจานโปรดที่มีลมหายใจ

อาหารจานโปรดที่มีลมหายใจ

ทะเลแดดสีทองอาบเทือกเขาตรงหน้า เกล็ดน้ำค้างแข็งระยิบระยับราวกากเพชรโปรยทั่วทุ่งหญ้า อาหารจานโปรดที่มีลมหายใจ

ฉันลืมตาตื่นกับภาพตรงหน้าจากหน้าต่างกระจกของกุฏิหลังเล็กบนเนินเขาที่วัดป่าวิมุตติ วัดป่าสาขาหลวงพ่อชาในเกาะเหนือ ประเทศนิวซีแลนด์

ม้า 3 ตัวยืนกินหญ้า ฝูงแกะและวัวกระจายอยู่คนละฟากของเนินเขา แลดูคล้ายภาพถ่ายในโปสต์การ์ด

สัปปายะอันได้แก่ สถานที่ อากาศ อาหาร อาจแตกต่างกันไปในวัดคนละซีกโลก อากาศที่ร้อนและอ้าวฝนในวัดแถบอีสานบ้านเรา เป็นคนละอุณหภูมิกับความหนาวเหน็บที่สอดแทรกเข้าไปใต้ผ้าห่มในคืนที่ต่ำกว่าศูนย์องศา ในประเทศแถบขั้วโลกใต้ระหว่างช่วงเข้าพรรษาซึ่งฤดูกาลตรงข้ามกับเมืองไทย

อาหารก็เปลี่ยนรสจากส้มตำปลาร้ารสจัด ซุบหน่อไม้ ข้าวเหนียวมาเป็นข้าวอบเครื่องเทศกลิ่นแขกๆ

ถั่วเหลืองต้มที่เรียกว่า “ดาล” แกงรากบัว และมันฝรั่งไส้ผักที่ปั้นเป็นก้อนกลมๆ แล้วทอด อาหารอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวศรีลังกา ชุมชนชาวพุทธผู้มีศรัทธาเต็มเปี่ยมในการถวายทาน รักษาศีล และภาวนา

เหตุที่ฉันเปรียบเทียบสัปปายะระหว่างสองวัดในสองประเทศ ก็เพราะเมื่อต้นปีฉันได้มีโอกาสไปปฏิบัติที่วัดถ้ำผาจันทร์ ตำบลเต่างอย สกลนคร ซึ่งเป็นวัดที่ห่างไกลชุมชน และพอกลางปีฉันก็ได้บินข้ามฟ้ามาปฏิบัติที่วัดวิมุตติ นอกจากอากาศและอาหารที่ต่างกันแล้ว สิ่งที่ใกล้เคียงกันน่าจะเป็นสถานที่ตั้งของวัดซึ่งอยู่บนเนินกลางทุ่งกว้างในโอบล้อมของเทือกเขา ในกุฏิไม่มีไฟฟ้าจึงต้องอาศัยแสงเทียนในยามค่ำคืน

สิ่งที่ทำให้ฉันระลึกนึกย้อนถึงวัดถ้ำผาจันทร์ก็คือ ที่โน่นมีฝูงวัวฝูงควายในท้องทุ่ง ที่นี่ก็มีฝูงวัวเนื้อ วัวนม และฝูงแกะ วัวไทยกับวัวฝรั่งต่างกันตรงที่วัวฝรั่งไม่มีกะโหล่งคล้องคอ (ชาวอีสานเรียกกระดึงที่คล้องคอวัวว่ากะโหล่ง)

ที่วัดถ้ำผาจันทร์ เสียงกะโหล่งดังกังวานก้องหุบเขาในทุกก้าวย่างของวัวควาย ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเสียง กร๊องแกร๊ง กร๊องแกร๊ง ใจฉันสะท้อนถึงความตายที่ใกล้เข้ามาของฝูงสัตว์สัตว์สี่เท้าที่น่าเวทนาซึ่งให้คุณประโยชน์แก่มนุษย์ตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย หารู้ไม่ว่าของขวัญห้อยคอที่เจ้าของหยิบยื่นให้ในวันแรกเกิด แท้ที่จริงคือของขวัญแห่งความตาย วัวควายคงหลงคิดไปว่าเขารักใคร่เอ็นดู

ที่วัดวิมุตติก็เช่นกัน ฝูงวัวต่างนึกว่าชีวิตช่างมีเสรี โดยหารู้ไม่ว่าวันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ทุกเช้าฉันเห็นพวกเขาแทะเล็มหญ้าอย่างเอร็ดอร่อย ฉันอดไม่ได้ที่จะทักทายพวกเขา เพราะฉันไม่ได้เห็นเขาเป็นอาหาร แต่เห็นเขาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ในสังสารวัฏ ทุกครั้งที่เห็นฉัน พวกเขาจะหยุดกินหญ้าและเดินเข้ามาหา บางเช้าที่ยอดหญ้าเป็นน้ำแข็ง ลมหายใจที่ระบายออกจากจมูกบานๆ พุ่งเป็นสาย เรายืนอยู่ใกล้กันจนลมหายใจอุ่นๆ ที่กระทบไอเย็นผสานเป็นลมหายใจเดียวกัน

อาหารจานโปรดที่มีลมหายใจ
Photo by Theo Leconte on Unsplash

“Breathe and you know that you are alive. Breathe and you know that all is helping you…”

“หายใจและรู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ หายใจและรู้ว่าสรรพสิ่งเกื้อกูลเจ้า…”

ฉันคงไม่บ้าหรอกนะที่ร้องเพลง “ลมหายใจ” ของหมู่บ้านพลัมให้วัวฟัง เพราะนัยน์ตาใสซื่อบริสุทธิ์ของพวกเขาแสดงว่าพวกเขาไม่รู้เลยว่า วาระสุดท้ายของพวกเขาหนีไม่พ้นการเป็นทีโบนสเต๊กหรือริบอายจานโปรดของใครบางคนในภัตตาคารหรือในซูเปอร์มาร์เก็ตแน่ๆ

ฉันสวดมนต์แผ่เมตตาให้ฝูงสัตว์ที่ชั่วชีวิตนี้คงไม่เคยได้ยินเสียงสวดมนต์ (แน่นอนว่าฉันสวดเป็นภาษาอังกฤษทำนองวัดป่านานาชาติ เพราะพวกเขาเป็นวัวฝรั่ง!) บรรดาวัวทั้งหลายต่างหยุดนิ่งฟังอย่างตั้งใจ บ้างก็แอบฟังหูผึ่งอยู่หลังต้นไม้ ฉันจึงเริ่มสาธยายธรรมให้วัวฟังถึงผลกรรมที่นำพวกเขามาเกิด ความตายที่พวกเขาจะต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วิธีปล่อยวางลมหายใจสุดท้ายให้พ้นจากการเกิดเป็นวัว และขอให้พวกเขาได้ดวงตาเห็นธรรม

เช้านี้ฉันเดินเจริญสติเช่นเคย บรรยากาศเงียบเหงาเย็นเยือกกว่าวันวาน ฉันมองไม่เห็นวัวฝูงเดิม แต่ทันทีที่ฉันเดินขึ้นไปจนถึงเนินที่สูงที่สุด ฉันก็ได้ยินเสียงวัวหลายตัวที่เนินข้างล่างส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ฉันเห็นรถบรรทุกขนาดใหญ่จอดเทียบหน้าบ้านเจ้าของฟาร์ม ต้นไม้บังจนมองไม่เห็น ขณะรถเคลื่อนเข้าไปลำเลียงเพื่อนร่วมโลกของฉันขึ้นรถ เสียงร้องของวัวภายในรถที่ปิดสนิทแน่นหนาไม่อาจเล็ดลอดออกมาได้ แต่เสียงเพื่อนๆ ที่วันนี้ยังได้กินหญ้าอยู่กลางทุ่งกลับดังกว่า คล้ายจะบอกลา คล้ายจะส่งภาษาว่า “จะเอาเพื่อนฉันไปไหน อย่าเอาเพื่อนฉันไปฆ่า พวกเราก็กลัวตายกลัวเจ็บ กลัวจากพ่อแม่พี่น้องของเราเหมือนกัน” เสียงร้องราวกับวัวเหล่านั้นกำลังขอชีวิตดังก้องหุบเขา บาดความรู้สึกของฉันเหลือเกิน ฉันได้แต่หวังว่าเสียงสวดมนต์และธรรมะก่อนตายที่พวกเขาได้ฟังคงตามไปคุ้มครองพวกเขาให้สละสังขารเป็นอาหารแก่มนุษย์ด้วยใจอันสงบและให้อภัย จะวัวฝรั่งวัวไทยความทุกข์ที่มีเหมือนกันก็คือเกิดมาเพื่อตาย อันที่จริงวัวทุกตัวน่าจะต้องตายดี เพราะทั้งชีวิตไม่เคยทำบาป ไม่เคยคิดเอาชีวิตสัตว์อื่นเป็นอาหาร แถมยังให้เลือดเนื้อและน้ำนมเป็นทานแก่เพื่อนมนุษย์ประดุจมารดา

หากเราย้อนมองชีวิตตัวเองตั้งแต่เกิดจนถึงวันนี้และมองไกลออกไปถึงวันสุดท้ายของชีวิต กระดูกที่เราทิ้งไว้ให้ลูกหลานดูต่างหน้าเป็นสิ่งสุดท้ายนั้นมาจากร่างกายที่ได้ทำหน้าที่มนุษย์สมบูรณ์แล้วหรือยัง ชีวิตทางกายภาพทั้งวัวทั้งคนมีจุดจบเหมือนกันคือการสิ้นสุดแห่งลมหายใจ แต่ชีวิตทางจิตวิญญาณของเราต่างทำหน้าที่ต่อไป ใครเบียดเบียนใครก็เป็นไปตามแรงกรรมจนกว่าจะสุดสิ้นการเกิดและการตาย

“Breathe and you break the thought of birth and death. Breathe and you see that impermanence is life…”

“หายใจ…และขอให้เจ้าก้าวข้ามการเกิดการตาย หายใจ…ด้วยใจที่เห็นแจ้งในความไม่เที่ยงของสิ่งที่เรียกว่า ‘ชีวิต’…”

อาหารจานโปรดที่มีลมหายใจ

ที่มา  นิตยสาร Secret

เรื่อง  silajira

Photo by Ryan Song on Unsplash

Secret Magazine (Thailand)

IG @Secretmagazine


บทความน่าสนใจ

ความสุขในลมหายใจสุดท้าย…ปรารถนาที่ถูกมองข้าม บทความจาก พระไพศาล วิสาโล

Dhamma Daily : อยากให้พ่อแม่ ปล่อยวาง และมีความสุขในชีวิตบั้นปลายควรทำอย่างไรดีคะ

“จากตาย”เรื่องที่ไม่มีใครในโลกหนีพ้น โดย พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

โลกิยนิพพาน แตกต่างกับโลกุตตรนิพพานอย่างไร โดย พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

5 วิธีอินกับความตาย เข้าใกล้นิพพาน โดย พระไพศาล วิสาโล

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.