นามะช็อกโกแลต

นามะช็อกโกแลต Nama Chocolate หวานนุ่ม ละมุนลิ้น! (มีคลิป) – A Cuisine

 

ช็อกโกแลต มีกี่ชนิด เคยสงสัยบ้างไหม?

 

ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวาน (unsweetened chocolate)

คือ ช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์หรือที่รู้จักกันในนาม ช็อกโกแลตฝาด ใช้ในการอบอาหาร และเป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีการเจือปนใด ๆ ทั้งสิ้น ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสชาติเข้มข้มและ ลุ่มลึกของช็อกโกแลตบริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ดีเมื่อมีการเพิ่มน้ำตาลเข้าไป ช็อกโกแลตชนิดนี้จะใช้เป็นส่วนผสมหลักในการทำบราวนี เค้ก ลูกกวาด และคุกกี้

 

ช็อกโกแลตดำ (dark chocolate)

คือช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มนมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกเป็ช็อกโกแลตธรรมดา แต่ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเป็นช็อกโกแลตหวาน และกำหนดให้มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 15% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 35% ช็อกโกแลตดำมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ป้องกันมิให้เกิดคราบไขมันสะสมที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ สาเหตุของโรคหัวใจเลือดตีบ และช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดแข็งตัว สาเหตุของการอุดตันในหลอดเลือด และป้องกันความดันโลหิตสูง

 

ช็อกโกแลตนม (milk chocolate)

คือช็อกโกแลตที่ผสมนมหรือนมข้นหวาน รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดว่าหากจะเรียกว่าช็อกโกแลตนมต้องมีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 10% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 25% ช็อกโกแลตชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ (cocoa butter) นม และยังเพิ่มความหวานและรสชาติลงไปด้วย ช็อกโกแลตนมนี้ใช้สำหรับแต่งหน้าขนมได้เป็นอย่างดี ช็อกโกแลตนมที่ทำในประเทศสหรัฐฯ ต้องประกอบด้วยน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 10% และนมที่ไม่ได้เอามันเนยออก 12%

 

Chocolate Liquor

คือผลผลิตจากเมล็ดโกโก้นำมาบดละเอียด แล้วนำมาคั้นเอาแต่น้ำ น้ำช็อกโกแลตนี้สามารถทำให้เย็นและทำให้แข็งตัวโดยใส่พิมพ์ไว้ แต่ช็อกโกแลตที่ได้เป็นชนิดที่ไม่หวาน น้ำช็อกโกแลตนี้จะมีส่วนผสมของโกโก้บัตเตอร์ประมาณ 53%

 

ช็อกโกแลตกึ่งหวาน (semi-sweet)

คือ อยู่ในรูปของเหลวแล้วเพิ่มความหวานและใส่เนยโกโก้ลงไปด้วย สีของช็อกโกแลตชนิดนี้สีจะเข้ม ตามมาตรฐานของสหรัฐฯ จะมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตประมาณ 35% และมีไขมันประมาณ 27% ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสชาติความหวานเล็ก

 

ช็อกโกแลตหวาน (sweet chocolate)

ช็อกโกแลตชนิดนี้จะเพิ่มความหวานลงไปมากกว่าช็อกโกแลตแบบหวานน้อย และมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 15 % ช็อกโกแลตชนิดนี้ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนมและตกแต่งขนม และยังมีไขมันเท่า ๆ กับช็อกโกแลตแบบหวานน้อย

 

ช็อกโกแลตขาว (white chocolate)

ชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ แต่ไม่มีโกโก้ที่อยู่ในรูปของไขมัน แต่จะประกอบไปด้วยน้ำตาล เนยโกโก้ นมสด และใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย ช็อกโกแลตขาวนี้จะแตกหักง่าย หากเป็นของปลอมจะทำมาจากน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้

Liquid Chocolate

เป็นช็อกโกแลตที่ไม่หวาน ส่วนใหญ่จะบรรจุขายเป็นขวด ขวดละ 1 ออนซ์ และเนื่องจากมันไม่ละลายจึงสะดวกในการใช้มาก โดยพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ทำขนมอบ อย่างไรก็ดีเนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้ ซึ่งเนื้อช็อกโกแลตจะแตกต่างกัน ปกติแล้วช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสไม่หวาน

 

ช็อกโกแลตชนิดกูแวร์ตูร์ (couverture)

เป็นชนิดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือจะเป็นมันเงา โดยปกติจะมีส่วนผสมของเนยโกโก้อย่างน้อยที่สุด 32% ทำให้มันสามารถคงตัวอยู่ในรูปของไขได้ดีกว่าชนิดเคลือบ ปกติแล้วจะใช้เฉพาะในร้านที่ทำขนมหวานเท่านั้น ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในรูปของส่วนที่เคลือบอยู่ภายนอกผลไม้หรือหุ้มไส้ช็อกโกแลตอยู่ มีรสเผ็ด

 

Ganache

ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีลักษณะข้นมาก เป็นที่นิยมนำไปทำเค้กช็อกโกแลต Ganache ทำโดยการเทวิปปิงครีมที่นำไปอุ่นลงไปในชอคโกแลตสับในปริมาณที่เท่ากัน ทิ้งไว้สักครู่จนชอคโกแลตเริ่มละลายและคนให้เข้ากัน จะได้ส่วนผสมที่ข้นขึ้น อาจเติมเนยในปริมาณเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเงาให้กับกานาชด้วย

 

Confectionery Coating

เป็นช็อกโกแลตที่ใช้เคลือบลูกกวาด โดยนำไปผสมกับน้ำตาล นมผง น้ำมันพืช และสารปรุงแต่งรสชาติต่างๆ มีสีสันหลากหลาย ลูกกวาดที่ได้นี้ผงโกโก้จะมีไขมันต่ำ แต่จะไม่มีส่วนผสมของเนยโกโก้ เหมือนชนิดอื่น ๆ จึงแยกออกมาเป็นอีกประเภทหนึ่งได้

 

ประโยชน์ของช็อกโกแลต

1.สามารถให้กำลังใจคุณได้
รสชาติและกลิ่นของช็อกโกแลตจะช่วยกระตุ้นสมองส่วนที่รู้สึกดี นอกจากนี้ช็อกโกแลตยังมีทริปโตเฟน กรดอะมิโนที่จำเป็นที่จะช่วยกระตุ้นการผลิตเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารต่อต้านความหดหู่ของสมอง โดยผู้เชี่ยวชาญได้เปรียบเสมือนความรู้สึกที่ก่อให้เกิดกับคนที่ตกหลุมรัก

2. เสริมสร้างสุขภาพหัวใจ
การทานช็อกโกแลต สามารถลดความดันโลหิตทำให้เลือดบางลง อีกทั้งยังลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองและยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบอีกด้วย Ceitanna Cooper กล่าวว่า เป็นเพราะสารเคมีของช็อกโกแลตที่เรียกว่า “ฟลาโวนอยด์”  ที่กระตุ้นร่างกายให้สร้างไนตริกออกไซด์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยในการขยายและช่วยผ่อนลายหลอดเลือด ทำให้สามารถลดคามดันโลหิตลงได้

3. ป้องกันหลอดเลือด
“ฟลาโวนอยด์” ในช็อกโกแลต ช่วยในการยับยั้งการก่อให้เกิด LDL หรือ ไขมันชนิดที่ไม่ดี ที่เป็นชนิดอันตรายเพราะเป็นโคเลสเตอรอลที่ไปสะสมในผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงตีบและแข็ง และคลอเลสเตอรอล จากออกซิไดซ์ ซึ่งช่วยในการป้องกันการเกิดเส้นเลือดแดงอุดตันอีกด้วย อีกทั้ง “ฟลาโวนอยด์” ยังมีไขมันอิ่มตัวมากกว่า 50 % หรือที่เรียกว่า กรดสเตียริก ที่มีอยู่ในเนยและโกโก้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เกิดคอลเลสเตอรอลไม่ดี แต่กลับช่วยเพิ่มคอลเลสเตอรอลที่ดีเพื่อช่วยป้องกัน

4. บรรเทาอาการไอ
ช็อกโกแลต มีสารเคมี ที่เรียกว่า ธีโอโบรมีน ซึ่งได้รับการรับรองว่าสามารถระงับการไอได้ โดยเกิดการทำงานในเส้นประสาทเวกัสซึ่งเป็นเส้นประสาทส่วนสมอง โดยที่เส้นประสาทส่วนนี้จะนำข้อมูลจากระบบประสาทส่วนกลางไปยังสมอง

5. ประโยชน์ของช็อคโกแลตต่อสมอง
สารเคมีอีพิแคทีชิน ที่พบในโกโก้และชาเขียว สามารถช่วยป้องกันสมองจากการก่อตัวของพลากหรือโปรตีนที่เรียกว่า เบตาแอมีลอยด์ ที่จับกันเป็นก้อนมากผิดปกติ จากโรคอัลไซเมอร์ที่มีความผิดปกติในสมอง อย่าง แอมีลอยด์พลาก ซึ่งโปรตีนนั้นจะเข้าไปยับยั้งการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาท และทำให้เซลล์เหล่านั้นตาย

ขอบคุณข้อมูลจาก

  • pirun.ku.ac.th

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.