5 เมนูอาหารมงคลต้อนรับวันตรุษจีน

5 เมนูอาหารมงคลต้อนรับวันตรุษจีน

ชาวจีนโพ้นทะเลมีวัฒนธรรมการกินมายาวนาน เมื่อย้ายถิ่นฐานเข้ามาตั้งรกรากในเมืองไทยก็ได้นำวัฒนธรรมนั้นเข้ามาเผยแพร่อย่างกว้างขวาง แต่อาหารประเภทต่างๆ ของคนจีน นั้นมิได้มีไว้รับประทานเท่านั้น แต่ยังใช้ในการไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ หรือใช้ในเทศกาลงานต่างๆ อีกด้วย ซึ่ง ขนมและอาหารนั้นล้วนแล้วแต่มีความหมายที่เป็นมงคลทั้งสิ้น วันนี้เรามี 5 เมนูอาหารมงคลเหมาะกับเทศกาลตรุษจีนหรืองานมงคลต่างๆ มาให้ได้ลองกลับไปทำกันมีดังต่อไปนี้

อาหารมงคลเมนูที่ 1: อั่งก้วยท้อ

อั่งก้วยท้อ ขนมมงคลที่นำมาฝากกันนี้ เราได้สูตรมาจาก คุณสุภาพร เจริญไทยกิจ ลูกหลานชาวมังกรที่อากงอาม่าโลส้ำเภามาจากเมืองจีน มีเสื่อผืนหมอนใบเหมือนกับในภาพยนตร์อย่างไรอย่างนั้น เธอเล่าให้ฟังว่า อั่งก้วยท้อเป็นขนมที่คนจีนจะทำสำหรับไหว้เจ้าในเทศกาลสำคัญต่างๆ มีหลายไส้ด้วยกัน เช่น ไส้ข้าวเหนียว ไส้เผือกกวน ไส้ถั่วเขียว และไส้กุยช่าย นิยมใช้ไหว้เจ้าเพื่อความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นสิริมงคล ด้วยชื่อของขนมที่แปลแยกตามตัว คือ “อั่ง” แปลว่าสีแดง “ก้วย” แปลว่าขนม และ “ท้อ” ซึ่งหมายถึงลูกท้อที่คนจีนเปรียบว่าเป็นผลไม้สวรรค์เมื่อแปลรวมกันก็คือ ขนมรูปลูกท้อสีแดง นั่นเอง

อั่งก้วยท้อ

ส่วนผสมตัวแป้ง (สำหรับ 15 ชิ้น) เตรียม 30 นาที ปรุง 50 นาที (ไม่รวมเวลาแช่ข้าว)

  • แป้งข้าวเจ้า 300 กรัม
  • แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
  • แป้งเท้ายายม่อม 50 กรัม
  • น้ำเดือดจัด 2 ½ ถ้วย
  • น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
  • สีผสมอาหารสีชมพูเล็กน้อย
  • แป้งมันสำปะหลังสำหรับทำแป้งนวล

วิธีทำ

1. ผสมแป้งทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกันในกระทะทองเหลือง ผสมน้ำเดือดจัดกับน้ำมันค่อยๆ เทลงไปสลับกับใช้พายไม้คนส่วนผสมจนน้ำหมด ใส่สีผสมอาหาร คนให้เข้ากันอีกครั้ง นำขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนจนส่วนผสมสุกใสและจับตัวเป็นก้อน
2. ปิดไฟ ยกลง นำส่วนผสมออกจากกระทะมานวดในอ่างผสม ค่อยๆ ใส่แป้งมันลงไป นวดจนแป้งเนียน ปั้นได้ไม่ติดมือ
3. ตัดแป้งที่ได้เป็นก้อนก้อนละประมาณ 70 กรัม แล้วนำไปห่อไส้ที่เตรียมไว้ให้มิดอัดลงในพิมพ์ที่โรยแป้งนวล ค่อยๆ เคาะขนมออกจากพิมพ์
4. เรียงขนมใส่ลังถึงที่รองใบตองไว้ พรมน้ำลงบนขนม นำไปนึ่งด้วยไฟแรงและน้ำเดือดประมาณ 20 นาทีจนกระทั่ง
ขนมสุก แป้งใส ปิดไฟ ยกลง ทาน้ำมันบนชิ้นขนมก่อนเสิร์ฟ รับประทานคู่กับน้ำจิ้ม

ส่วนผสมไส้

  • ข้าวเหนียว 400 กรัม
  • เห็ดหอมแห้งแช่น้ำหั่นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย
  • ไช้โป๊วหวานล้างน้ำหั่นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย
  • ถั่วลิสงดิบบดหยาบ 1 ถ้วย
  • ก้านขึ้นฉ่ายหั่นท่อนเล็กๆ ½ ถ้วย
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • พริกไทย 2 ช้อนชา
  • น้ำมันสำหรับผัด ¼ ถ้วย

วิธีทำ

1. แช่ข้าวเหนียวทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นสงข้าวขึ้นใส่ในลังถึงที่รองด้วยผ้าขาวบาง ใส่ถั่วลิสงลงไปนึ่งพร้อมกันด้วยไฟแรงและน้ำเดือด 15 นาทีจนสุก
2. ระหว่างนึ่งข้าวเหนียว นำกระทะตั้งไฟกลางใส่น้ำมันพอร้อนใส่เห็ดหอม ไช้โป๊วหวาน และเกลือลงผัดให้เข้ากันจนมีกลิ่นหอม เติมพริกไทย ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟนำข้าวเหนียวกับถั่วนึ่งที่ได้ใส่ลงไปผสมให้เข้ากัน ทิ้งไว้สักครู่ ใส่ขึ้นฉ่าย เคล้าให้เข้ากัน พักไว้เป็นไส้ขนม

ส่วนผสมน้ำจิ้ม

  • น้ำส้มสายชู ½ ถ้วย
  • ซีอิ๊วดำหวาน ¼ ถ้วย
  • น้ำตาลทราย ½ ถ้วย
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • พริกชี้ฟ้าเหลือง
  • กรีดเอาเมล็ดออกโขลกละเอียด 4 เม็ด

วิธีทำ

ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันในหม้อยกเว้นพริกชี้ฟ้าเคี่ยวด้วยไฟกลางประมาณ 10 นาทีจนเดือด เติมพริกชี้ฟ้า คนให้เข้ากันรอเดือดอีกครั้ง ปิดไฟยกลง

อาหารมงคลเมนูที่ 2: ห้าสหายนึ่งน้ำแดง

จานนี้เป็นหนึ่งในเมนูอาหารมงคลของชาวจีนที่นิยมทำกันในเทศกาลสำคัญ ทว่าสูตรนี้ปรุงจากผักห้าชนิด ทั้งผักกาดขาว เห็ดหอมคะน้า ข้าวโพดอ่อน และแครอต นำมาลวกแบบนุ่มนอกกรอบในก่อนราดน้ำแดงรสกลมกล่อมผสมสาหร่ายเส้นผมสีดำขลับ ซึ่งว่ากันว่า หากใครได้กินอาหารที่เป็นเส้นยาวจะทำให้มีอายุยืนสุขภาพแข็งแรง จึงทำให้ห้าสหายนึ่งน้ำแดงนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ห้าสหายนึ่งน้ำแดง

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เตรียม 5 นาที ปรุง 5 นาที

  • ผักกาดขาว 4 ก้าน
  • เห็ดหอมสด 6 ดอก
  • คะน้าฮ่องกง 5 ต้น
  • ข้าวโพดอ่อน 5 ฝัก
  • แครอตหั่นเป็นท่อน ½ หัว
  • สาหร่ายเส้นผมแห้ง 5 กรัม
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วย
  • ซุปไก่สกัดสูตรต้นตำรับ
  • ขนาด 4 2 มิลลิลิตร 1 ขวด
  • น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
  • น้ำมันงา ⅛ ช้อนชา
  • เหล้าจีน 1 ช้อนชา
  • แป้งมันฮ่องกง 1½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่าสำหรับ
  • ละลายแป้งมัน ½ ถ้วย
  • พริกไทยขาวป่นเล็กน้อย
  • น้ำเปล่าสำหรับลวกผัก
  • น้ำเย็นจัดสำหรับแช่ผัก
  • พริกดองน้ำส้มหรือจิ๊กโฉ่ว

วิธีทำ
1. ใส่สาหร่ายลงในกระชอนตาถี่ เปิดน้ำไหลผ่านประมาณ 30 วินาที พักให้สะเด็ดน้ำ2. ลวกผักกาดขาว เห็ดหอม คะน้า ข้าวโพดอ่อน และแครอตในน้ำเดือดจนสุกตักใส่อ่างที่มีน้ำเย็นแช่ไว้สักครู่ แล้วตักขึ้นพักไว้
3. ตั้งกระทะใส่นำ้ และซุปไก่สกัดลงไป รอจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาวน้ำตาลทราย น้ำมันงา และเหล้าจีน คนให้เข้ากัน
4. ผสมแป้งมันฮ่องกงกับน้ำ คนให้ละลายแล้วค่อยๆ เทลงกระทะ ระหว่างนั้นใช้ตะหลิวคนไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้แป้งจับตัวกันเป็นก้อนจากนั้นใส่สาหร่ายเส้นผม คนให้เข้ากันปิดไฟ
5. เรียงผักที่ลวกไว้ใส่จานให้สวยงาม ราดด้วยน้ำแดง โรยหน้าด้วยพริกไทย ยกเสิร์ฟ

Tips:

1. แป้งมันฮ่องกงช่วยให้น้ำแดงมีความข้นใส ไม่คืนตัวภายหลัง หากไม่มีให้ใช้แป้งมันหรือแป้งข้าวโพดในปริมาณที่เท่ากันแทนได้ แต่ควรรับประทานทันที
2. สาหร่ายเส้นผมมีขนาดเล็ก เวลาทำความสะอาดให้ใส่ในกระชอนตาถี่แล้วเปิดน้ำไหลผ่านเพื่อล้างเศษดินที่ติดอยู่
3. หาซื้อสาหร่ายเส้นผมได้ที่ตลาดเยาวราชหรือกูร์เม่ต์มาร์เก็ต ชั้น G สยามพารากอน

พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 52.85 กิโลแคลอรี
โปรตีน 1.71 กรัม ไขมัน 0.13 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 11.35 กรัม ไฟเบอร์ 1.55 กรัม

คลิกหน้าถัดไป…

อาหารมงคลเมนูที่ 3: ซาลาเปาซิ่วท้อไส้ครีม

ปกติซาลาเปาซิ่วท้อจะไม่นิยมใส่ไส้ แต่เรานำมาประยุกต์ให้รับประทานได้อร่อยมากยิ่งขึ้น โดยเติมไส้ครีมรสหวานมันลงไป แล้วปรับลดขั้นตอนการนวดแป้งจากสองครั้งเหลือครั้งเดียว และไม่เติมสารเสริมใดๆ เพราะต้องการคงเอกลักษณ์ของซาลาเปาซิ่วท้อแบบโบราณที่ผิวด้านนอกเหนียว เนื้อด้านในนุ่มอุ่นร้อนๆ ก่อนรับประทานกับชาจีนชั้นดีรับรองอร่อยอย่าบอกใคร

ซาลาเปาซิ่วท้อไส้ครีม

ส่วนผสม (สำหรับ 20 ลูก) เตรียม 20 นาที ปรุง 40 นาที
(ไม่รวมเวลาพักแป้งและตุ๋นไส้ครีม)

  • แป้งสาลีชนิดพิเศษตราบัวแดง 500 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • ยีสต์แห้งสำเร็จรูป 1 ช้อนชา
  • เกลือ ¼ ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม
  • น้ำเปล่า 270 กรัม
  • เนยขาว 60 กรัม
  • กระดาษรองซาลาเปา
  • สีผสมอาหารสีชมพูผสมน้ำต้มสุกเล็กน้อย
  • แปรงทาเนยหรือพู่กันสำหรับแต้มสี
  • ผ้าขาวบางสำหรับคลุมแป้ง

วิธีทำ

1. ร่อนแป้งกับผงฟูให้เข้ากัน นำไปเคล้ากับยีสต์ เกลือ และน้ำตาลในอ่างผสมใบใหญ่ค่อยๆ ใส่น้ำลงไป นวดให้เข้ากัน เติมเนยขาว นวดต่อให้ส่วนผสมเนียน ตัดเป็นก้อนเล็กๆ ประมาณก้อนละ 30 กรัม คลึงให้กลมเรียงใส่ถาดเว้นระยะห่างเล็กน้อย คลุมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาด พักไว้ 20 นาที ให้ขนมขึ้นฟู
2. นำก้อนแป้งที่พักไว้หงายขึ้นใช้ไม้คลึงแป้งรีดให้ขยายตัวเล็กน้อย ตักไส้วางตรงกลางเก็บริมแป้งให้ติดกัน คว่ำแป้งลงแล้วคลึงให้กลม ใช้นิ้วจับแป้งด้านใดด้านหนึ่งให้แหลมใช้สันมีดกดแป้งให้เป็นรอยลึกลงไป โดยกดจากฝั่งตรงข้ามของปลายแหลมที่ทำไว้ให้ยาวมาจนถึงกลางก้อนแป้ง พักไว้ประมาณ 20 นาทีให้แป้งขึ้นเป็นสองเท่า
3. ระหว่างรอขนมขึ้น นำลังถึงใส่น้ำยกขึ้นตั้งไฟ เรียงขนมที่ขึ้นได้ที่ใส่ลังถึง นำไปนึ่งบนน้ำเดือดประมาณ 10 นาที ปิดไฟ ยกขึ้นใช้สันมีดกดที่รอยเดิมอีกครั้ง ใช้แปรงหรือพูกันจุ่มสีเล็กน้อยทาที่ปลายแหลมพร้อมเสิร์ฟ

ส่วนผสมไส้ครีม

  • ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 3 ฟอง
  • ไข่ไก่เบอร์ 1 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย ½ ถ้วย
  • นมข้นจืด ¾ ถ้วย
  • นมผง 1½ ช้อนโต๊ะ
  • แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ ¼ ช้อนชา
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • เนยเค็ม 60 กรัม
  • สีผสมอาหารสีเหลืองตามชอบ

วิธีทำ

ผสมน้ำตาล นมผง เกลือ และแป้งข้าวโพดให้เข้ากัน จากนั้นเทนมข้นจืดใส่ลงไป คนให้ละลาย เติมไข่แดงและไข่ทั้งหมดลงไป ใส่สีเหลืองตามชอบ คนให้เข้ากันอีกครั้ง กรองด้วยผ้าขาวบาง นำไปตุ๋นจนส่วนผสมข้นขึ้นเป็นก้อน ใส่เนยลงไปคนให้เข้ากัน ปิดไฟ ยกลงพักไว้ให้เย็นเพื่อรอบรรจุไส้

Tips :

  • ความเข้มอ่อนของสีที่ใช้แต้มซิ่วท้อขึ้นอยู่กับปริมาณของน้ำต้มสุกที่ผสมลงไป
  • การใช้สันมีดกดอีกครั้งหลังนึ่งสุกเพื่อให้เกิดรอยชัดเจนมากขึ้น

พลังงานต่อหนึ่งลูก 231.21 กิโลแคลอรี
โปรตีน 4.86 กรัม ไขมัน 8.00 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 34.61 กรัม ไฟเบอร์ 0.68 กรัม

อาหารมงคลเมนูที่ 4: ขนมเปี๊ยะดอกเบญจมาศไส้เค็ม

ขนมเปี๊ยะชนิดนี้ให้สัมผัสที่พิเศษกว่าขนมเปี๊ยะทั่วไปตรงที่นำไปทอดให้สุก แทนการอบ จะได้เนื้อแป้งที่บางกรอบและเบาไม่แห้งกระด้าง นำมาใส่ไส้ถั่วเค็มให้ตัดรสหวานจากตัวแป้งซึ่งไส้ถั่วเค็มนี้ประยุกต์จากไส้ ขนมเทียน แต่ผัดให้แห้งขึ้นปรุงรสเค็มหวานและเผ็ด หอมกลิ่นพริกไทยและหอมเล็กก่อนทอดกรีดแบ่งให้เป็นลาย เวลาทอดก็จะเหมือนมีดอกไม้บานอยู่ในกระทะเลยทีเดียว

ขนมเปี๊ยะดอกเบญจมาศไส้เค็ม

ส่วนผสม (สำหรับ 30 ชิ้น)
เตรียม 30 นาที ปรุง 60 นาที (ไม่รวมเวลาผัดไส้)

ส่วนผสมแป้งชั้นใน

  • แป้งเค้ก 225 กรัม
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 75 กรัม
  • น้ำมันรำข้าว 100 กรัม
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมแป้งชั้นนอก

  • แป้งเค้ก 150 กรัม
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 150 กรัม
  • น้ำเปล่า 180 กรัม
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันรำข้าว 40 กรัม
  • น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ

1. ทำแป้งชั้นในโดยร่อนแป้งทั้งสองชนิดแล้วผสมกับส่วนผสมที่เหลือให้เข้ากัน นวดจนแป้งเนียน ห่อด้วยพลาสติกถนอมอาหารพักไว้ 20 นาที นำมานวดอีกครั้งแล้วตัดเป็นก้อนเล็ก ๆ ก้อนละ 15 กรัม พักไว้
2. ทำแป้งชั้นนอกโดยร่อนแป้งทั้งสองชนิดแล้วนวดกับน้ำที่ละลายน้ำตาลไว้ให้เข้า กันจากนั้นเติมน้ำมันลงไป นวดต่อให้ส่วนผสมเนียน ห่อด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักไว้ 20 นาที นำมานวดอีกครั้งแล้วตัดเป็นก้อนเล็กๆ ก้อนละ 15 กรัม พักไว้
3. คลึงแป้งชั้นนอกให้เป็นแผ่น นำแป้งชั้นในมาวางเป็นไส้ตรงกลาง จับริมแป้งให้ติดกันแล้วคลึงเป็นก้อนกลม พลิกกลับด้าน คลึงให้แป้งขยายตัวออกตามแนวตั้งประมาณ 1 คืบจากนั้นม้วนแป้งจากด้านใดด้านหนึ่งให้แน่นจับแป้งวางแนวตั้งแล้วคลึงให้ ขยายตัวออกตามแนวตั้งอีกครั้ง ม้วนให้แน่น ใช้ฝ่ามือกดให้แบนเล็กน้อย คลึงให้แป้งขยายออกเป็นแผ่นกลม วางไส้ตรงกลางแล้วจับริมแป้งให้ติดกัน คลึงเป็นก้อนกลม พักไว้
4. หงายหน้าขนมขึ้น ใช้มีดกรีดแป้งแบ่งเป็น 8 ส่วนเท่าๆ กันโดยไม่ให้แป้งขาดทะลุเห็นไส้และไม่กรีดยาวลงไปถึงฐานขนม
5. ตั้งกระทะน้ำมันพอร้อน นำขนมลงไปทอดจนสุกเหลืองและชั้นแป้งบานออกสวยงามตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน พักให้เย็น พร้อมเสิร์ฟ หรือเก็บใส่ภาชนะปิดสนิท

ส่วนผสมไส้เค็ม

  • ถั่วเขียวซีกนึ่งสุกโขลกละเอียด 1 ถ้วย
  • หอมเล็กสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช ¼ ถ้วย
  • น้ำตาลทราย ¼ ถ้วย
  • เกลือ 1½ ช้อนชา
  • พริกไทยขาวป่น 1½ ช้อนชา

วิธีทำ

ตั้งกระทะใสน้ำมันพอร้อนใส่หอมลงผัดจนเป็นสีเหลือง เติมถั่ว น้ำตาล พริกไทยและเกลือลงไป ผัดให้เข้ากันจนแห้ง ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น ปั้นเป็นก้อนเท่า ๆ กัน เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5 นิ้ว เตรียมไว้เป็นไส้ขนมเปี๊ยะ

Tips :

  • หากใช้น้ำมันหมูแทนน้ำมันพืชในการนวดแป้งและผัดไส้จะทำให้ขนมมีกลิ่นหอมมากยิ่งขึ้น
  • ไส้ถั่วเค็มนี้จะต้องใช้ครกโขลกถั่วเท่านั้นไม่สามารถนำไปปั่นได้ เพราะปริมาณของเหลวไม่เพียงพอ

พลังงานต่อหนึ่งชิ้น 177.67 กิโลแคลอรี
โปรตีน 2.20 กรัม ไขมัน 8.89 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 21.95 กรัม ไฟเบอร์ 0.90 กรัม

คลิกหน้าถัดไป…

อาหารมงคลเมนูที่ 5: เป็ดอบฮ่องเต้

เป็ด หมายถึง สิ่งบริสุทธิ์ ความสะอาด ความมั่งคั่ง ชาวจีนนิยมทำกันในเทศกาลสำคัญ ไม่ว่าจะนำมาเป็นของไหว้บรรพบุรุษ แล้วยังนำเป็ดไปทำเมนูหลากหลายในวันมงคลอีกด้วย เนื้อเป็ดมีปริมาณกลูตาเมตธรรมชาติ (Free Glutamate) สูงกว่าไก่และปลา ทำให้เนื้อเป็ดนั้นอร่อยกว่า เรานำอกเป็ดมาเคี่ยวกับน้ำพะโล้ใส่สมุนไพรจีนชื่อ ‘เฉากว่อ’ ลงไป ทำให้ได้สรรพคุณที่ช่วยขับลมในกระเพาะได้ดี แล้วนำไปอบกับยอดผักและน้ำพะโล้ปรุงรสนอกจากจะรับประทานอร่อยแล้ว ยังไม่ต้องกังวลเรื่องท้องอืดอีกด้วย

เป็ดอบฮ่องเต้

ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เตรียม 45 นาที ปรุง 1 ชั่วโมง 30 นาที (รวมเวลาเคี่ยวเป็ด)

  • อกเป็ดสด 4 ชิ้น
  • ผักฮ่องเต้จิ๋วลวกสุก 12 ต้น
  • เห็ดหอมแห้งแช่น้ำจนนิ่ม 12 ดอก
  • ผงพะโล้ 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยดำโขลกหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
  • อบเชยท่อนสั้น 2 ท่อน
  • โป๊ยกั้ก 3 ดอก
  • ชวงเจีย 1 ช้อนโต๊ะ
  • ชะเอม 4 ชิ้น
  • เม็ดเฉากว่อ 4 ลูก
  • เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาวอย่างดี ½ ถ้วย
  • น้ำตาลกรวด 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำซุปไก่สำหรับเคี่ยวพะโล้ 10 ถ้วย
  • น้ำมันสำหรับทอดและราดหนังเป็ด

ส่วนผสมน้ำราด

  • น้ำพะโล้ 1 ถ้วย
  • น้ำซุปไก่ ¼ ถ้วย
  • น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งมันฮ่องกง 1 ช้อนชา
  • ละลายน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยขาวป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ

  1. ล้างเป็ดให้สะอาด พักสะเด็ดน้ำให้แห้ง ทอดในน้ำมันจนสีสวย ตักขึ้นพักไว้
  2. ใส่เครื่องเทศและเครื่องปรุงทั้งหมดใส่หม้อ เติมน้ำให้ท่วมแล้วเคี่ยวจนน้ำเป็นสีน้ำตาล
  3. ใส่เป็ดและเห็ดลงเคี่ยวด้วยไฟกลาง 1 ชั่วโมงจนนิ่ม
  4. ตักชิ้นเป็ดขึ้น ซับน้ำให้แห้ง นำไปวางบน ตะแกรงพร้อมภาชนะรอง แล้วใส่น้ำมันลงใน กระทะตั้งไฟให้ร้อน ตักน้ำมันร้อน ๆ ราดบน หนังเป็ดให้สีสวย จึงนำไปหั่นเป็นชิ้นเรียงใส่ จานทนความร้อน พักไว้
  5. เรียงผักฮ่องเต้ลวกข้างจานเป็ด พร้อมด้วย เห็ดที่เคี่ยวในน้ำพะโล้
  6. ทำน้ำราดโดยใส่น้ำพะโล้และน้ำซุปไก่ ลงในกระทะ ต้มให้เดือด ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว พริกไทย แล้วใส่แป้งมัน ละลายน้ำลงไป คนให้เหนียว เติมน้ำมันงา ปิดไฟ ตักราดลงบนจานเป็ดที่จัดไว้ แล้วนำ เข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 250 องศาเซลเซียส 5 – 7 นาที พร้อมเสิร์ฟ

พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 445.21 กิโลแคลอรี
โปรตีน 20.43 กรัม ไขมัน 16.75 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 52.50 กรัม ไฟเบอร์ 3.30 กรัม

ขอให้อิ่มอร่อยกันนะคะ ทั้งอิ่มทั้งได้บุญกับเมนูมงคลแบบนี้ ยังไงก็ขออวยพรทุกท่านว่า “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้” ขอให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ เจริญรุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมาจ้า

สูตรโดย Health&Cuisine

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.