“ อาจารย์พะเยาว์ พัฒนพงศ์ และ คุณอรพิม ปันกุล เลขาฯของท่าน เห็นผ้าพันคอฝีมือปูเป้แล้วชอบมาก ประจวบกับอาจารย์พะเยาว์กำลังหาของขวัญไปให้คุณตุ๊กอยู่พอดี จึงซื้อผ้าพันคอของเราไว้ คุณตุ๊กชอบผ้าพันคอผืนที่เราถักมาก ท่านเมตตาเราและเห็นว่าการถักผ้าพันคอเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำบัดอาการของเราได้ อีกทั้งปูเป้จะได้มีเงินไว้สำหรับรักษาตัวและใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน คุณตุ๊กจึงร่วมกับอาจารย์พะเยาว์ซื้อผ้าพันคอไหมพรมจากเราผืนละ 300 บาท เพื่อนำไปมอบให้มูลนิธิบ้านเด็กยากไร้และเด็กพิการ เพื่อให้น้อง ๆ ได้อบอุ่นในตอนที่มีอากาศหนาว
“ จากความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ใจดีทุกท่าน ตั้งแต่ปูเป้ได้ฝึกฝน และถักมอบให้ผู้ใหญ่แต่ละท่าน จวบจนได้ถักขาย ทำให้ปูเป้เห็นว่าผู้ซื้อก็ได้บุญ ปูเป้ก็พลอยได้บุญไปด้วย เพราะผ้าพันคอผืนนี้ได้นำไปใช้จริง เหมือนกับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะปูเป้จะได้ทั้งบำบัดโรค มีอาชีพ และได้บุญ การที่อาจารย์พะเยาว์และคุณอรพิมช่วยอุดหนุน และได้แนะนำให้คุณตุ๊กอุดหนุนด้วย ทั้งหมดนี้พอคิดไปดี ๆ แล้ว ล้วนเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น
“ สิ่งที่ทำในตอนนี้ปูเป้คิดว่าเป็นการประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว สุขภาพจิตและสุขภาพกายก็ดีขึ้น ไม่ต่างจากได้รับปริญญามาประดับใจ อีกทั้งยังเป็นผู้ให้ โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน แค่นี้ปูเป้ก็มีความสุขแล้ว ”
สำหรับคนที่ป่วยเหมือนปูเป้ ขอให้มองโลกในแง่ดี และข้อดีของตัวเองในตอนนี้ เพราะเราทุกคนสุดท้ายก็ต้องเดินไปสู่ความตาย สิ่งที่คิดว่าแน่นอนกลับไม่แน่นอน อย่าไปใส่ใจให้เป็นทุกข์ไปเลยค่ะ
เรื่อง : อรปวีณ เมืองเกษม
ภาพ : https://pixabay.com
บทความน่าสนใจ
ผมต้องเป็นครู ครูเชาว์ – เชาวลิต สาดสมัย
ก๊อท จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ บริจาคเงินหนึ่งล้านบาทให้ ศิริราชมูลนิธิ และ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์
“หัวใจดวงใหม่…ให้ชีวิต” เรื่องจริงจาก มูลนิธิรามาธิบดีฯ
หมอเมย์สู้มะเร็งระยะสุดท้าย ดอกไม้เหล็กผู้ใช้กำลังใจเป็นยารักษาตนเองและเพื่อนร่วมทุกข์