ขจัดยางเหนียวของเผือก.1

ขจัดยางเหนียวของเผือก ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด เคล็ดลับน่ารู้ – A Cuisine

ปลาแซลมอนต้มเผือก

หลายคนอาจจะไม่เคยเห็น หรือได้ยินเมนู ปลาแซลมอนต้มเผือก บอกเลยว่าอยากให้ลองทำมากๆค่ะ เพราะนอกจากจะอร่อยแล้ว วัตถุดิบแต่ละอย่างก็มีประโยชน์มากมายอีกด้วย มาดูวิธีทำกันค่ะ

ปลาแซลมอนต้มเผือก

ขั้นตอนการทำ ปลาแซลมอนต้มเผือก

♦ ส่วนผสม

เนื้อปลาแซลมอน หั่นชิ้นหนา 1 นิ้ว 200 กรัม
เผือกหั่นชิ้นหนา 1- 1½ นิ้ว 100 กรัม
รากผักชีบุบหยาบ 3 ราก
กระเทียมปอกเปลือกบุบหยาบ 3 กลีบ
ต้นหอมหั่นท่อนยาว 1½ นิ้ว ½ ถ้วย
ขึ้นฉ่ายหั่นท่อนยาว 1½ นิ้ว ½ ถ้วย
พริกขี้หนูแดงบุบ 2-3 เม็ด
ซีอิ๊วขาว 1½ ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 4 ถ้วย
น้ำมันพืชสำหรับจี่ 1-2 ช้อนชา
หอมเล็กเจียวสำหรับโรยหน้า ¼ ถ้วย
น้ำมันพืชสำหรับทอด  

 

♦ วิธีทำ ปลาแซลมอนต้มเผือก

  1. ใส่น้ำมันลงในกระทะ 1 – 2 ช้อนชา ยกขึ้นตั้งไฟกลางจนร้อน วางเนื้อปลาลงจี่พอให้ผิวตึง และมีสีน้ำตาลเล็กน้อย ตักขึ้นพักไว้
  2. เทน้ำมันสำหรับทอดลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เผือกลงทอดพอให้ผิวเหลืองสวย ตักขึ้นพักไว้
  3. ผสมรากผักชี กระเทียม และน้ำรวมกันในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลางให้เดือด แล้วใส่เผือกทอด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว จากนั้นใส่พริกขี้หนูแดง ขึ้นฉ่าย และต้นหอม คนเบาๆพอเข้ากัน ยกลงจากเตา
  4. ใส่เนื้อปลาและน้ำมันงาลงไป คนเบาๆ ปิดเตา
  5. ตักใส่ชามเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยหอมเจียว

 

TIP 

  • ก่อนจี่ปลาแซลมอนให้ใส่ขิงแก่ลงจี่ก่อนแล้ว ตักขึ้น จากนั้นจึงวางเนื้อปลาลงจี่ จะช่วยให้ ปลาไม่ติดกระทะและมีกลิ่นหอม
  • ใช้หัวปลากะพงหรือปลาจีนได้ตามชอบ

#ACuisine #เอคูซีน #รู้หรือไม่ #TamTip
👉 กดติดตาม Instagram ได้ที่ @ acuisine.th Follow มาเยอะๆ นะคะ 😘
ง่าย สนุก สุข อร่อย อยากกิน..อยากฟิน..อยากทำ.. อย่าลืมติดตาม #Acuisine นะจ๊ะ

Summary
ขจัดยางเหนียวของเผือก
Article Name
ขจัดยางเหนียวของเผือก
Description
ขจัดยางเหนียวของเผือก ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด! ความจริง “เผือก” กับ “บอน” นั้นเป็นพืชตระกูลเดียวกัน กล่าวคือ ถ้ากินก้าน กินไหล เราจะเรียก ”บอน” แต่ถ้ากินหัว เราจะเรียก “เผือก” ส่วนใหญ่นิยมนำมาใส่ในอาหารทั้งคาวและหวาน โดยเฉพาะอาหารจีนจะค่อนข้างนิยมมาก ตามธรรมชาติที่เปลือกของเผือกจะมียางซึ่งทำให้คันเมื่อสัมผัส และถ้าปอกไม่เป็น เวลานำมาปรุงอาหารรับประทานจะเกิดอาการคันได้ มีเคล็ดวิธีดังนี้... ล้างเผือกทั้งหัวให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ปอกเปลือกให้หนา แล้วปล่อยให้ยางเหนียวไหลซึมออกจากเนื้อ ใส่น้ำในชาม แล้วผสมน้ำปูนใสหรือน้ำส้มสายชูลงไปแช่เผือก ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง หรือจนกว่ายางเหนียวจะตกตะกอน ล้างเผือกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งก่อนนำไปประกอบอาหาร ประโยชน์และสรรพคุณของ เผือก พืชที่เราคุ้นเคยกันดี นั้นก็คือ “เผือก” เผือกเป็นพืชที่รับประทานหัวเราสามารถพบเห็นเผือกได้ทุกที่ แม้ปลูกเองก็ปลูกแสนง่าย ที่สำคัญความอร่อยของเผือกนั้นทำให้หลายคนเลือกเป็นพืชที่โปรดปราน สรรคุณของเผือกมีดังต่อไปนี้ เผือกมีสารอาหารประกอบด้วย โปรตีน เบตาแคโรทีน วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก โพแทสเซียม แมกนีเซียม โซเดียม ฟลูออไรด์ และซาโปนิน ผู้ที่สมควรรับประทานเผือกคือ ทุกคนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ ส่วนคนที่ต้องหลีกเลี่ยงการทานเผือกคือ คนที่มีอาการแพ้ เสมหะมา กระเพาะและลำไส้ทำงานไม่ปกติ เผือกมีเกลือแร่หลากหลายชนิด มีฟลูออไรด์ที่ช่วยทำให้ฟันแข็งแรง ป้องกันฟังผุ ในเผือกมีโปรตีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของอิมมูโนโกลบูลิน ร่างกายจึงมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นจากสารดังกล่าว เผือกช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยโรคมะเร็งหลังการผ่าตัด และช่วงพักฟื้น ทำให้ร่างกายกลับมามีความแข็งแรงเร็วขึ้น เผือกช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร ช่วยย่อย มีฤทธิ์เป็นด่าง จึงช่วยปรับลดกรดในร่างกายให้เข้าสู่สมดุล ทำให้ผิวพรรณดีและผมดกดำ การรับประทานเผือกร่วมกับพุทธาจีนช่วยบำรุงเลือด การประทานเผือกพร้อมกับข้าว เป็นการบำรุงลำไส้ บำรุงม้าม บำรุงไต ขับปราณลงล่าง สุขภาพโดยรวมดีขึ้น ข้อควรระวัง เผือกมียางทำให้ผิวหนังระคายเคือง เวลาปอกเปลือกหรือล้างเผือกจึงควรสวมถุงมือ ถ้ามีอาหารแพ้ยางเผือก ให้ถูด้วยขิงสดอาการดังกล่าวจะหายไป

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.