จิมมี ชู

จิมมี ชู แบรนด์รองเท้าสุดหรูที่ก่อกำเนิดจากเงินเกษียณอายุของแม่

จิมมี ชู (Jimmy Choo) เป็นหนึ่งในแบรนด์รองเท้าสุดหรูที่ครองใจผู้หญิงทั่วโลก ผู้ที่เป็นแฟนเหนียวแน่นของจิมมี ชู มีทั้งเป็นสมาชิกราชวงศ์อังกฤษอย่าง เจ้าหญิงไดอานา, แคเธอริน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์, เจ้าหญิงเบียทริซ ซุปเปอร์สตาร์ระดับเอ-ลิสต์ของฮอลลีวูดอย่าง จูเลีย โรเบิร์ตส, แคเธอรีน ซีต้า-โจนส์, เรเน่ เซลเวเกอร์, ฮิลลารี สแวงก์ นี่ยังไม่นับรวมแวดวงไฮโซสังคมชั้นสูงอีกด้วย

ชู หรือ Jimmy Choo Yeang Keat เป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน เกิดที่เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อปี 1948 ในครอบครัวช่างทำรองเท้า จริง ๆ แล้วนามสกุลของเขาคือ Chow แต่ในสูติบัตรสะกดผิดเป็น Choo พ่อของเขาคือ ชู คี ยิน (Choo Kee Yin) เป็นช่างทำรองเท้าที่มีฝีมือและทำรองเท้าด้วยมือทั้งหมด พ่อสอนชูทำรองเท้าด้วย

จิมมี ชู

ทุกวันหลังเลิกเรียน ชูจะขลุกอยู่ในห้องทำงานของพ่อ ดูพ่อทำรองเท้าทั้งรองเท้าผู้หญิง ผู้ชาย และเด็กอย่างมีความสุข ทำให้ชูหลงรักการทำรองเท้า และได้ทำรองเท้าคู่แรกในชีวิตตอนอายุ 11 ปี เพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้แม่ ซึ่งเขาเลือกทำสลิปเปอร์ (รองเท้าสวม) หนังให้แม่ เพราะทำง่ายกว่ารองเท้าแบบอื่น ชูใช้เวลาทำอยู่ 8 ชั่วโมง

ชูสืบทอดศิลปะการทำรองเท้าจากพ่อ เขาฝึกทำรองเท้ามาเรื่อย ๆ พออายุ 15-16 ปี เขาก็กลายเป็นนักออกแบบและทำรองเท้าที่มีฝีมือคนหนึ่งในปีนัง

จิมมี ชู

จิมมี ชู

พออายุ 21 ปี ชูเข้าเรียนที่ Cordwainers Technical College (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ London College of Fashion) ประเทศอังกฤษ ระหว่างเรียนเขาหาเงินเลี้ยงตัวเองโดยทำงานในร้านอาหาร เขาทำสาระพัดงานแม้แต่ทำความสะอาดพื้นและล้างห้องน้ำ แต่เขาก็ยังเรียนจบด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยม

แทนที่จะกลับมาเลเซีย ชูตั้งใจจะอยู่อังกฤษต่อ ก็เลยไปทำงานในบริษัทออกแบบรองเท้าแห่งหนึ่ง และต่อมาย้ายไปทำงานอีกบริษัท รวมทั้งหมด 9 ปี หลังจากนั้นเขาก็อยากทำธุรกิจของตัวเอง พ่อและแม่จึงย้ายมาอยู่ด้วยกันที่ลอนดอน เพื่อช่วยลูกเริ่มธุรกิจ โดยให้เงินกองทุนเกษียณอายุของแม่ จำนวน 6,000 ปอนด์ เป็นเงินก้อนแรกสำหรับลงทุน

จิมมี ชู

ทั้งสามช่วยกันทำงานอย่างขยันขันแข็ง ไม่ว่าจะเป็นการทำรองเท้า บรรจุรองเท้าใส่กล่อง โปรโมทและขาย ในที่สุดชูก็มีร้านเป็นของตัวเองในปี 1986 เขาเช่าตึกโรงพยาบาลเก่าในย่านอีสต์ เอนด์ ของลอนดอน

รองเท้าสุดหรูของชูมาดังเปรี้ยงปร้างในปี 1988  เมื่อเขาได้ทำโชว์ในงาน “ลอนดอน แฟชัน วีก” และผลงานโดดเด่นเข้าตานิตยสารโว้ก จนถึงกับยกหน้าในเล่มนำเสนอรองเท้า จิมมี ชู 8 หน้าเต็ม ๆ หลังจากนั้นรองเท้าของเขาก็ดังระเบิดกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีคนสนใจเพราะยังไม่มีชื่อเสียง แต่ถึงแม้จะโด่งดังแล้วชูก็ยังรักษามาตรฐานสินค้าไว้ด้วยการทำรองเท้าด้วยมือเช่นเคย และผลิตเพียง 20 คู่ต่อสัปดาห์เท่านั้น

จิมมี ชู

ก้าวสำคัญของชูคือ ในปี 1996 ชูจับมือกับ ทามารา เมลลอน บรรณาธิการด้านเครื่องประดับตกแต่งของนิตยสารโว้ก ตั้งบริษัท Jimmy Choo Ltd. เพื่อผลิตรองเท้าพร้อมใส่ ไม่ใช่ทำทีละคู่อย่างที่ผ่านมา น่าเสียดายที่หลังจากนั้นไม่กี่ปีชูและทามาราเกิดความเห็นไม่ตรงกัน ในปี 2001 ชูจึงขายหุ้น 50% ของตัวเองใน Jimmy Choo Ltd. ให้กับ Equinox Holdings ในราคา 30 ล้านเหรียญสหรัฐ

หลังจากนั้นมีการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นหลายครั้งจนกระทั่งในปี 2017 Michael Kors Holdings ก็ซื้อแบรนด์ไปในราคา 1,200 ล้านเหรียญ

จิมมี ชู

จิมมี ชู

จิมมี ชู

สำหรับตัวชูนั้น หลังจากขายหุ้นใน Jimmy Choo Ltd. เขาก็ไม่ได้เศร้าอะไร แถมยังก่อตั้งร้านรองเท้าขึ้นใหม่ในชื่อแบรนด์ Zhou Yang Jie (มาจากชื่อจีนของเขา) โดยยังคงคอนเซปต์รองเท้าหรู ตัดเย็บประณีตพิถีพิถัน สวยงามและสวมใส่สบาย ในราคาคู่ละ 3,000-5,000 เหรียญ

เหตุที่รองเท้าจิมมี ชู ยังยืนหยัดอยู่ในใจลูกค้าคงเป็นเพราะสิ่งที่เขายึดมั่นมาตลอด

“รองเท้าต้องใช้วัสดุคุณภาพดีเลิศ ต้องพิถีพิถัน จริงใจ และระมัดระวังอย่างมากในการตัดเย็บ การออกแบบและคุณภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก มิฉะนั้นลูกค้าจะไม่กลับมาอีก”

จิมมี ชู

 

เรียบเรียง  ชนาฉัตร

ภาพ  xtra.com.my, lipstiq.com, abc.net.au, avvenice.com

Secret Magazine (Thailand)

IG @Secretmagazine

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.