ฟองดูหมูสะเต๊ะ จากหมูสะเต๊ะธรรมดาแปลงเป็นขนมปังฝรั่งเศษก้อนโต

พระวิมาดาเธอฯทรงมีรับสั่งไปที่เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชให้หาชาวชวาผู้ทำกับเก่ง เพราะโปรดอยากได้ตำรับกับข้าว

ของชาวชวา ชาวชวาจึงสอนพระองค์ทำเนื้อย่าง(ต้นตำรับใช้เนื้อวัว) แต่ชื่อของอาหารชนิดนี้เรียกยาก คนในวังจึงเรียก

เพี้ยนเป็นสะเต๊ะ และด้วยความอร่อยจนเป็นที่กล่าวขวัญ จากสะเต๊ะธรรมดาจึงกลายเป็น “สะเต๊ะลือ”

ซึ่งเป็นต้นตำรับของหมูสะเต๊ะในปัจจุบัน

1. แล่มันและพังผืดหมูออกให้หมด ใช้มีดหั่นตัดลายกล้ามเนื้อเป็นชิ้นบาง กว้าง 1 นิ้ว ยาว 3 นิ้ว โดยประมาณ

ใส่อ่างผสมไว้

2. คั่วลูกผักชีและยี่หร่า จนเหลืองหอม ใส่ลงครกตำให้ละเอียด ใส่หอมเล็กโขลกรวมลงไป ใส่ถั่วลิสงโขลกรวมลงไป

เมื่อละเอียดดีแล้วตักใส่อ่างหมูที่พักไว้ เทหัวกะทิลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ เกลือ น้ำปลา ผงขมิ้น นมข้นและเหล้า

แล้วใช้สองมือขยำนวดเนื้อหมูกับเครื่องหมักให้นานๆ เพื่อใหห้ มูนุม่ และเครื่องปรุงซึมเข้าเนื้อหมู

จากนั้นหมักทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง

3. หยิบชิ้นหมูขึ้นมาเสียบไม้ โดยเสียบแบบด้นเหมือนเย็บผ้า พอด้นสุดชิ้นหมูแล้วให้กดเนื้อหมูอัดเข้าไปให้แน่น

จนดูกลม ทำจนหมูหมด ควานเศษหมูที่เหลือในน้ำหมักขึ้นมาให้หมด แล้วเก็บน้ำหมักไว้พรมหมูเวลาปิ้งสะเต๊ะ

4.ปิ้งสะเต๊ะบนเตาถ่านด้วยไฟกลางค่อนไปทางอ่อน (ระหว่างปิ้งให้หมั่นพรมน้ำหมัก)จนหมูสุกดี เสิร์ฟกับน้ำจิ้ม

แตงกวา และผักกาดหอม

โขลกหอมเล็กกับพริกชี้ฟ้าแดงให้ละเอียดพักไว้ ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำแล้วใส่น้ำตาลและเกลือ คนให้ละลายเข้ากัน

ชิมให้ได้สามรส นำไปเสิร์ฟกับสะเต๊ะลือ

-นำเศษเนื้อหมูที่เหลือจากน้ำหมักไปรวนในกระทะให้สุก วางผักดองบนขนมปังตามด้วยเศษสะเต๊ะ

ทำเป็นแซนด์วิชกินอร่อยนัก

พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 152.43 กิโลแคลอรี

โปรตีน 9.48 กรัม ไขมัน 6.94 กรัม

คาร์โบไฮเดรต 14.16 กรัม ไฟเบอร์ 0.62 กรัม

---

เรื่อง : สิทธิโชค ศรีโช

ภาพ : พีระพัฒน์, อัศวิน