เคลือบกระเพาะ ด้วย วุ้นว่านหางจระเข้

เคลือบกระเพาะด้วย วุ้นว่านหางจระเข้

ด้วย Life style ของคนเมือง กับตารางชีวิตที่เร่งรัด ทำให้บางคนกินอาหารไม่ตรงเวลา บ้างก็อดหลับอดนอนทำ Over time บ่อยๆ พอตื่นมาแล้วรู้สึกไม่สดชื่นก็หันไปดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างชาหรือกาแฟ บางรายหนักกว่านั้นเพราะไนไปพึ่งเครื่องดื่มชูกำลังวันละหลายขวด หรือกินยาแก้ปวดกลุ่ม NSAID ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายคุณดีขึ้นจริง แต่กลับเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด ”โรคกระเพาะ” โรคยอดฮิตของคนเมืองในนาทีนี้เสียแล้ว

ใครที่เคยเป็นโรคกระเพาะจะรู้ว่าเป็นอาการที่ไม่สนุกเลยสักนิด เพราะชื่อเต็มๆ ของโรคนี้คือ “โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer)”ที่เกิดจากการที่กรดHydrochloricและน้ำย่อยโปรตีน Pepsinในกระเพาะเยอะเกินไป

ในกรณีของการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSIAD เยื่อบุผนังกระเพาะจะขาดกลไกในการหลั่งเมือกออกมาปกป้องผนังกระเพาะไม่ให้ถูกน้ำย่อยและกรดในกระเพาะกัดกร่อนซึ่งเป็นผลมาจากการที่ยา ไปยับยั้งการทำงานของ cyclooxygenase 1ซึ่งมีฤทธิ์เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ Prostaglandin สารการอักเสบ โดยเจตนาเพื่อลดอาการอักเสบและปวดบวมต่างๆ แต่ในขณะเดียวันพอการสังเคราะห์ Prostaglandin ลดลงก็จะทำให้การสร้างเมือกป้องกันผนังกระเพาะลดลงไปด้วย อีกกลุ่มที่พบบ่อยคือการติดเชื้อแบคทีเรียH.Pyroli ผ่านทางอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผนังกระเพาะอักเสบเรื้อรัง

ผลทั้งหมดของเหตุที่กล่าวมา ก็คือ ทำให้เกิดการบาดเจ็บเป็นแผลในกระเพาะอาหารขึ้นก่อนแสดงอาการหลักๆ ที่รู้สึกได้คือ ปวดแสบๆ ที่บริเวณลิ้นปี่เวลาหิว แต่พอกินอาหารลงไปแล้วผนังกระเพาะจะบีบตัวคลุกเคล้าอาหารก็ทำให้มีอาการปวดจุกๆ ขึ้นมาอีก เพราะแผลในกระเพาะอาหารกระทบกระเทือน หรือที่เรียกว่า“หิวก็ปวด  อิ่มก็ปวด” ถ้าปล่อยไว้ไม่ดูแล นานๆ เข้ากระเพาะอาจทะลุได้ และต้องถึงขั้นผ่าตัดฉุกเฉินกันก็มี

การรักษาโรคกระเพาะเบื้องต้น อันดับแรกก็คืองดสิ่งกระตุ้นกรดในกระเพาะต่างๆ เช่น ลดละเลิกจากความเครียด  งดดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนเช่นพวกชากาแฟ เลิกกินยาแก้ปวดที่กล่าวไว้ข้างต้นเพราะเป็นอันตรายมาก และงดรับประทานอาหารรสเผ็ดร้อนต่างๆ เพื่อให้ผนังกระเพาะได้มีเวลาพักฟื้นตัว ประมาณ 2-3 เดือน จึงจะเห็นผล อาหารที่เลือกกินในช่วงเป็นโรคกระเพาะจึงควรเป็นอาหารย่อยง่าย ลดปริมาณโปรตีนลง เพราะยิ่งกินโปรตีนมากเท่าไหร่ กระเพาะก็จำเป็นจะต้องสร้างกรดในกระเพาะออกมามากเท่านั้น และใครชอบกินยาแก้ปวดพวก NSAID ก็ควรที่จะงดเสียด้วย

ส่วนอาหารที่ช่วยให้แผลในกระเพาะดีขึ้นเร็วนั้น ฉบับนี้หมอขอแนะให้หยิบสมุนไพรอย่างว่านหางจระเข้ (Aloe vera) มาใช้ เพราะว่านหางจระเข้เป็นพืชอวบน้ำอยู่ในสาแหรกเดียวกันกับพวกหัวหอม (Onion), กระเทียม และหน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) ตรงนี้หมอไม่ได้เขียนผิดหรอกนะค่ะ เพราะพืชเหล่านี้เป็นญาติห่างๆ กัน เพียงแต่ ว่านหางจระเข้ได้ปรับสภาพตัวเองให้สามารถอยู่รอดได้ในสภาวะแห้งแล้ง และแดดที่แผดเผา อย่างพื้นที่ทะเลทราย

นอกจากนี้ในว่านหางจระเข้จะมีสารจำพวก Aloinซึ่งเป็นอนุพันธุ์ของสารกลุ่ม Anthraquinone ซึ่งมี “รสขม” บ่งบอกถึงคุณสมบัติในการลดการอักเสบ และควบคุมการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะไม่ให้เยอะเกินไป (Stomachic effect)

เราจะเข้าใจคุณสมบัตินี้ได้ดีมากขึ้นจาก Doctrine of Signature( แปลว่า การบำบัดรักษาโรคด้วยส่วนของพืชที่มีลักษณะพ้องจองกับอวัยวะหรืออาการนั้นๆ) ที่ว่าแทนที่จะเลือกผลิดอกบานแบบหอมกระเทียม ว่านหางจระเข้กลับเลือกเก็บส่วนประกอบของน้ำไว้จนบวมเป่งที่ใบอันอูมหนาของมัน เพราะถ้าว่านหางจระเข้ออกดอกเมื่อไหร่มันจะตายอย่างรวดเร็ว เราจึงเห็นปรากฏการณ์ที่ว่านหางจระเข้ยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์สารอาหารไว้ที่กลุ่มของน้ำตาลที่มีลักษณะเป็น Gelatin แทนที่จะเก็บสารอาหารไว้ในรูปคาร์โบไฮเดรต และเจ้าเมือกในใบว่านหางจระเข้นี้เองที่เข้าไปเคลือบผนังกระเพาะเสริมเพิ่มเติมให้กับเมือกของกระเพาะเองช่วยให้การสมานแผลในกระเพาะทำได้เร็วยิ่งขึ้น

วุ้นว่านหางจระเข้วุ้นว่านหางจระเข้

วุ้นว่านห่างจระเข้ 

ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่)

เตรียม 30 นาที ปรุง 30 นาที

ว่านหางจระเข้ปอกเปลือกล้างแล้ว                    200  กรัม

เจลาตินแผ่นแช่น้ำเย็นจนนิ่ม                                                3  แผ่น

ผงวุ้น                                                                      1 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย                                                          100  กรัม

น้ำสะอาด                                                              1    ลิตร

ใบเตยสด                                                                               5-6.   ใบ

น้ำแข็งเล็กน้อย

วิธีทำ

  1. ต้มน้ำกับใบเตยจนเดือดจับเวลา15นาที กรองเอาแต่น้ำ แล้วแบ่งเป็น 2 ส่วนเท่ากันเตรียมไว้
  2. น้ำส่วนแรก นำไปผสมน้ำตาลทราย ยกขึ้นตั้งไฟจนน้ำตาลละลายเก็บไว้เป็นน้ำเชื่อม
  3. น้ำส่วนที่เหลือ แบ่งออกเป็นสองส่วนเท่ากัน ส่วนแรกพักให้เย็น แล้วนำไปปั่นกับกากใบเตยที่เหลือจากการต้ม กรองเอาแต่น้ำพักไว้ อีกส่วนใส่ลงหม้อพร้อมผงวุ้นว่านหางจระเข้ ยกขึ้นตั้งไฟต้มให้เดือสักพัก จึงใส่ผงวุ้นลงคนให้ละลายใสดี ปิดไฟพักให้คลายร้อนแต่ยังคงความอุ่น ใส่เจลาตินลงไปคนให้ละลาย แล้วจึงเติมน้ำคั้นใบเตยลงไป  รินส่วนผสมใส่พิมพ์นำไปใช่เย็นจนเซตตัว
  4. หั่นวุ้นว่านหางจระเข้ที่เซตตัวแล้วเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม ใส่ลงถ้วยพร้อมด้วยน้ำเชื่อม เติมน้ำแข็ง พร้อมเสิร์ฟ

พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 127.00 กิโลแคลอรี

โปรตีน 0.90 กรัม

ไขมัน 0.30 กรัม

คาร์โบไฮเดรต 31.00 กรัม

ไฟเบอร์0.00 กรัม

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.