“ผมจะปลูกต้นไม้ไปจนกว่าผมจะตาย” ดาบวิชัย วีรบุรุษคนบ้าปลูกต้นไม้สามล้านต้น

ชาวบ้านหาว่า “ผมบ้า”

ปี 2531 เป็นปีแรกของการเริ่มปลูกต้นไม้ ทุกเช้าและหลังเลิกงาน ดาบวิชัยจะขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจตระเวนไปตามที่ต่าง ๆ พร้อมกับถุงปุ๋ยที่มีต้นกล้าและจอบ จนเป็นภาพที่ชินตาของชาวบ้าน เขามุ่งมั่นปลูกต้นไม้ด้วยความตั้งใจ และหวังว่าในอนาคต ทรัพยากรนี้จะทำให้ลูกหลานชาวอำเภอปรางค์กู่สุขสบาย แต่ผลที่ตามมาคือ คำนินทาว่าเขาบ้า

ใครจะวิจารณ์เขาอย่างไรก็ตาม แต่เมื่อต้นไม้เหล่านั้นเติบโตและแข็งแรง ให้ดอก ผล และร่มเงา ทำให้ชาวบ้านเข้าใจสิ่งที่ดาบวิชัยทำในที่สุด ต้นไม้ที่ดาบวิชัยปลูกล้วนนำไปใช้สอยให้เกิดประโยชน์ได้สารพัด เช่น ต้นตาล ทุกส่วนของมันใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด เช่น ช่อตาล สามารถนำไปทำน้ำตาลได้ ลูกตาล หรือตาลสด มีสรรพคุณช่วยแก้ไข้ตัวร้อน ช่วยละลายเสมหะ และบรรเทาอาการไอเรื้อรังได้ ส่วนขาตาล ชาวบ้านหรือพ่อค้าในละแวกนั้นจะตัดไปทำคราดและไม้กวาด ต้นคูน ลำต้นของมันสามารถทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้ ต้นยางนา ใช้สร้างบ้านได้ ต้นแค ส่วนของดอกสามารถนำไปประกอบอาหารได้ ต้นสะเดา ชาวบ้านสามารถนำดอกและใบไปขายสร้างรายได้ได้ ต้นขี้เหล็ก ผลและใบของมันทำเป็นยาได้

ผมจะปลูกต้นไม้ไปจนกว่าผมจะตาย

ตอนนี้เจตนารมณ์เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวมของดาบวิชัยสัมฤทธิ์ผลแล้ว เขาได้สร้างทรัพยากรที่ยั่งยืนให้กับชาวบ้าน ไว้ถึงสามล้านต้น คำพูดหนึ่งของดาบวิชัยที่ทำให้เชื่อว่า ต้นไม้ที่เขาบรรจงปลูกด้วยสองมือของเขา น่าจะเกิน 3 ล้านต้นแล้ว คือ “ผมจะปลูกต้นไม้ไปจนกว่าผมจะตาย” ดาบวิชัยได้พูดถึงบุคคลหนึ่งที่ทำให้เขาเป็นคนบ้าปลูกต้นไม้ผู้สร้างคุณประโยชน์มหาศาลให้แก่ประเทศและอำเภอปรางค์กู่ นั่นคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เขากล่าวว่า “ ถ้าไม่มีพ่อหลวง ร.9 ในวันนั้น คงไม่มีคนบ้าปลูกต้นไม้ 3,000,000 ต้นในวันนี้”

ที่มา :

https://th.wikipedia.org

ภาพ :

บทความน่าสนใจ

สามี ปลูกต้นไม้ นับพันเพื่อ รำลึกถึงภรรยา ผู้ล่วงลับ 15 ปีต่อมากลายเป็นป่ารูปหัวใจ

วังการี มาทาอี นักปลูกต้นไม้ เพื่อ สันติภาพ