เด็กพิเศษ

เมื่อมีลูกเป็น เด็กพิเศษ พ่อแม่ควรจะอยู่กับลูกอย่างไรให้ทุกข์น้อยที่สุด

เด็กพิเศษ – พ่อแม่พิเศษกว่า  โดย ว. วชิรเมธี

เด็กพิเศษหรือเด็กออทิสติกนั้นต้องการความสามารถพิเศษของผู้เป็นแม่และพ่ออย่างมหาศาล และความสามารถพิเศษนี้ก็ไม่ใช่ความสามารถทางกายในการกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูเขาเท่านั้น หากแต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความสามารถทางใจในการที่จะให้ความรักแก่เขาอย่างเต็มเปี่ยม

ความรัก ความผูกพัน ความเอาใจใส่ต่อเขา สิ่งนี้เป็นพลังพิเศษที่พ่อแม่จะต้องมอบให้แก่เด็กพิเศษมากกว่าเด็กทั่ว ๆ ไป ดังนั้นถ้าหากลูกของคุณเป็นเด็กพิเศษ คุณก็ควรจะตั้งหลักเอาไว้ในใจให้มั่นเลย ทีเดียวว่า “ถ้าลูกเป็นเด็กพิเศษ ก็ต้องเจอกับพ่อแม่ที่พิเศษกว่าลูก” หมายความว่าเราผู้เป็นพ่อและแม่ก็ต้องรักเขาเป็นพิเศษ ดูแลเขาเป็นพิเศษ อดทนกับเขาได้มากกว่าเป็นพิเศษ

ความรักและการดูแลลูก ๆ นั้นเป็นโอสถพิเศษยิ่งกว่าโอสถบรรดามีในโลก

ขอให้คุณคิดถึงคนที่เขามีพร้อมทุกอย่าง อยากมีลูกแต่ทำอย่างไรก็ไม่มี หรือคนที่มีลูก แต่ลูกเป็นคนเลวทรามต่ำช้า นำแต่ความเจ็บช้ำน้ำใจมาให้พ่อแม่ สอนไม่ได้ ว่าไม่ฟัง ด้อยการศึกษา เป็นทาสยาเสพติด และคนที่มีลูก แต่ลูกมาตายจากไปเสียแต่ยังเล็ก โดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรที่ดีงามให้แก่พ่อแม่เลย ปล่อยให้พ่อแม่แก่เฒ่าไปตามลำพังอย่างเงียบเหงา ฝากผีฝากไข้กับใครก็ไม่ได้

คนเหล่านั้นเขาทุกข์เพราะลูกมหาศาล แต่คุณมีลูกเป็นเด็กพิเศษ นี่ก็นับเป็นโชคอย่างหนึ่งของชีวิต เพราะอย่างน้อยคุณก็ได้ใช้ศักยภาพของความเป็นพ่อเป็นแม่อย่างคุ้มค่าที่สุด ขอให้มองว่า งานเลี้ยงลูกนั้นเป็นงาน “บำเพ็ญบารมี” ประเภทหนึ่ง

คุณต้องบำเพ็ญปัญญาบารมี

คุณต้องบำเพ็ญขันติ (ความอดทน) บารมี

คุณต้องบำเพ็ญจาคะ (การเสียสละ) บารมี

คุณต้องบำเพ็ญอุเบกขา (วางใจเป็นกลาง) บารมี

คุณต้องบำเพ็ญเมตตาบารมี

ยิ่งคุณได้บำเพ็ญบารมี คุณก็ยิ่งมีความดีงามในชีวิตเพิ่มขึ้น พยายามนึกอยู่เสมอว่า พ่อแม่คือพระโพธิสัตว์ เพื่อที่จะได้หาวิธี “โปรด” ลูกของเราให้เป็นคนดีเท่าที่ศักยภาพของเขาจะพึงมีพึงเป็นให้ได้อย่างเต็มที่และอย่างเต็มขีดความสามารถ ขอให้มองดูเจ้าหนูน้อยของคุณด้วยสายตาแห่งเมตตาและไมตรี เลี้ยงดูเขาด้วยความเต็มอกเต็มใจ เพราะในระหว่างที่คุณพยายามจะดูแลเขาอย่างดีที่สุดนี้ มันคือโอกาสดีที่คุณจะได้ฝึกปฏิบัติธรรมไปด้วยในตัว ขอให้ถือว่า ระหว่างที่คุณป้อนน้ำป้อนข้าวให้ลูก ระหว่างที่คุณฝึกหัดพัฒนาลูก นั่นคือห้วงเวลาที่คุณได้ป้อนคุณงามความดี คือความเมตตา ความอดทน ความเสียสละ และปัญญาให้ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน และในขณะที่คุณพัฒนาลูก ก็ขอให้ถือว่าตรงนั้นคือช่วงเวลาที่คุณกำลังพัฒนาศักยภาพแห่งความเป็นบุพการีของตัวเองด้วย

ขอให้มองว่างานเลี้ยงลูกของมารดา/บิดาสำคัญกว่างานปั้นพระของศิลปิน จงเลี้ยงดูเขาอย่างประณีต บรรจง อย่างสุดฝีมือ และเมื่อสุดฝีมือของพ่อของแม่แล้ว วันหนึ่งเขาก็จะมีวิถีทางของเขาเอง ขอให้เชื่อมั่นว่า หากเขาเป็นเด็กพิเศษ คุณก็คือพ่อแม่ที่พิเศษยิ่งกว่า และหากเขาเป็นพญามาร คุณก็คือพระโพธิสัตว์

เลี้ยงลูกไป บำเพ็ญบารมีไป กำไรเห็น ๆ !

 

ป.ล. ทอมัส แอลวา เอดิสัน, แอลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ก็เคยเป็นเด็กพิเศษ และชีวิตของสองคนนี้ก็พิเศษสุด ๆ ป่วนพ่อแม่และครูสุด ๆ เช่นกัน แต่พอผ่านคืนวันเหล่านั้นมาได้ เขากลับกลายเป็นคนของโลก

 

ที่มา  ธรรมะคลายใจ – ว. วชิรเมธี สำนีกพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.