มุกตลกของคุณตา

มุกตลกของคุณตา กับสัญญาขนมหวาน : เรื่องจากผู้อ่าน Secret

มุกตลกของคุณตา กับสัญญาขนมหวาน – “คุณยายคะ  เดือนหน้าจะมีวันครบรอบทั้งวันเกิดและวันเสียของคุณตา  เราจะทำบุญให้คุณตาทั้งสองวันเลยดีไหมคะ”

ฉันถามคุณยายเมื่อจะถึงวันครบรอบหนึ่งปีของการจากไปของคุณตา  คุณยายจึงอธิบายให้ฟังว่า   สำหรับคนที่ตายไปแล้วนั้นจะทำบุญให้เฉพาะครบรอบวันตายวันเดียวเท่านั้น แต่ฉันฟังแล้วกลับคิดในใจว่า   อยากทำบญุ ให้คุณตาในวันเกิดมากก่า   เพราะรู้สึกมีความสุขกว่าวันครบรอบวันตายตั้งเยอะ การทำบุญของฉันก็ไม่มีอะไรมาก  นอกจากซื้อขนมที่คุณตาชอบมาตักบาตรตอนเช้าให้ท่านเท่านั้นเอง  ซึ่งฉันก็ตักบาตรให้ท่านระหว่างปีตามโอกาสอยู่แล้ว

ตอนที่เข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านคุณตานั้น  ท่านอายุประมาณเจ็ดสิบกว่า ๆ แล้ว  ต้องเรียกว่าท่านเป็นผู้สูงอายุที่สุขภาพดีมากคนหนึ่ง  ในอดีตคุณตาเป็นนักกีฬาหลายประเภท  ตั้งแต่นักกอล์ฟทีมชาติ (ในสมัยที่กีฬากอล์ฟ ยังไม่ค่อยมีคนเล่นมากมายเหมือนตอนนี้)  นักกีฬาปิงปองของที่ทำงาน  นักกีฬาเทนนิส  และยังมีกีฬาอื่น ๆ อีกมาก จนหลาน ๆ นำมาล้อกันว่าอะไรที่เป็นลูกกลม ๆ คุณตาครองแชมป์มาหมดแล้วทั้งสิ้น

ลักษณะเฉพาะที่ทำให้คุณตาเป็นที่รักของทุกคนก็คือ มีคารมในการสนทนาและมุกตลกขั้นเทพมาตั้งแต่หนุ่ม ๆ  แม้เมื่อสูงวัยขึ้นท่านจะทำอะไรช้ากว่าเดิมมาก  แต่ความเร็วในการคิดมุกตลกยังไม่ตกเลย  เช่น  วันหนึ่งเราพาคุณตานั่งรถออกไปกับครอบครัว  พอรถผ่านสี่แยกสวนรื่นฤดี ท่านก็เปรยกับคนที่นั่งมาในรถด้วยกันว่า

“ผ่านมาแถวนี้ให้ระวังหน่อยนะ  อาจหกล้มได้ง่าย ๆ”

พวกเราเมื่อฟังแล้วก็คิดใหญ่ว่าท่านหมายถึงอะไร สักพักคุณยายก็หัวเราะในลำคอ (คงเป็นคนเดียวที่คิดตามทัน) ก็แถวนี้เรียกกันสั้น ๆ ว่า “แยกสวนรื่น”  คุณตาจึงคิดมุกคำพ้องเสียงเป็น “สวนลื่น”  จึงต้องเดินอย่างระวังไม่ให้หกล้ม นี่ขนาดอายุเจ็ดสิบกว่ายังคิดมุกตลกได้ลึกขนาดนี้  แล้วตอนหนุ่ม ๆ จะคารมคมคายขนาดไหน

ฉันเองไม่ได้อยู่บ้านกับคุณตามากนัก  เพราะออกไปทำงานทุกวัน  ส่วนความผูกพันระหว่างฉันกับคุณตาคงเป็นเรื่องของขนมหวาน  เพราะทุกคนทราบดีว่า ท่านชอบรับประทานขนมหวานทุกประเภท  ไม่ว่าจะเป็นทองหยิบ  ทองหยอด ฝอยทอง  ไปจนถึงเค้กช็อกโกแลต  ดังนั้นเมื่อฉันผ่านร้านขนมระหว่างทางกลับบ้านจึงมักซื้อติดมือมาฝากท่านเสมอ ทุกครั้งที่ท่านได้ขนมจากฉัน  คุณตาจะยิ้มที่มุมปาก  หลิ่วตามองนิด ๆ จากหางตา  ทำเหมือนไม่สนใจเท่าไรนัก (แต่จริง ๆ แล้วดีใจมาก)  และผงกศีรษะนิด ๆ เป็นการรับทราบ  ดูท่านมีความสุขกับการกินขนมหวานเหล่านี้มากกว่าอาหารหลักเสียอีก

หลังจากฉลองวันเกิดครบรอบอายุ 81 ปีของคุณตาได้ประมาณสองสัปดาห์  ท่านก็จากไปอย่างสงบที่บ้าน  มันเป็นความรู้สึกใจหายอยู่ลึก ๆ เมื่อคนที่คุ้นเคยในบ้านหายไปหนึ่งคน แม้ทุกอย่างค่อย ๆ กลับมาเข้าที่เมื่อเวลาผ่านไป  แต่ฉันก็ยังอดคิดถึงคุณตาไม่ได้  บางครั้งฉันผ่านร้านขนมเจ้าประจำ ก็จะซื้อขนมหวานติดมือกลับบ้านนำมาตักบาตรให้คุณตา กระทั่งจะครบรอบหนึ่งปีที่คุณตาจากไป  ฉันตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะใส่บาตรด้วยขนมหวานให้ท่านในวันคล้ายวันเกิด

แต่แล้วในสัปดาห์นั้น  กลายเป็นว่าฉันยุ่งอยู่กับงานจนลืมเรื่องนี้เสียสนิท  เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ต้องเตรียมงานจนดึกอยู่หลายคืน  แทบจะลืมทุก ๆ อย่างรอบตัวฉันไปเลย คืนวันหนึ่งขณะที่ฉันนั่งทำงานที่บ้านจนเกือบเที่ยงคืนนั่นเอง จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเพลงดังขึ้นจากเครื่องเล่นซีดีที่เสียบปลั๊กทิ้งไว้  แม้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย  แต่ก็ไม่ทันคิดอะไร  เพราะกำลังมีสมาธิอยู่กับงาน  แค่เดินไปปิดเพลงและทำงานต่อจนเสร็จจึงเข้านอน

วันถัดมา  ฉันก็ยังสาละวนกับการทำงานจนดึกอีกเช่นเดิม  แถมมีนัดโทรศัพท์ไปต่างประเทศช่วงกลางคืนอีก ระหว่างกำลังคุยโทรศัพท์นั่นเอง  เสียงเพลงก็ดังขึ้นมาเป็นคืนที่สอง  แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับเมื่อวานก็ว่าได้  ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดไปเองหรือเปล่า  แต่เมื่อถามคู่สนทนาในโทรศัพท์  เขาบอกว่าได้ยินเสียงเพลงเช่นกัน  คราวนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าตัวเองไม่เพี้ยนแน่  แต่คืนนี้ฉันปล่อยให้เพลงเล่นไปเรื่อย ๆ จนจบแผ่นและเสียงก็เงียบไปเอง  ฉันตัดสินใจเข้านอนโดยไม่เดินไปดูที่เครื่องเสียงนั้นเลย  เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนออกไปทำงาน  ฉันถอดปล๊ักสายไฟออก  ในใจคิดว่า ถ้าคืนนี้ยังมีเสียงเพลงดังมาอีกครั้ง  คงต้องเอาเครื่องเสียงชุดนี้ไปทิ้งเป็นแน่

ระหว่างฉันเดินทางกลับบ้านเย็นนั้น  เผอิญเดินผ่านร้านขนมเจ้าประจำ  สายตาพลันเหลือบไปเห็นทั้งทองหยิบ ทองหยอด  ฝอยทอง  ลูกชุบ  ฉันฉุกคิดได้ขึ้นมาทันทีว่า เลยวันคล้ายวันเกิดคุณตาไปแล้วนี่นา  แย่แล้วสิเรา  ยังไม่ได้เอาขนมตักบาตรให้ท่านเลย  จึงเดินกลับไปซื้อขนมแทบทุกอย่างที่วางขาย  ปรากฏว่าคืนนั้นไม่มีเสียงเพลงให้ได้ยินอีก

เช้าวันรุ่งขึ้น  พอตักบาตรให้คุณตาเสร็จก็มานั่งคิดถึงเสียงเพลงที่ดังขึ้นสองคืนติด ๆ กันอีกครั้ง  มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เครื่องเสียงจะทำงานเองสองคืนติดกันในเวลาใกล้เคียงกัน  ใจหนึ่งก็คิดว่าคงจะเป็นใครไปไม่ได้  นอกจาก คุณตานี่เองที่หามุกตลกมาทวงขนมด้วยเสียงเพลง  น่ารักดีแท้ กว่าฉันจะคิดออกก็ต้องให้ท่านรอไปหลายวัน   แต่อีกใจก็คิดว่า  ความตั้งใจจริงหรือคำสัญญานั้นมีพลังในตัวเองมาก ไม่จำเป็นต้องเขียนเป็นตัวหนังสือหรือเปล่งออกมาเป็นคำพูด แค่ความตั้งใจจริงของเราก็ทำให้เกิดพลังและส่งไปถึงคนที่เรานึกถึงได้เช่นกัน

คราวนี้คงถึงเวลาต้องทบทวนตัวเองแล้วว่า ยังมีสัญญาใจกับใครค้างไว้อยู่อีกหรือเปล่า

 

ที่มา  นิตยสาร Secret

เรื่อง  สุวทนา เจริญสุข

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.