เปลี่ยน งาน ไล่ออก ความเจ็บปวด

เปลี่ยน ! ก่อนจะพบความจริงอันเจ็บปวด เมื่อมีใครมาบอกคุณว่า… เราไม่แมทช์กัน จงไปซะ

โลกที่อะไรๆ ก็ขับเคลื่อนด้วยปลายนิ้ว นับวันก็รุกคืบเข้ามาในชีวิตเรามากขึ้นๆ  วันที่เราเป็นผู้ “ใช้” มันเพื่อความ  “เพลิดเพลิน” อาทิ ดูซีรีส์ ฟังเพลง ส่องไอจี นั้นก็ดีอยู่หรอก  แต่ไหงพอบริษัทหรือองค์กรบอกว่า เรามา เปลี่ยน เพื่อให้ทันโลก จะได้ไม่มีใครมาว่าๆ เป็นบริษัทหรือองค์กรล้าหลัง คุณถึงต่อต้านกันนัก 

โอ้ย… ก็ทำแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร กำไรจนเจ้าของรวยเอาๆ ทำไมต้องเปลี่ยน

งานสุมหัว เงินเดือนไม่เพิ่ม โบนัสไม่มี เรื่องให้เปลี่ยน ก็รอไปก่อนสิ

เจ้านายเขาคิดว่าวันๆ เราว่างนักหรือไง ถึงเอาไอ้โน่นไอ้นี่มาให้เรียน  บอกต้องเตรียมพร้อม ก้าวไปข้างหน้า แล้วถ้าฉันไม่เปลี่ยนจะมีไรไหม

บลาๆๆ สารพัดเหตุผลของคนไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนสิ่งใดๆ ในชีวิต

เรื่องดีคือ ถ้าคุณเป็นกำลังสำคัญ เป็นความจำเป็น การไม่ยอมเปลี่ยน อาจไม่มีผลกับชีวิตคุณ

แต่เรื่องไม่ดีคือ ไม่มีใครดำรงความสำคัญอยู่ได้ตลอดไป การไม่ยอมเปลี่ยน จึงอาจวนลูปมามีผลกับชีวิตคุณเข้าสักวัน

และนี่คือตัวอย่างของสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ที่สะท้อนว่าโลกได้ เปลี่ยน ไปแล้ว จริงๆ

แท็กซี่ …

เปลี่ยน งาน ไล่ออก ความเจ็บปวด
ผมเรียนน้อย ต้องออกมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ผมเลือกอาชีพขับแท็กซี่ เพราะชอบนั่งอยู่หลังพวงมาลัย ชอบว่าได้ไปโน่นมานี่แล้วยังได้เงินด้วย ผมใช้วิธีเช่ารถของศูนย์แท็กซี่มาขับเป็นกะ ผมขยันมาก ขับควบ 2 กะอยู่บ่อยๆ เพราะอยากเก็บเงินออกแท็กซี่เป็นของตัวเอง สิบปีผ่านไป ด้วยภาระทางบ้าน ทำให้ผมไม่สามารถออกรถได้สักที

เช้าวันนี้เองที่ศูนย์แท็กซี่ที่ผมเช่าบอกว่าจะเลิกทำกิจการละ เพราะสู้แอพเรียกรถที่ชื่อ Uber ไม่ได้ เขามีทั้งรถใหม่ คนขับไม่เหม็นเหงื่อ ผู้คนชอบใช้เพราะดูทันสมัย เรียกรถกันด้วยการกดโทรศัพท์เพียงปุ่มเดียว ไม่ต้องไปรอโบกข้างถนน ให้คนขับเท็กซี่ปฏิเสธใส่ ผมบอกไม่เคยปฏิเสธผู้โดยสารสักคน เจ้าของศูนย์บอกอย่างเอ็งมีน้อย ถ้ายังอยากขับแท็กซี่ต่อก็ไปเช่าที่ศูนย์อื่นดู แต่ถ้าให้แนะนำ ก็เปลี่ยนอาชีพไปเลยดีกว่า นี่ผมก็ยังงงๆ ว่าโลกนี้มีธุรกิจแบบนี้ด้วย

ห้างสรรพสินค้า …

เปลี่ยน งาน ไล่ออก ความเจ็บปวด

ครอบครัวเราค้าขายมาตั้งแต่รุ่นอากงอาม่า ร้านขายของเดิมเราอยู่ที่โบ๋เบ๋ พอมาถึงรุ่นผม ผมบอกเตี่ยกับแม่ว่าชีวิตมันต้องพัฒนา ผมอยากมีร้านขายของอยู่ในห้างสรรพสินค้า เตี่ยไม่ขัดแถมให้เงินทุนผมแยกออกมาตั้งตัว ผมได้ขายของบนห้างฯ สมใจ ทุกอย่างไปได้สวย ของในร้านขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะผมพูดเก่ง ซื่อสัตย์ ไม่เอาเปรียบลูกค้า

แต่หลังๆ มานี่กิจการร้านผมซบเซาลง แรกๆ ผมไม่รู้ว่าทำไมคนเดินห้างฯ บางตาเหลือเกิน เข้าใจว่าคงเจอพิษเศรษฐกิจ กระทั่งแม่ค้าร้านที่อยู่ข้างๆ มาโบกมือลา ผมตกใจว่าจะเลิกกิจการแล้วหรือ แต่เธอบอกว่าแค่จะเปลี่ยนไปขายออนไลน์แทน เพราะขายดีมาก แพ็คของไม่หวาดไม่ไหว ดีกว่ามาเช่าร้านในห้างฯ ซึ่งทำให้ต้นทุนสูงเปล่าๆ แถมยังใจดีบอกว่าผมก็ควรจะเปลี่ยนวิธีขายเหมือนกัน ผมได้แต่ฟังตาปริบๆ ที่โลกเปลี่ยนระบบการซื้อไปเป็นการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ไม่ต้องมาห้างฯ ไม่ต้องลองสินค้า แถมมีบริการส่งถึงบ้านด้วย ผมขยัน ผมขายของเก่ง แต่ผมตามโลกไม่ทัน ที่สำคัญพอเห็นแอพขายของลดราคาแล้ว ผมยังอยากเปลี่ยนไปเป็นคนซื้อเลย

โรงงานรถยนต์ …

เปลี่ยน งาน ไล่ออก ความเจ็บปวด

 

ผมจบวิศวยานยนต์ด้วยความภาคภูมิใจสุดๆ ใครๆ ก็บอกว่าคณะนี้เข้ายาก เรียนก็ยาก เรื่องจบยิ่งยากกว่า แต่สำหรับผม สอบอมอ สบายมาก หลังเรียนจบผมได้ทำงานโรงงานผลิตรถยนต์อันดับ 1 ของโลก ผมขยันหมั่นพัฒนาทักษะมาตลอดสิบกว่าปี

แต่แล้วผมก็ได้รับจดหมายสมัครใจให้ออก โรงงานบอกว่าต่อไปรถยนต์จะไม่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์น้ำมัน โรงงานจะเปลี่ยนไปผลิตรถใช้ไฟฟ้าแทน และโรงงานยังบอกอีกว่าต่อไปจะให้หุ่นยนต์ทำงานแทนคน เพราะฉะนั้นความรู้ที่คุณเรียนมาใช้ไม่ได้อีกต่อไป คุณต้องเรียนปัญญาประดิษฐ์ ผมขยัน ผมฉลาดมากๆ แต่ผมตกงาน

ธนาคาร …

เปลี่ยน งาน ไล่ออก ความเจ็บปวด

ผมเรียนจบบัญชี ทำงานเป็นพนักงานธนาคารที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ได้ใส่สูทเท่ๆ นั่งทำงานในห้องแอร์  ผมขยัน เจ้านายรัก เรียกไปสังสรรค์เฮฮาหลังเลิกงานด้วยบ่อยๆ งานที่อยู่กับตัวเลข ทำให้ผมคล่องปรื๊ดเรื่องการคำนวณ ผมทำบัตรเครดิตหลายใบ ต่างธนาคารก็ทำเพราะอยากรู้ว่าสิทธิประโยชน์ต่างกันยังไง

แต่แล้ว… ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ผู้คนเดินทางมาธนาคารน้อยลง เพราะใช้แอพธนาคารโอนเงินกันผ่านโทรศัพท์มากขึ้น ธนาคารต้องลดภาระค่าใช้จ่าย ปิดสาขาลง ปลดพนักงานออก ผมตกงาน ทั้งๆ ที่ยังมีภาระต้องรับผิดชอบอีกมากมาย ไหนจะค่าบ้าน ค่ารถ ค่ารูดบัตรเครดิตสารพัดใบ

สำนักพิมพ์ …

เปลี่ยน งาน ไล่ออก ความเจ็บปวด

ฉันจบนิเทศฯ เกียรตินิยมอันดับ 1 ไปสมัครงานกับนิตยสารชื่อดัง เขาก็อ้าแขนรับเข้าทำงานทันที ฉันทำงานอย่างมีความสุข วันไหนนิตยสารที่ทำมาวางบนโต๊ะ ฉันจะละเลียดหยิบพร้อมจิบกาแฟ กลิ่นกระดาษ กลิ่นหมึกและกลิ่นกาแฟ คือมวลรวมแห่งสุนทรีย์ในชีวิต ส่วนเพื่อนร่วมงานน่ะหรือ เขาก็น่ารักทุกคนนะ เสียแต่หัวอ่อน วันที่นิตยสารขายน้อยลง เจ้าของสำนักพิมพ์บอกให้ควบงานเขียนออนไลน์ เขาก็ยอมทำ เขาลืมไปได้ไงว่าปัจเจกของคนทำหนังสือ มันต้องเสพเป็นเล่ม จะมาเขียนขึ้นออนลงออนไลน์ ทำลายวิชาชีพชัดๆ แต่วูบหนึ่งฉันก็แอบเข้าใจเขาหน่อยๆ ก็ไม่มีใครจบเกียรตินิยมเหมือนฉันสักคน

แล้ววันดีคืนดีนิตยสารที่ฉันทำก็ปิดตัว ด้วยเหตุผลไม่มีใครซื้อ ทั้งลูกค้าโฆษณา และลูกค้าเดินแผง แต่จริงๆ จะใช้คำว่่า “ปิด” ก็ไม่ถูกต้อง เจ้าของเขาบอกจะเปลี่ยนแพล็ตฟอร์มไปทำออนไลน์ ให้ผู้คนอ่านเนื้อหาบนโทรศัพท์มือถือ โดยมีรายชื่อกองบรรณาธิการที่ถูกคัดสรรไว้ดังต่อไปนี้ … ซึ่งไม่มีชื่อฉัน

เจ็บปวดใช่ไหมกับคำที่มีนัยยะสื่อว่า “เราไม่แมทช์กัน จงไปซะ ” เราเองก็เห็นใจทุกคนเหลือเกินที่ต้องเจอกับคำๆ นี้ แต่ก่อนจะตีอกชกหัว เราอยากให้คุณวาง  “อคติ” ลงก่อน แล้วให้คำตอบมาซะดีๆ ว่าคุณเดินมาถึงจุดนี้ด้วยเหตุใด

เพราะหากคุณยอมเปลี่ยนตามโลก คุณพร้อมเปิดใจรับ ทักษะใดก็ตามที่คุณรับเข้ามาใส่ตัว โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นมนุษย์ออฟฟิศ คุณยิ่งต้องตระหนักว่าทักษะที่บริษัทหรือองค์กรลงทุนให้คุณนั้นจะเป็นของคุณตลอดไป แล้วใยเล่าคุณถึงหาญกล้าปฏิเสธโอกาสนั้นได้ลงคอ

ที่สำคัญ ด้วยทักษะนั้น ไม่แน่ว่าในอนาคต คุณเองน่ะแหละอาจจะเป็นฝ่ายพูดว่า … “เราไม่แมทช์กัน ฉันไปละ” ก็ได้

 

ข้อมูลบางส่วน : เฟสบุ้คเพจ Rich Infinity

ภาพ : www.pexels.com

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.