บำรุงสายตา ด้วยเมนูแจ่มจรัส มองอะไรก็ชัดไปหมด!

บำรุงสายตา ด้วยเมนูแจ่มจรัส มองอะไรก็ชัดไปหมด!

โดย อ.วันทนี ธัญญา เจตนธรรมจักร ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนไทย

คุณเคยมีอาการมองไม่ชัดหรือมีอาการตาพร่ามัวมองเห็นภาพไม่ชัดบ้างไหมคะ  หรือบางครั้งเวลามองภาพรู้สึกคล้ายมีฝ้าบางๆ มาบังตา   บางคนต้องขยี้ตาก่อนแล้วภาพจึงกลับมาชัดเช่นเดิม  หากเกิดขึ้นบางครั้งบางคราก็ไม่น่าเป็นห่วงนัก แต่ถ้าอาการตาพร่าเกิดอยู่เป็นประจำและอาการมากขึ้น  จนส่งผลให้การมองเห็นเปลี่ยนไปจากเดิม  ขอแนะนำว่าคุณควรไปตรวจสุขภาพและตรวจวัดสายตาไปพร้อมกัน

เพราะสาเหตุของอาการตาพร่านั้นมีหลายสาเหตุ  ตั้งแต่เหตุไม่รุนแรงไปจนถึงรุนแรงและอันตราย เช่น อาการตาพร่ามัวเนื่องจากมีภาวะขาดสารอาหารในกลุ่มวิตามินเอ หรือเกิดเพราะมีภาวะของจอตาเสื่อม เป็นต้อกระจก หรือมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานและอยู่ในภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและเบาหวานขึ้นตา  จึงมองเห็นภาพไม่ชัด  หรือตาพร่าเกิดขึ้น  ซึ่งถ้าเป็นในอย่างหลังดิฉันขอแนะนำว่าควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาตั้งแต่เนิ่นๆจะเป็นการดีคะ

ในทางการแพทย์แผนไทยนั้นมองว่าอาการตาพร่ามัวเกิดได้จากสาเหตุต่างๆดังนี้

  1. เกิดจากความเสื่อมตามอายุขัย
  2. เกิดเพราะลมขึ้นเบื้องสูง(โรคเกี่ยวกับการไหลเวียนและความดันโลหิต)
  3. เกิดเพราะลมระคนกับกำเดา(การไหลเวียนและความร้อนที่ไม่ปกติ เช่น  ไข้ขึ้นสูง  เป็นไข้พิษ)
  4. เกิดเพราะธาตุลมพิการ(อาการที่เกี่ยวกับการไหลเวียนต่างๆ ระบบประสาทต่างๆที่ผิดปกติจากเดิม  หรือเกิดจากภาวะความเสื่อม
  5. เกิดจากธาตุพิการ(เสียสมดุลไปจากเดิม เช่น  การเจ็บป่วยเรื้อรังของโรคเบาหวาน  ความดันโลหิต  จอตาเสื่อมหรืออุบัติเหตุ
  6. เกิดเพราะเป็นต้อ(อย่างในคัมภีร์อภัยสันตา ซึ่ง ว่าด้วยโรคเกี่ยวกับดวงตา)
  7. เกิดเพราะอาหารการกิน(ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการมองเห็น เช่นวิตามินเอ)

การป้องกันอาการตาพร่ามัวหรือการมองเห็นภาพไม่ชัดนั้นควรรับประทานอาหารที่มี วิตามินเอ  และปรุงอาหารให้เสริมหน้าที่การทำงานของธาตุลม พร้อมกับปรับสมดุลของธาตุไฟและธาตุน้ำ  ซึ่งอาหารนั้นควรมีรสเผ็ดหรือรสเผ็ดร้อนเล็กน้อย เพื่อช่วยเสริมการทำงานของธาตุลมและไฟธาตุ  หรือมีรสขม  รสเปรี้ยว  เพื่อเสริมการทำงานของไฟธาตุในส่วนของน้ำดีและรักษาสมดุลของระบบธาตุน้ำ  แต่เมื่อปรุงเป็นอาหารต่างๆ ก็ควรมีรสที่กลมกล่อม โดยอาจมีรสร้อนหรือเผ็ดร้อนนำได้เล็กน้อย  ซึ่งอาจเป็นรสเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศหรือพริก(แต่ต้องไม่เผ็ดจนเกินไป  เพราะถ้าเผ็ดมากจะเป็นการทำลาย  ส่งผลต่อการเสียสมดุลของธาตุน้ำในร่างกายได้  และเกิดอาการร้อนใน  คอแห้ง  เป็นต้น)  รสขม ต้องขมจากอาหารที่กระตุ้นการย่อย  เช่น ขมจากสะเดา ขี้เหล็ก มะระ ยอดหวายอ่อน  หรือ ดอกแค  เป็นต้น

รสเปรี้ยว ควรเปรี้ยวแต่พอประมาณไม่เปรี้ยวมากเกินไปเป็นต้น  หากยังมองภาพไม่ออกละก็ ลองปรุงตามเมนู “แจ่มจรัส” ของดิฉันดูก็ได้ค่ะ แล้วคุณจะร้องอ๋อ พร้อมกับมองอะไรแจ่มชัดขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว

สลัดแจ่มจรัส
สลัดแจ่มจรัส

 

 

เมนูแจ่มจรัส

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)

เตรียม 30 นาที ปรุง 30 นาที

มะม่วงสุกหั่นเป็นชิ้นพอคำ           1              ผล

มะเขือเทศราชินี                             10           ผล

แครอตลวกสุกหั่นเต๋า                   2              ช้อนโต๊ะ

ผักบุ้งไทย(ชนิดก้านขาว)หั่นท่อนลวกสุก 3                ช้อนโต๊ะ

สับปะรดภูเก็ตหั่นเต๋า                   3              ช้อนโต๊ะ

กุ้งแกะเอาแต่เนื้อลวกสุกหั่นเต๋า                 3              ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมน้ำสลัด น้ำมันสลัด 2 ช้อนโต๊ะ / เกลือ 1 ช้อนชา / พริกขี้หนูสับหยาบ 1/2 ช้อนชา / น้ำตาลทรายไม่ขัดขาว 1   ช้อนชา / น้ำส้มซ่าหรือน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ / งาขาวคั่ว 1 ช้อนชา / ใบพาร์สลีย์สับหยาบ 1 ช้อนชา

วิธีทำ

  1. ผสมส่วนผสมน้ำสลัดรวมกันในชามอ่าง คนให้น้ำตาลและเกลือละลายดี พักไว้
  2. ใส่ แครอต  ผักบุ้ง  ลงคลุกเคล้า  ตามด้วย  มะเขือเทศ  สับปะรด  มะม่วง  คลุกเคล้าเบาๆให้เข้ากัน  โรยงาขาวและพาร์สลีย์ลงไปคลุกและตักใส่จานรับประทานทันที

ล้อมกรอบ

แครอต  ผักบุ้ง  มะเขือเทศ  มะม่วงสุก  ประกอบด้วยวิตามินเอ  เบต้าแคโรทีน  วิตามินซี  มีประโยชน์ช่วยป้องกันอาการตาพร่ามัว  เลือดออกตามไรฟัน  ช่วยให้ผนังเม็ดเลือดแข็งแรง  ป้องกันมะเร็ง

สับปะรด  เพิ่มกากใยอาหาร  ขับปัสสาวะ

 

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.