วิธีการเลือกปลาสลิด

เวลาที่ไปซื้อให้เลือกดูปลาที่ตัวออกสีขาวๆ ลองเอามือกดๆ ดู ต้องไม่แข็งมาก หรือนิ้มจนนิ้วกดแล้วบุ๋มเป็นรอย เนื้อต้องมีความเด้งดีดสะท้อนเหมือนปลาสดอยู่บ้าง และเมื่อซื้อเอากลับมาถึงบ้านแล้วก็ควรจะเอาไปตากแดดซ้ำอีกสัก แดดสองแดด เพื่อให้แห้งสนิทเก็บได้นานขึ้น แต่หากกลัวว่ามันจะแห้งเกินไปเนื้อแข็งไม่อร่อย ก็ตากอีกแค่ครึ่งวันก็พอ แล้วเอาไปบรรจุลงใน ถุงซีลสุญญากาศ แล้วเก็บเข้าตู้แช่เย็น ก็ทำให้สามารถรักษาสภาพมันได้นานเช่นเดียวกันครับ

ปลาสลิด (Snake Skin Gourami)

• ปลาสลิด หรือ ปลาใบไม้ เป็นปลาน้ำจืดในภาคพื้นเอเซีย พบมากใน ไทย กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปินส์ อินโดนีเซีย อินเดีย ปากีสถาน และศรีลังกา
• ขนาดตัวโดยเฉลี่ย 10-16 เซนติเมตร พบขนาดใหญ่สุดถึง 25 เซนติเมตร 
• ปลาสลิดเป็นปลามหัศจรรย์ ไม่มีโรค มีความต้านทานต่อโรคสูงมาก เลี้ยงง่าย ขายรายได้ดี
• ในเมืองไทยนิยมเลี้ยงกันมากในแถบบริเวณภาคกลาง ซึ่งมักจะเลี้ยงอยู่ในนาข้าว 
• คนเลี้ยงปลาสลิด เรียกว่า ชาวนาปลาสลิด และบ่อเลี้ยงปลาสลิด เรียกว่า แปลงนาปลาสลิด หรือ ล้อมปลาสลิด 
• แหล่งปลาสลิดที่รู้จักกันเป็นอย่างดี คือ ปลาสลิดบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั่วไป
• ปลาสลิดบางบ่อมักจะตัวอ้วนใหญ่กว่าปลาสลิดที่อื่นๆ เพราะว่าที่บางบ่อเป็นน้ำกร่อยเกิดไรแดงได้ง่าย ไรแดงเป็นอาหารโปรดของปลาสลิด ทำให้ปลาตัวโตน่ากินกว่าที่อื่นๆ
• ปัจจุบันพื้นที่เลี้ยงปลาสลิดที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร

ปลาสลิดตากแห้ง

• ปลาสลิดเป็นปลาที่มีลำตัวแบนเหมาะในการทำปลาเค็ม(ตากแห้ง)มากๆ  
• ที่จะต้องตัดหัวปลาสลิดออก เนื่องจากปลาสลิดมีมันมาก โดยเฉพาะในส่วนท้องหรือพุงปลา ซึ่งก่อนจะนำมาคลุกเคล้าเกลือเพื่อแปรรูปนั้น จะต้องควักไส้ควักพุง ตัดหัวออก เพื่อเวลาตากแดดแล้วปลาจะได้แห้งสนิท ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
• วิธีทำ คือ หมักเกลือไว้ 1 คืน แล้วน้ำมาล้างเกลือออก นำไปตากแดด 
• ถ้าตากไว้ 1 วัน ก็เรียกว่า ปลาสลิดแดดเดียว เพื่อให้แห้งพอหมาด ๆ เหมาะสำหรับทอดให้กรอบกำลังดี เนื้อปลาจะนุ่ม ไม่แข็งกระด้างเกินไป ถ้าตาก 2 วัน ก็เรียกว่า ปลาสลิดสองแดด 

ปลาสลิดหอม

• ผู้เลี้ยงปลาสลิดในอำเภอบางบ่อ เป็นผู้แปรรูปปลาสลิดสดเป็น ปลาสลิดหอม จากภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น
• ปลาสลิดหอม บางบ่อ เขาจะปล่อยให้เนื้อตายจนขาวขุ่นก่อน ค่อยใส่เกลือ (อาจใช้เวลาเป็นชั่วโมง)  แล้วหมักก่อนนำไปตากแดดจนแห้งสนิท เมื่อได้ปลาสลิดออกมาจะเรียกว่าปลาหอม (แต่บางคนอาจไม่ชอบก็ได้ครับ เพราะจะมีกลิ่นตุๆ เล็กน้อย)
• ส่วนปลาสลิดที่ไม่ใช่แบบปลาหอม เขาจะนำไปใส่เกลือเลยไม่ต้องปล่อยให้เนื้อตายก่อน
• ปัจจุบันยังไม่มีที่ไหนผลิตปลาสลิดหอมได้รสชาติดี เหมือนกับปลาสลิดหอมของอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ

คุณค่าทางโภชนาการของปลาสลิด

• การกินปลานั้นดีต่อสุขภาพ เพราะเนื้อปลาเป็นแหล่งของโปรตีนที่ย่อยง่าย  มีแร่ธาตุ และวิตามิน เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินA วิตามินB12 และ วิตามินD
• ปลาสลิดจัดว่าเป็นปลาที่มีไขมันปานกลาง โดยมีไขมัน 5.9 กรัม/100กรัม ซึ่งมากกว่าปลานิล 3 เท่า แต่น้อยกว่า ปลาดุก ปลาช่อน และปลาสวาย
• ปลาสลิด มีกรดไขมัน โอเมก้า-3 อยู่ด้วย 0.36 กรัม/100 กรัม

กินปลาสลิดมีประโยชน์นะ

การกินปลานั้นไม่ว่าจะปลาอะไรก็จะมีประโยชน์เหมือน ๆ กันอยู่แล้วเพราะในตัวปลานั้นมีทั้ง โปรตีนที่ย่อยง่าย  มีแร่ธาตุ และวิตามิน เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินA วิตามินB12 และ วิตามินD อย่างมากซึ่งร่างกายของคนเราก็ต้องการวิตามินและแร่ธาตุพวกนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการกินปลาสลิดก็ไม่แตกต่างจากการกินปลาตัว อื่น ๆ เลย เพราะมีประโยชน์และคุณค่าทางอาหารเหมือนกันนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก

• http://health1.chiliforyou.com
• http://vcanfit.blogspot.com

Summary

Article Name

ปลาสลิดฟูผัดพริกขิง

Description

เบื่อแล้ว! “ปลาดุกฟู” วันนี้! A Cuisine พามาทำ “ปลาสลิดฟู” กันบ้าง กับ เมนู ปลาสลิดฟูผัดพริกขิง ! ด้วยความอร่อยของ ปลาสลิด ที่หลายๆคนชื่นชอบรวมถึงแอดเองด้วย นำไปทอดให้พอสุก แกะเนื้อมายีจนฟู แล้วลงทอดในน้ำมันร้อนๆ จนสีเหลืองทองอร่าม จากนั้นนำมาผัดพร้อมพริกแกงเผ็ดจนเข้ากันดี แล้วโรยด้วยใบมะกรูดหอมๆ อีกหนึ่งเมนูเลิศรสแบบไทยๆ ที่ควรมีติดบ้านไว้ มาดูกันเลย... ส่วนผสม ปลาสลิด 3 ตัว พริกแกงเผ็ด ¼ ถ้วย น้ำตาลปี๊บ ¼ ถ้วย น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ ถั่วฝักยาวหั่นแฉลบ ¼ ถ้วย ใบมะกรูดฉีก 3-4 ใบ พริกไทยอ่อน 1-2 ช่อ พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ 1 เม็ด วิธีทำ 1.ทอดปลาสลิดพอสุก ไม่ต้องถึงกับเหลืองกรอบ พักให้เย็น 2.แกะเนื้อปลา และยีให้ฟูเนื้อปลาฟู เตรียมไว้ 3.ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด นำเนื้อปลาสลิดที่เตรียมไว้ ทอดให้กรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน 4.ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันสำหรับผัด ใส่พริกแกงลงไปผัดให้หอม ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ผัดต่อให้เข้ากัน 5.ใส่ปลาสลิดกรอบ ผัดให้เข้ากันกับพริกแกง จากนั้นใส่ ถั่วฝักยาว ใบมะกรูด พริกไทยอ่อน ฟริกชี้ฟ้า ผัดต่ออีกเล็กน้อย ตักขึ้นพร้อมเสิร์ฟ TIP โขลกผสมกับขิงแก่ สัดส่วน น้ำพริกแกงเผ็ด 1/4 ถ้วย ต่อขิงแก่สับหยาบ 2-3 ช้อนชา (แล้วแต่ความชอบ) ผัดจนเข้ากันดี แล้วโรยด้วยใบมะกรูดหอมๆ