มาร์กี้ ราศรี บาเล็นซิเอก้า ผู้หญิงที่รู้จัก “พอ”

มาร์กี้ – ราศรี บาเล็นซิเอก้า นักแสดงสาวลูกครึ่งไทย – สเปนคนนี้ นอกจากจะมีรูปร่างหน้าตาสะสวยน่ารักเป็นที่ประทับใจใครต่อใครแล้ว ฝีไม้ลายมือในการแสดงของเธอก็ยังทำให้แฟนละครติดกันงอมแงมอีกด้วย…

หลังลุ้นอยู่หลายเดือน เธอก็พร้อมเคลียร์คิวทองมาให้สัมภาษณ์ Secret อ่านแล้วจะรู้ว่าตัวจริงของมาร์กี้กับมาดนางเอกในละคร ใครฉลาด เก่ง และน่ารักกว่ากัน

มาร์กี้โตมาในครอบครัวแบบไหนคะ

หนูเป็นลูกครึ่งไทย – สเปนค่ะ เลยได้รับทั้งวัฒนธรรมฝรั่งจากพ่อ และวัฒนธรรมแบบไทยจากแม่ พ่อจะปล่อยให้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ปล่อยให้ลูกได้วิ่งเล่นตามใจ จะปีนป่ายขึ้นบ่าจับหัวพ่อก็ยังทำได้ ท่านไม่ถือ แต่แม่จะสอนให้เป็นเด็กเรียบร้อย เจอผู้ใหญ่ต้องยกมือไหว้ พูดจาต้องมีหางเสียง คะ ขา ถ้าไม่ทำตามก็จะโดนแม่ตี หนูอยู่เมืองไทยตั้งแต่เด็ก เลยได้รับวัฒนธรรมไทยมาค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ใช่เด็กเรียบร้อยเหมือนที่แม่ตั้งใจไว้หรอกนะคะ เรียกว่าเป็นเด็กทะโมนก็ว่าได้…วิ่งซน ทำบ้านสกปรกเลอะเทอะทุกวัน แต่แม่ก็ไม่เคยใช้อารมณ์ในการตักเตือน ส่วนใหญ่จะว่ากล่าวหรือห้ามปรามด้วยเหตุผลมากกว่า หนูกับน้องก็เลยเกรงใจแม่มาตั้งแต่เด็ก

ประทับใจคำสอนไหนของคุณพ่อคุณแม่มากที่สุดคะ

ความอดทนค่ะ แม่สอนให้อดทนในสิ่งที่ควรอดทน เช่น เรื่องงาน เรื่องเรียน และสอนว่าเราต้องอย่าคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกด้วย อย่างตอนเรียน เราต้องอดทนตื่นแต่เช้า อดทนอ่านหนังสืออยู่นานกว่าผลสอบจะออกมาดี แม่ไม่ได้สอนอย่างเดียว แต่จะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ช่วงแรก ๆ ที่หนูไปรอแคสต์ถ่ายงานโฆษณา มีงานหนึ่งเราสองคนแม่ลูกต้องนั่งรอตั้งแต่เช้า กว่าจะได้ถ่ายก็เกือบเย็น ทีมงานหลายคนรู้จักแม่ แต่แม่ก็ไม่ได้ขอให้เขาลัดคิวให้หรือใช้เส้นสายอะไรเลย แม่แค่นั่งรออยู่นิ่ง ๆ อยู่ข้างหนูนี่แหละ แล้วก็สอนว่า ใจเย็น ๆ เดี๋ยวก็ถึงคิวเรา ส่วนพ่อจะสอนให้หนูมีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักคิด และทำกิจกรรมโน่นนี่ จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ พ่อจะชอบชมรูปที่หนูวาดว่าสวย และชมว่าลูกสาวพ่อเก่งมาก (หัวเราะ) ไม่ว่ารูปจะออกมาแย่แค่ไหน ตอนนั้นหนูเป็นเด็กยังดูออกเลยว่ารูปนี้ แปลก ๆ ไม่เห็นจะสวยเลย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะถึงยังไงพ่อก็ยังชม

ทุกวันนี้เป็นนักแสดงชื่อดังแล้ว คุณพ่อคงจะยิ่งชื่นชมมากกว่าเดิม

พ่อไม่ได้ชมแล้วค่ะ ท่านเสียไปเมื่อสามปีก่อนด้วยโรคมะเร็ง จริง ๆ แล้วหนูไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องพ่อสักเท่าไหร่ เพราะยังทำใจไม่ค่อยได้ พูดทีไรกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ทุกที (น้ำตาซึม)

ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ งั้นขออนุญาตเปลี่ยนมาถามเรื่องคุณแม่แทนนะคะ ทราบว่าท่านเคยทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน

ใช่ค่ะ แต่เชื่อไหมว่าหนูไม่เคยรู้เลยว่าแม่เป็นดารา เพราะแม่ไม่เคยบอก ตอนเด็ก ๆ จำได้แค่ว่าแม่ชอบพาเพื่อนมาที่บ้าน พอเจออีกทีเพื่อนแม่ก็อยู่หน้าจอทีวี ทั้ง น้านก – สินจัย พี่แอน ทองประสม ตอนนั้นรู้แค่ว่าแม่มีเพื่อนเป็นดารา กว่าหนูจะรู้ว่าแม่เองก็เคยเป็นดาราเหมือนกันก็ตอนเริ่มเข้าวงการใหม่ ๆ ตอนนั้นพี่ ๆ นักแสดง รวมถึงช่างแต่งหน้าทำผมรู้จักแม่หมด พอกลับบ้านหนูก็เลยถามแม่ตรง ๆ ถึงได้รู้ว่าแม่เคยเป็นทั้งนางงาม นางแบบ และเป็นนักแสดงมาก่อน หนูตกใจมาก และสงสัยมากด้วยว่าแม่เอาเวลาที่ไหนไปเป็นนักแสดง เพราะแม่เลี้ยงลูกตลอด แถมยังทำงานอื่น ๆ อีกเยอะมาก ทั้งขายประกัน เปิดร้านอาหาร เป็นนายหน้าค้าที่ดินแม่ก็ยังทำ สุดยอดจริง ๆ ค่ะ

ดูมาร์กี้จะประทับใจในตัวคุณแม่มาก

ใช่ค่ะ แม่เป็นไอดอลของหนู ท่านเป็นเวิร์คกิ้งวูแมน ทำงานเก่ง หนูก็เลยอยากเป็นเหมือนแม่มาตั้งแต่เด็กแล้ว ทุกวันนี้นอกจากงานแสดง หนูก็เปิดร้านไอศกรีม ร้านขายเครื่องประดับไอแอมแบรนด์ แล้วก็ขายของแบรนด์เนมมือสองในอินสตาแกรมด้วย ส่วนใหญ่ก็เป็นของเพื่อน ๆ นักแสดงด้วยกัน ค่าช่วยขายได้ไม่กี่ร้อยบาทเองนะคะ ในขณะที่รับงานอีเว้นต์ครั้งหนึ่งได้มากกว่าตั้งเยอะ แต่หนูก็ยังอยากทำ รู้สึกสนุกและได้ประสบการณ์ด้วยค่ะ

 เป็นทั้งนักแสดง แล้วก็ยังทำธุรกิจอีก งานล้นมือแบบนี้ ไม่เหนื่อยเหรอคะ

เหนื่อยนะคะ แต่ว่าไม่มาก ถ้าไม่ทำจะรู้สึกว่าชีวิตขาดความสนุกและคงขาดประสบการณ์บางอย่างที่หาซื้อด้วยเงินไม่ได้ ปกติถ้าเหนื่อยก็จะพัก นอนบ้าง ไปเที่ยวบ้าง หรือบางครั้งก็ไปทำกิจกรรมอะไรที่อยากทำ อีกอย่างหนูเห็นแม่เหนื่อยมาตลอด แต่แม่ก็ไม่เคยท้อ ถ้าถามแม่ ท่านก็คงบอกเหมือนกันกับหนูนี่แหละว่าทำงานแล้วสนุก ถ้าหยุดคงเบื่อแย่เลย (หัวเราะ)

มาร์กี้ ราศรี
ผู้หญิงที่รู้จัก “พอ” ของสาวลูกครึ่งไทย-สเปน มาร์กี้ ราศรี บาเล็นซิเอก้า

แล้วมีวิธีบริหารเงินอย่างไรคะ

หนูมีหลักการออมเงินแบบง่าย ๆ ค่ะ สมมุติว่าเงินที่ได้มาคิดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ 10 เปอร์เซ็นต์แรกหนูจะแบ่งไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารจิปาถะที่ใช้ในแต่ละเดือน แล้วแบ่งอีก 5 เปอร์เซ็นต์ มาผ่อนรถ ซึ่งก่อนซื้อรถหนูจะคิดคำนวณล่วงหน้าแล้วว่าอยากได้รถราคาเท่าไหร่ และต้องวางเงินดาวน์เท่าไหร่ถึงจะผ่อนรถให้อยู่ใน 5 เปอร์เซ็นต์นี้ได้ ดังนั้นกว่าจะได้รถสักคันหนูจะต้องเตรียมเงินก้อนเอาไว้ก่อน ไม่ได้ตัดสินใจปุ๊ปแล้วซื้อปั๊บเลย ส่วนเงินอีก 10 เปอร์เซ็นต์หนูใช้ในการลงทุนซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับ หนูแบ่งเงินให้ส่วนนี้เยอะหน่อย เพราะมองว่าการแต่งตัวดีถือเป็นภาพลักษณ์ที่ดี ถ้าลูกค้าเห็นเขาอาจตัดสินใจให้งานหนู ขั้นตอนสุดท้ายพอตัดค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ออกไป หนูจะเหลือเงินเก็บประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ทุกเดือนค่ะ

ถ้าอย่างนั้นมาร์กี้คงมีเป้าหมายในการเก็บเงินแน่ ๆ ตั้งใจจะเก็บเอาไว้ทำอะไรรึเปล่าคะ

ใช่ค่ะ จริง ๆ แล้วหนูนำเงินออกมาใช้ส่วนหนึ่งแล้วค่ะ เพิ่งซื้อบ้านใหม่อยู่กับแม่และน้อง ราคาประมาณสิบห้าล้านบาท หนูจ่ายเงินดาวน์ไปแล้วก้อนหนึ่งเหลือผ่อนอีกประมาณหกล้านบาท คาดว่าอีกไม่กี่ปีก็คงจ่ายหมดค่ะ (ยิ้ม)

กลับมาที่เรื่องงานกันบ้าง มาร์กี้ไม่ค่อยมีข่าวเสียหายในวงการบันเทิง มีวิธีวางตัวอย่างไรคะ

หนูเป็นคนคิดเยอะค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าหนูจะไม่เที่ยวสังสรรค์นะคะ แต่จะคิดก่อนว่าสมควรดื่มเหล้าไหม เพราะเราเป็นเหมือนตัวอย่างให้กับน้อง ๆ เยาวชน จริง ๆ แล้วเวลาไปเที่ยวกับเพื่อน แล้วเพื่อนถามว่าจะดื่มอะไร แค่ตอบไปว่าน้ำอัดลมก็จบแล้ว ดื่มน้ำอัดลมก็สนุกได้ สังสรรค์กับเพื่อนได้เหมือนกัน หรือแม้แต่เรื่องการแต่งตัว ถ้าแต่งออกมาแล้วรู้สึกว่าโป๊เกินไป หนูก็จะเปลี่ยนไปใส่ตัวอื่น จะไม่ฝืน แม้คนอื่นจะบอกว่าไม่เห็นจะโป๊เลยก็ตาม เพราะถ้าสมมุติว่ามีข่าวเสียหายขึ้นมา คนที่ลำบากไม่ใช่หนูหรอก แต่เป็นแม่ น้อง ป้า น้า อา ญาติ ๆ และเพื่อน ๆ ของหนูต่างหาก ที่จะถูกรุมถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนู ดังนั้นก่อนจะทำอะไรหนูจะคิดอย่างถี่ถ้วน คิดให้เยอะ ๆ ถึงสิ่งที่ตามมาก่อน แล้วค่อยลงมือทำ

นักแสดงสมัยนี้ทำศัลยกรรมกันจนเป็นเรื่องปกติ มาร์กี้คิดอย่างไรกับการทำศัลยกรรมคะ

จริง ๆ ก็เป็นสิทธิของแต่ละคน หนูว่าทุกคนก็คงอยากสวย อยากดูดีด้วยกันทั้งนั้น แต่ก่อนจะทำอะไร เราต้องรู้จักคำว่า “พอ” ต้องรู้ตัวเองว่าควรทำอะไร แค่ไหน หนูจะสอนตัวเองแบบนี้ประจำ ที่สำคัญ ไม่มีใครสามารถการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกค่ะ ว่าทำออกมาแล้วหน้าตาเราเหมือนกับคนนี้เป๊ะ ๆ ทุกอย่างมีสิทธิ์ผิดพลาดเสมอ ฉะนั้นเราควรคิดให้เยอะ ๆ ก่อน ตัดสินใจทำ แต่สำหรับหนู หนูรู้สึกพอใจกับตัวเองแล้ว ไม่เคยคิดอยากทำศัลยกรรมส่วนไหน ถามว่าร่างกายของหนูมีจุดบกพร่องไหม แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว ทั้งเหนียงใต้คางและส่วนอื่น ๆ แต่หนูก็พอใจที่เราเป็นตัวเราแบบนี้ ใครเห็นก็รู้เลยว่านี่แหละมาร์กี้ตัวจริง (หัวเราะ)

สุดท้าย อยากถามว่าวิธีทำบุญในแบบคุณมาร์กี้เป็นอย่างไรคะ

ง่ายมากเลยค่ะ วิธีทำบุญของหนูคือการทำบุญโดยไม่หวังบุญ จู่ ๆ หนูคิดอยากไปเลี้ยงอาหารหมาจรจัดหนูก็ไป คิดอยากจะไปไหว้พระให้สบายใจหนูก็ไปทันที หรืออยากจะทำความดีอะไรหนูก็จะลงมือทำเลย แค่นี้ก็รู้สึกสบายใจ มีความสุขใจ ซึ่งก็เพียงพอแล้ว สมมุติว่าเราทำบุญเพราะอยากให้ชีวิตดีขึ้น แต่ผลกลับออกมาไม่ดี ไม่เป็นอย่างที่เราหวังไว้ เราก็จะเสียใจ ดีไม่ดีจะรู้สึกเสียดายที่ลงทุนลงแรงไปด้วย จะยิ่งแย่กว่าเดิมเสียอีกค่ะ สำหรับหนูการทำบุญแบบไม่คาดหวังน่ะดีที่สุดแล้วค่ะ

ผู้ชายตัวจริงของมาร์กี้

หนูชอบผู้ชายที่มีความเป็นผู้นำค่ะ ไม่ต้องหล่อหรือเป็นลูกครึ่งก็ได้ ขอแค่เขาเป็นคนที่มีความรู้เยอะ ๆ ถามอะไรก็รู้ไปหมด อย่างเช่น ถ้าหนูบ่นว่าปวดท้อง เขาก็จะหันมาถามว่า ปวดท้องแบบไหนเหรอ เพราะถ้าปวดแบบจุก ๆ อาจจะเป็นโรคนู้นนี้ ต้องกินยาตัวนี้ หรือถ้าหนูอยากรู้เรื่องข่าวเครื่องบินหาย เขาก็จะหันมาเล่าเรื่องนี้ให้หนูฟังอย่างละเอียด (หัวเราะ) หนูเพ้อเนอะ แต่ชอบค่ะ…เสียดายยังหาไม่เจอเลยค่ะผู้ชายแบบนี้

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.