แกงเขียวหวานเนื้อวากิว

แกงเขียวหวานเนื้อวากิว เมนูอร่อยแบบไทยสูตรกะทิสด ร้านครัวรังสิต

Alternative Textaccount_circle
event
แกงเขียวหวานเนื้อวากิว
แกงเขียวหวานเนื้อวากิว

แกงเขียวหวานเนื้อวากิว สูตรกะทิสดร้านครัวรังสิต “แกงเขียวหวาน” เมนูไทยๆ รสเข้มถึงเครื่อง ที่หลายๆ คนนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งเมนูนี้เราสามารถปรับเปลี่ยนวัตถุดิบอย่างเนื้อสัตว์ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นไก่ หมู เนื้อ และอื่นๆ ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็รสชาติอร่อยกลมกล่อมถูกปากคนไทยมายาวนาน แกงเขียวหวานจะทานคู่กับข้าวสวยๆ ร้อนๆ หรือขนมเส้นจีนก็อร่อยเข้ากัน วันนี้เราได้มีโอกาสได้สูตรเด็ดแกงเขียวหวานเนื้อวากิว จากร้านครัวรังสิต มาฝากเพื่อนๆ ได้ลองเอาไปปรุงทานกันค่ะ

แกงเขียวหวานเนื้อวากิว

แกงเขียวหวานเนื้อวากิว

เมื่อถามว่าแกงเขียวหวานของครัวรังสิตมีเคล็ดลับความอร่อยอย่างไร คุณสยุมพรบอกว่า “เป็นสูตรดั้งเดิมของคุณยายที่คุณแม่สอนต่อมา เรียกกันว่าเป็นสูตรกะทิสด ซึ่งไม่ได้หมายความว่าห้ามเคี่ยวกะทิแต่อย่างใด เพียงแต่เวลาทำต้องเคี่ยวกะทิให้แตกมันแล้วผัดกับเครื่องแกงจึงจะทำให้แกงมีกลิ่นหอม ซึ่งกะทิแตกมันจะมีส่วนของกะทิที่จับตัวเป็นก้อนแยกชั้นกับน้ำมันลอยหน้าเวลากินจะไม่อร่อยและต้องใส่หัวกะทิคั้นใหม่ข้น ๆ ลงไปตอนสุดท้ายที่สำคัญ สีน้ำแกงเขียวหวานของเราไม่เหมือนที่ไหน หากดูเผิน ๆ จะเห็นเป็นสีเขียวสด แต่หากใช้ช้อนตักจะมีสีเหลืองปนอยู่นิดหน่อย เพราะพริกแกงเขียวหวานของเราใส่ขมิ้น บวกกับใช้ใบพริกขี้หนูสดกับใบโหระพามาปั่นแล้วคั้นน้ำใส่ลงไป ทำให้น้ำแกงเขียวหวานมีสีเขียวสดอมเหลืองดูมีมิติ “เคล็ดลับเหล่านี้เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ หาก
อยากสัมผัสรสชาติความอร่อยก็สามารถทำตามสูตรที่คุณสยุมพรได้มอบให้หรือจะไปลิ้มรสต้นตำรับที่ครัวรังสิตก็ได้เช่นกัน

แกงเขียวหวานเนื้อวากิว

คุณสยุมพร เหวียนระวีเหม็งพานิช ผู้บริหาร ร้าน “ครัวรังสิต”

เคล็ดลับความอร่อย แกงเขียวหวานเนื้อวากิว Pro Knowledge

  • เลือกเนื้อวากิวส่วนปลายซี่โครงเนื้อวากิวมีเส้นใยละเอียดมีไขมันแทรกอยู่ทั่วจึงมีเนื้อสัมผัสดีกว่าเนื้อวัวธรรมดา เนื้อวากิวที่ใช้เป็นเนื้อซี่โครง (Rib eye) ส่วนปลายจะมีความเหนียวเล็กน้อย ไขมันเป็นชั้นหนา ไม่นิยมใช้ในการทำสเต๊ก จึงเหมาะกับเมนูต้มตุ๋น โดยเฉพาะทำแกงเขียวหวาน เพราะรสเผ็ดร้อนของแกงช่วยแก้เลี่ยนของเนื้อได้
  • รสเผ็ดน้อยสีสวยต้องใช้พริกชี้ฟ้าเขียว มาซอยแล้วโขลกทำเป็นพริกแกง เพราะถ้าใช้พริกขี้หนูสีเขียวมาโขลกต้องใช้ปริมาณเยอะถึงจะออกสี แต่รสจะเผ็ดเกินไป
  • คั่วเครื่องเทศด้วยไฟอ่อนจนส่งกลิ่นหอม ทั้งลูกผักชีและยี่หร่าต้องแยกกระทะคั่วเพราะเครื่องเทศทั้งสองชนิดมีขนาดต่างกันจึงสุกไม่พร้อมกันที่สำคัญ ต้องคั่วด้วยไฟอ่อนจนส่งกลิ่นหอม เพราะถ้าไฟแรงจะทำให้ไหม้ มีรสขมในแกง
  • เพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริกไทยดำ เพราะพริกไทยดำมีรสเผ็ดร้อนกว่าพริกไทยขาวเหมาะนำมาปรุ่งกับเนื้อแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ส่วนพริกไทยขาวรสเผ็ดอ่อน ๆ เหมาะกับอาหารทะเล
  • ใส่เกลือทะเลลงไปเวลาโขลกพริกแกง เกลือจะทำหน้าที่กักเก็บรสชาติ โดยดูดซับน้ำจากพริกชี้ฟ้า ที่สำคัญ ทำให้พริกแกงไม่แฉะ ป้องการพริกกระเด็นเข้าตาได้
  • เนื้อนุ่มมีรสหวานให้เคี่ยวกับหางกะทิ โดยต้มหางกะทิให้เดือดแล้วหั่นเนื้อวากิวเป็นชิ้นหนาประมาณ 2 เซนติเมตรใส่ลงไปต้ม พอส่วนผสมเดือดให้หรี่ไฟอ่อนเคี่ยวไปเรื่อย ๆ นาน 45 นาทีหรือจนเนื้อสุกนุ่มเพราะหางกะทิมีไขมันมะพร้าวผสมอยู่ เมื่อนำไปต้มจะทำให้เนื้อวัวนุ่มและมีรสหวาน
  • สีน้ำแกงสวยด้วยขมิ้น ใบพริกขี้หนู และโหระพา น้ำแกงสูตรนี้จะมีสีเขียวสดอมเหลืองเล็กน้อย เพราะใส่ขมิ้นลงใบโขลกในพริกแกง และใช้ใบพริกขี้หนูผสมกับใบโหระพาลงไปปั่นแล้วคั้นเอาน้ำเขียว ๆ มาใช้ใบพริกขี้หนูจะช่วยให้น้ำแกงเขียวหวานมีสีเขียวจัด แต่ถ้าใส่มากไปจะมีกลิ่นเหม็นเขียว จึงต้องใส่ใบโหระพาผสมลงไปเพื่อช่วยเพิ่มกลิ่นหอมชวนกินยิ่งขึ้น
  • มะเขือสีสวยต้องแช่ในน้ำเกลือแล้วใส่ในน้ำแกงที่เดือดพล่าน เพราะมะเขือเปราะและมะเขือพวงเมื่อหั่นหรือเด็ดขั้วออกแล้วจะดำง่าย ต้องละลายเกลือกับน้ำชิมพอให้มีรสเค็มแล้วใส่มะเขือแช่ลงไป จากนั้นรอให้น้ำแกงเดือดพล่าน ตักมะเขือทั้งสองชนิดใส่ลงไปแล้วปิดฝาเพื่อให้ความร้อนระอุอยู่ภายใน ต้มไฟแรงนาน 1 – 2 นาที จะทำให้มะเขือมีสีเขียวสวยน่ากิน
  • คั้นกะทิสดข้น ๆ ใส่ตอนสุดท้าย ก่อนตั้งให้เดือดแล้วปิดไฟทันที เพราะแกงเขียวหวานที่ต้มเคี่ยวมาเป็นระยะเวลานานทำให้กะทิแตกมันกินแล้วไม่อร่อย การใส่กะทิคั้นใหม่ ๆ ก็จะช่วยเพิ่มรสหวานมันให้แกงเขียวหวานได้ดี

ส่วนผสม (สำหรับ 3 – 4 ที่) เตรียม 30 นาที ปรุง 1 ชั่วโมง (ไม่รวมเวลาโขลกพริกแกง)

  • เนื้อวากิวหั่นชิ้นหนา 2 เซนติเมตร 300 กรัม
  • มะเขือเปราะผ่าสี่แช่น้ำเกลือ 1/2 ถ้วย
  • มะเขือพวงเด็ดก้านแช่น้ำเกลือ 1/2 ถ้วย
  • ใบโหระพา 1/2 ถ้วย
  • ใบมะกรูดฉีกก้านกลางออก 3 ใบ
  • พริกชี้ฟ้าเขียวหั่นแฉลบ 2 เม็ด
  • พริกขี้หนูสวน 1/4 ถ้วย
  • หัวกะทิ 11/2 ถ้วย
  • หางกะทิ 11/2 ถ้วย
  • น้ำปลาดี 1/4 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

ส่วนผสมพริกแกง

  • พริกชี้ฟ้าเขียวซอย 1/4 ถ้วย
  • หอมเล็กปอกเปลือกซอย 4 หัว
  • กระเทียมกลีบเล็กปอกเปลือก 1/4 ถ้วย
  • รากผักชีซอย 3 ราก
  • ข่าแกหั่นแว่น 4 แว่น
  • ตะไครซ้อย 1/4 ถ้วย
  • ผิวมะกรูด 2 ช้อนชา
  • ขมิ้นซอย 1/2 ช้อนชา
  • พริกไทยดำคั่ว 1 ช้อนชา
  • ลูกผักชีคั่ว 1/2 ช้อนชา
  • ยี่หร่าคั่ว 1/4 ช้อนชา
  • เกลือทะเล 1 ช้อนชา
  • กะปิ 2 ช้อนชา

ส่วนผสมน้ำคั้นใบพริกขี้หนูและโหระพา

  • ใบพริกขี้หนู 1/2 ถ้วย
  • ใบโหระพา 1/2 ถ้วย
  • น้ำเปล่า 3/4 ถ้วย
แกงเขียวหวานเนื้อวากิว

วิธีทำ

1.ตั้งหางกะทิให้เดือด ใส่เนื้อวากิวลงไป คนให้เข้ากัน เคี่ยวตามวิธีและเวลาที่ระบุไว้ใน Pro Knowledge

2.ระหว่างนี้โขลกพริกแกงโดยโขลกเครื่องเทศทั้งลูกผักชียีหร่าและพริกไทยรวมกันจนละเอียดตักใส่ถ้วยไว้ ใช้ครกใบเดิมโขลกรากผักชี ข่า ตะไคร้พอแหลกใส่ผิวมะกรูด พริกชี้ฟ้า ขมิ้นและเกลือลงไป โขลกจนละเอียดตามด้วยหอมเล็กและกระเทียมเมื่อส่วนผสมแหลกดี ใส่กะปิและเครื่องเทศ โขลกจนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักใส่ถ้วยไว้

3.ปั่นใบพริกขี้หนู ใบโหระพากับน้ำจนละเอียด เทใส่กระชอนคั้นเอาน้ำเก็บไว้ใช้

4.ตั้งหม้ออีกใบตักหัวกะทิประมาณ 1/2 ถ้วย ผัดกับพริกแกงเขียวหวานด้วยไฟกลาง รอจนกะทิแตกมันและมีกลิ่นหอม

แกงเขียวหวานเนื้อวากิว

5.เทส่วนผสมในข้อ 1 ลงไปปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลทราย คนพอเข้ากัน รอให้น้ำแกงเดือด ใส่มะเขือทั้งสองชนิดลงไป ทำตามวิธีและเวลาที่ระบุไว้ใน Pro Knowledge

6.ใส่น้ำคั้นใบพริกขี้หนูและใบโหระพา ตามด้วยใบโหระพาใบมะกรูด พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบพริกขี้หนูสวน ก่อนใส่หัวกะทิที่เหลือ ต้มจนเดือดจึงปิดไฟตักขึ้นใส่ชาม กินคู่กับข้าวสวยขนมจีน หรือโรตีก็ได้ตามชอบ

แกงเขียวหวานเนื้อวากิว

พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 547.19 กิโลแคลอรี
โปรตีน 18.08 กรัม ไขมัน 43.73 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.22 กรัม ไฟเบอร์ 5.58 กรัม

สูตร : สยุมพร เหวียนระวี เรื่อง : กัญญา เทพทวีพิทักษ์ ผู้ช่วยกองบรรณาธิการ : พสชนัน คนึงหมาย
ภาพ : พีระพัฒน์ พุ่มลำเจียก สไตล์ : ปรางรัตน์ ฤกษ์สง่า

สูตรอาหารแนะนำอื่นๆ

keyboard_arrow_up