แก้ทอนซิลอักเสบ, ทอนซิลอักเสบ, ต่อมทอนซิลอักเสบ, รักษาทอนซิลอักเสบ, บรรเทาอาการทอนซิลอักเสบ

สูตรชีวจิตแก้ทอนซิลอักเสบ

สูตรชีวจิต แก้ทอนซิลอักเสบ

อย่านิ่งนอนใจกับอาการทอนซิลอักเสบ เพราะอาจไม่ได้เป็นแค่อาการเจ็บคอ ซึ่งชีวจิตมีสูตร แก้ทอนซิลอักเสบ มาบอก ซึ่งหากปล่อยให้อาการอักเสบกระจายเป็นวงกว้าง จนกลายเป็นทอลซิลอักเสบเรื้อรัง

หลานของเพื่อนผมคนหนึ่งพาลูกชายมาหาผม (ชักจะยุ่งนะครับ เดี๋ยวจะลำดับญาติไม่ถูก เพื่อนผมเป็นทวดของเด็กคนนี้ เอาเป็นว่าผมก็เป็นทวดของเด็กคนนี้ด้วยแล้วกัน)

คุณแม่อายุ 34 ปี ลูกชายอายุ 8 ขวบ พอนั่งลงปุ๊บ คุณแม่ก็บ่นแล้วบ่นอีกว่า

“คุณตาคะ น้องปอเขาเป็นอะไรไม่รู้ เป็นหวัดครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่หายสักที ตอนหลังนี่เจ็บคอและเจ็บหูมากๆ เห็นหมอบอกว่าทอนซิลโตด้วย”

“เป็นมานานเท่าไหร่แล้วล่ะ”

“เกือบสองเดือนแล้วค่ะ”

ผมลองตรวจดูคร่าวๆ เจ้าหนูคนนี้เป็นหวัดจากเชื้อไวรัสแน่นอน ตัวอุ่นๆ มีไข้เล็กน้อย น้ำมูกไหล

ตลอดเวลา คอแดง ต่อมทอนซิลโตและอักเสบ

ในขณะเดียวกัน ตรวจดูสภาพร่างกายแล้ว  เจ้าหนูคนนี้ผอมมาก ถ้าเทียบกับเด็กอื่นๆ ต้องเรียกเจ้าหนูคนนี้ว่า “ผอมกะหร่อง” ได้เลย

“หมอเขาให้ยามาหรือเปล่า” ผมถาม

“ให้มาเยอะเลยค่ะ”

“จำได้ไหมว่าเป็นยาอะไรบ้าง”

คุณแม่ยกถุงยาห่อเบ้อเร่อขึ้นมาวางบนโต๊ะ หยิบขวดยาชนิดต่างๆ มาวางเรียงกัน ปรากฏว่าเป็นยาประเภทปฏิชีวนะ คือ แอมพิซิลลิน (Ampicillin) อิริโทรมัยซิน (Erythromycin) และยาแก้ไอ ยากัด

เสมหะ

ผมถามว่า ยาพวกนี้มีมากไหมและกินมานานเท่าไหร่แล้ว คุณแม่เจ้าหนูนับนิ้วดูแล้วตอบว่า

“กลุ่มแรก (คือ แอมพิซิลลิน) ดูเหมือนจะเกือบ 10 ขวดแล้ว กลุ่มที่สอง (คือ อิริโทรมัยซิน) 3 ขวดและกลุ่มยาแก้ไอจำไม่ได้ แต่คงไม่น้อยกว่า 10 ขวดเหมือนกัน

“หมอเขาให้วิตามินมาด้วยหรือเปล่า”

“ให้วิตามินซีค่ะ”

“ขนาดเท่าไหร่ กินกี่ครั้ง”

“รู้สึกจะขนาด 500 มิลลิกรัม กินเม็ดเดียววันละครั้ง”

“น้อยไป คงจะต้องเพิ่มวิตามินให้ใหม่”

“ดีค่ะ ต้องเพิ่มมากไหม”

“ก็คงมากเหมือนกัน แต่ต้องถามดูก่อนว่า เขาชอบกินพวกฟาสต์ฟู้ดและของหวานไหม”

คุณแม่หันไปทางเจ้าหนู “ว่าไงลูก บอกคุณทวดสิว่า ชอบของหวานไหม”

เมื่อเห็นเจ้าหนูหลบตาไม่ยอมตอบ คุณแม่เลยตอบแทน “ชอบค่ะ ชอบมาก พิซซ่า ขนมเค้ก

ไอศกรีมอย่างนี้ขาดไม่ได้เลย กินเกือบจะทุกวันก็ว่าได้”

“มิน่าเล่า” ผมถอนหายใจ “ชอบของหวานแบบนี้ ทั้งหวัดทั้งอาการหายใจหอบและไอจึงไม่มีวัน

หายสักที”

ผมอธิบายเพิ่มเติมว่า มีการศึกษาของแพทย์ทันตแพทย์ และนักฟิสิกส์เคมีกลุ่มหนึ่ง เรื่องแป้งขาว

น้ำตาลขาวหรือน้ำตาลซูโครส ว่า มีส่วนทำให้ระบบอิมมูนซิสเต็ม (Immune System) หรือภูมิชีวิต

ถูกกด ฉะนั้นจึงทำให้การต่อสู้ของร่างกายกับโรคภัยไข้เจ็บนั้นพลอยอ่อนแอตามไป

คนสำคัญที่ศึกษาเรื่องนี้คือ ดร.ไลนัส พอลลิ่งนักฟิสิกส์เคมี ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลถึงสองครั้ง ซึ่ง

ผมเคยเป็นลูกศิษย์ของท่าน เคยทำงานในความดูแลของท่านถึง 6 ปี

 

ทอนซิลอักเสบ, แก้ทอนซิลอักเสบ, ต่อมทอนซิล, ต่อมทอนซิลอักเสบ, รักษาทอนซิลอักกเสบ,
หากมีอาการทอนซิลอักเสบ ควรรีบรักษา หากปล่อยทิ้งไว้จะกลายเป็นทอนซิลอักเสบเรื้อรัง

 

คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป

เมื่อได้คุยกับคุณแม่ของเจ้าหนูนานพอสมควรพยายามอธิบายว่า การจะแก้ไขหรือรักษาโรคง่ายๆ

ซึ่งมักจะเป็นๆ หายๆ แบบนี้ ต้องหลีกเลี่ยงอาหารหรือสารอาหารประเภทที่จะสร้างท็อกซินหรือพิษซึ่งจะสะสมในร่างกายโดยเด็ดขาด

อาหารเหล่านี้เป็นตัวส่งเสริมให้เชื้อโรคเจริญเติบโตและสะสมในร่างกายของเรา เมื่อยังติดใจในรสชาติอาหารอย่างนี้อยู่ โรคก็ไม่หายขาดสักที เป็นๆ หายๆอย่างนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น

เมื่อเห็นว่าคุณแม่ของเจ้าหนูเริ่มทำท่าจะเข้าใจผมเลยทำโปรแกรมการรักษาให้ ดังต่อไปนี้

1. ยาเก่าๆ ประเภทปฏิชีวนะนั้น ขอให้กินต่อไปจนหมด เมื่อหมดแล้วหมดเลย ไม่ต้องซื้อมากินต่อ

2. ผมแนะนำให้กินวิตามินซีขนาด 1,000 มิลลิกรัมครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า - เย็น นาน 10 วัน

(คุณแม่เกิดสงสัยว่า ขนาดของวิตามินจะมากไปหรือเปล่า เพราะคุณหมอเก่าให้กินวันละแค่ 500 มิลลิกรัมเท่านั้น ผมอธิบายว่า ดร.ไลนัส พอลลิ่ง เคยให้กินขนาดสูงวันละ 6 เม็ด เป็นเวลา 1 เดือน ก็ยังมีซึ่งได้ทดลองกับคนไข้ร่วมกับแพทย์หลายท่านมาแล้ว)

วิตามิน, แก้ทอนซิลอักเสบ, ทอนซิลอักเสบ, ต่อมทอนซิลอักเสบ, รักษาทอนซิลอักเสบ
กินวิตามิน และงดอาหารที่จะสร้างท็อกซิน แก้ทอนซิลอักเสบได้

3. กินซิงก์ (Zinc) ขนาด 100 มิลลิกรัม วันละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า - เย็น เพื่อช่วยให้การอักเสบของทอนซิลและหูหายเร็วขึ้น

4. กินวิตามินบี 1 บี 6 บี 12 (เป็นวิตามินรวมใน 1 เม็ด) 1 เม็ด หลังอาหารเช้า ร่วมกับกินวิตามินบีคอมเพล็กซ์ 1 เม็ด หลังอาหารกลางวัน

(วิตามินรวมกับวิตามินบี คอมเพล็กซ์ เป็นคนละชนิด  ไม่เหมือนกัน อย่าเข้าใจผิด)

5. งดอาหารประเภทแป้งขาว ของหวาน (น้ำตาลขาว) ให้กินข้าวกล้อง ผัก ถั่ว (ประเภทถั่วแดง

ถั่วเขียว และถั่วเหลือง) และปลา

6. กินอาหารกลุ่มเบ็ดเตล็ด (ตามสูตรชีวจิต) เช่น สาหร่ายทะเล เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง และผลไม้ไม่หวาน เช่น มะละกอ ฝรั่ง แอ๊ปเปิ้ลเขียว พุทรา

7. ทำดีท็อกซ์วันละ 1 ครั้ง วันเว้นวัน จำนวน 7 ครั้ง

ทั้งหมดนี้เป็นการทำโปรแกรมเพื่อเป้าหมายสำคัญคือ สร้างอิมมูนซิสเต็มหรือภูมิชีวิตให้ดีขึ้น เมื่อ

ภูมิชีวิตดีขึ้นแล้ว การเจ็บป่วยแบบเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหายก็จะหายไป

ผมได้ทำโปรแกรมและแนะนำสูตรวิตามิน - แร่ธาตุให้แก่เจ้าหนู เป็นเวลา 2 อาทิตย์ และสั่งว่า เมื่อครบอาทิตย์แรก ขอให้คุณแม่พาเจ้าหนูมาหาก่อนสักครั้ง

เมื่ออาทิตย์แรกผ่านไป คุณแม่พาเจ้าหนูมาหาอีกครั้ง ปรากฏว่า  อาการดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ หูหายเจ็บ ทอนซิลหายบวม หน้าตาสดใสขึ้น  เห็นทันตา

ผมจึงขอให้ปฏิบัติต่อไปอย่างเคร่งครัดอีกหนึ่งอาทิตย์ ดีใจครับ เจ้าหลานทวดคนใหม่นี้หายดีแล้ว

จริงๆ

ชีวจิตไม่ใช่ยาผีบอก ชีวจิตไม่ใช่เวทมนตร์ ชีวจิตคือวิทยาศาสตร์ มีเหตุผลและสามารถพิสูจน์ได้ หากวิถีชีวจิตจะใช้รักษาเยียวยาโรคบางโรคได้ (โดยไม่ต้องพึ่งยาเคมีและหมอแผนปัจจุบัน) ก็เพราะชีวจิตอิงอีกหลักการหนึ่งซึ่งเรียกว่า อิมมูนซิสเต็ม หรือระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรา อาการป่วยบางอย่าง เช่น ทอนซิลอักเสบ เกิดจากอิมมูนซิสเต็มตก ฉะนั้น การรักษาอาการนี้จึงทำได้ด้วยการปรับ

อาหารการกินเท่านั้นเอง…ง่ายจังค่ะ

 

ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 326 

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.