วิธีคลายทุกข์ในแบบฉบับของชมพู่ ภัทราวรรณ
“ ในทางกลับกัน ถ้าเรามีความทุกข์ ไม่ว่าจะเกิดจากเรื่องอะไรก็ตาม เช่น การงาน สุขภาพ ฯลฯ จะตั้งสติก่อน พอเรามีสติขึ้นไม่เพียงกี่วินาที จะหยิบกระจกขึ้นมาส่องแล้วยิ้มให้กับกระจก ถึงแม้ว่าในตอนนั้นจะรู้สึกแย่หรือเครียดจนร้องไห้ ก็จะยิ้มให้ตัวเอง ทั้งที่ตอนนั้นไม่มีอารมณ์อยากยิ้มก็ตาม การยิ้มเป็นอีกวิธีที่ช่วยขับไล่ความทุกข์ให้ออกไป เราคงไม่อยากเห็นตัวเองหน้านิ่วคิ้วขมวด หรือมีน้ำตา เราก็อยากเห็นใบหน้าที่สวยงาม นอกจากการยิ้มจะทำให้ใบหน้าของเรามีความสุขแล้วยังทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย หรือถ้าเราจมอยู่กับเรื่องที่เครียดมาก ๆ จะพักเรื่องเครียดไว้ก่อน โดยการเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น อาบน้ำ กินขนม แล้วค่อยกลับมาคิดจัดการกับปัญหานั้นใหม่ เพราะถ้าปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งอยู่กับปัญหา จะไม่สามารถหาทางออกได้เลย หากเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นก่อนสักพัก เราอาจจะสามารถมองมันได้อย่างเข้าใจและแก้ปัญหาได้ ”
มองทุกอย่างตามความเป็นจริง
“ ธรรมะเป็นอีกสิ่งที่ชมพู่ยึดเป็นที่พึ่ง และใช้ในการมองสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง นอกจากศีล 5 ที่เรายึดมาตลอด พยายามปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อแล้ว อาจได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็คือ “ไตรลักษณ์” ประกอบด้วยอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือในตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจธรรมะนี้ เราเรียนเรื่องนี้มาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษา ตอนนั้นก็ไม่ได้อิงอะไรกับธรรมะนี้ แต่หลังจากประสบอุบัติเหตุจนทำให้เดินไม่ได้ เราถึงได้เข้าใจในกฎของไตรลักษณ์ว่า สังขารไม่เที่ยง อะไรก็เกิดขึ้นได้กับเราและคนรอบข้าง ทุกวันนี้คนอื่นมองว่าเราเป็นคนคิดบวก แต่ตามจริงแล้วเราก็มีความทุกข์เหมือนคนอื่น แต่อยู่ที่ว่าเราจะเข้าใจแล้วรู้เท่าทันอย่างไร ตอนที่เราทุกข์อยู่แล้วเข้าใจว่าเดี๋ยวทุกข์นี้ก็ผ่านไป เพียงแต่จะผ่านไปช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ชมพู่ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต และสอนให้เรามีความพยายาม ”
คลิกเลข 3 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป >>>
