ตำนานวันสงกรานต์

ข้อคิดที่ได้จาก ตำนานวันสงกรานต์ เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท้าทายมนุษย์

ตามหาว่าราศีอยู่ที่ไหน

 

ธรรมบาลกุมารเฝ้าขบคิดปัญหาคิดเท่าไรก็คิดไม่ออกคงเหลือเวลาอีกเพียง 1 วัน รู้สึกท้อแท้ใจจึงเดินไปพักคิดอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงนกอินทรีผัวเมียพูดโต้ตอบกันว่า
นกอินทรีตัวผู้พูด “พรุ่งนี้เราจะได้กินเนื้อมนุษย์เป็นอาหารเพราะครบ 7 วัน ที่ธรรมบาลจะต้องตอบปัญหาท้าวกบิลพรหม ถ้าตอบปัญหาไม่ได้จะต้องถูกตัดหัว”
นกอินทรีตัวเมียพูด “ท่านรู้จักแก้ปัญหานั้นหรือไม่”
นกอินทรีตัวผู้ตอบ “รู้สิ เวลาเช้า ราศีนั้นอยู่ที่หน้าคนทั้งหลายต้องเอาน้ำล้างหน้า เวลาเที่ยง ราศีอยู่ที่อก คนทั้งหลายจึงเอาน้ำมาลูบอก เวลาเย็น ราศีอยู่ที่เท้าคนทั้งหลายต้องเอาน้ำมาล้างเท้า”

 

ท้าวกบิลพรหมแพ้ธรรมบาลกุมาร

 

ครั้นธรรมบาลกุมารได้ฟังจดจำคำในการแก้ปัญหาได้อย่างแม่นยำ ครบกำหนด 7 วันตามสัญญา ท้าวกบิลพรหมก็ลงมาตามที่นัดหมายไว้กับธรรมบาลกุมาร ธรรมบาลกุมารแก้ปัญหานั้นได้อย่างคล่องแคล่ว ท้าวกบิลพรหมได้ฟังคำตอบก็กล่าวว่า “เจ้าเป็นผู้ชนะเราเป็นผู้แพ้ จะต้องเสียหัวให้เป็นรางวัลตามสัจจะวาจา”
ท้าวกบิลพรหมได้เรียกพระธิดาทั้ง 7 องค์ ซึ่งเป็นบาทบริจาริกาของพระอินทร์เข้ามาหาแล้วสั่งความว่า

 

1. อย่าให้เศียรของเราตกถึงพื้นดินเป็นอันขาด ถ้าตกถึงพื้นดินเมื่อใดจะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก
2. อย่าให้เศียรของเราตกลงไปในมหาสมุทร น้ำจะแห้งขอดตลอดไป
3. อย่าทิ้งเศียรของเราลอยไปในอากาศ จะทำให้ฝนแล้งตลอดไป

 

ท้าวกบิลพรหมจึงสั่งให้นางทุงษเทวีนำเอาพานทองมารองรับพระเศียร และให้เทพบริษัททำประทักษิณเวียนรอบเขาพระสุเมรุ แล้วเชิญเข้าประดิษฐานในมณฑลถ้ำคันธธุลี ณ เขาไกรลาส บูชาด้วยเครื่องทิพย์ชื่อ ภควดี ใช้เป็นที่ประชุมเทพยดา แล้วนำเอาเถาฉมูนาคมาล้างในสระอโนดาษ 7 ครั้ง แล้วแจกจ่ายกันเสวยโดยทั่วกัน และเมื่อครบกำหนด 1 ปี ถือกันว่าเป็นวันมหาสงกรานต์ เทพบริษัทแสนโกฏิพร้อมด้วยพระธิดาทั้ง 7 องค์ ผลัดเวรกันเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมแห่แหนทำประทักษิณไปรอบเขาพระสุเมรุเป็นประจำทุกปี

 

ตำนานวันสงกรานต์ ปริศนาธรรมการหมิ่นประมาทในผู้อื่น นำภัยมาสู่ตน

 

ตำนานวันสงกรานต์นี้ นอกจากเป็นคำตอบหรือประวัติถึงความเป็นมาของเทศกาลสงกรานต์แล้ว ยังซ่อนปริศนาธรรม ซึ่งเป็นข้อคิดที่ดีมากไว้ว่า ท้าวกบิลพรหมเป็นเทพเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง เพราะเป็นถึงพรหม (สังเกตจากชื่อ) ดูหมิ่นในความสามารถของธรรมบาลกุมาร ซึ่งคนทั้งหลายต่างยกย่องเขาเป็นผู้กล่าวเวลาอันเป็นมงคล (มงคลกาล) น่าจะเป็นมีความสามารถในการคำนวณฤกษ์ยามที่เป็นมงคล เมื่อท้าวกบิลพรหมทราบชื่อเสียงของธรรมบาลกุมาร เทพบุตรที่พระอินทร์ส่งลงมาเกิด ก็เกิดอยากประลองความสามารถ โดยทรงตั้งคำถาม 3 ข้ออย่างที่ทราบกันดี ธรรมบาลกุมารไม่เข้าใจว่า ราศี ที่ท้าวกบิลพรหมถามคือ อุณหภูมิความร้อนที่ปรากฏตามจุดในแต่ละช่วงเวลา เช่น ตอนเช้าล้างหน้าเพราะราศีอยู่ที่หน้า จึงเป็นการใช้น้ำเพื่อลดอุณหภูมิที่ร้อนในบริเวณหน้า พอกลางวันก็ล้างที่อก เพราะอุณหภูมิความร้อนเคลื่อนไปที่อก เพราะร่างกายใช้งานมาตั้งแต่เช้า ตกเย็นเข้าบ้านก็ล้างเท้าเพราะเดินมาทั้งวัน เมื่อเท้าใช้งานมาก อุณหภูมิก็เคลื่อนมาที่เท้า

ท้าวกบิลพรหมพ่ายแพ้ต่อมนุษย์ ทำให้เห็นว่าอย่าได้ยึดในอัตตาว่าตนเก่งหรือยิ่งใหญ่เหนือใคร และการที่ธรรมบาลกุมารโชคดีได้ยินคำตอบจากนกอินทรีย์ 2 ผัวเมีย แสดงให้เห็นว่าบางทีจุดที่น่าไม่สนใจ หรือเรามองข้ามว่าไม่สำคัญ อาจช่วยเราพ้นจากวิกฤตได้

 

ที่มา www.m-culture.go.th

ภาพ  https://pixabay.com


บทความน่าสนใจ

Dhamma Daily : สารพันปัญหาธรรมะ วันสงกรานต์

สรงน้ำพระผ่านรางกระบอกไม้ไผ่ สืบสานสงกรานต์มอญ เที่ยวสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

มาดูกันเถอะ 11 ไอเท็ม ที่จำเป็นต้องมีติดตัวใน เทศกาลสงกรานต์ มีอะไรบ้าง

ทำไมจึงสรงน้ำพระในเทศกาลสงกรานต์ และการสรงน้ำพระได้อานิสงส์อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก

ทำไมต้อง ขนทรายเข้าวัด และก่อพระเจดีย์ทรายในเทศกาลสงกรานต์ วันนี้ซีเคร็ตมีคำตอบมาฝาก

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.