วันจิตตก

4 EXTRA POSITIVE เพิ่มความเบิกบาน วันจิตตก

 

ใน วันจิตตก

การมีความคิดลบหรือบวก ก็เหมือนการมีอวัยวะอยู่บนร่างกายเรา ถ้าไม่ได้เคลื่อนไหวอวัยวะบางส่วน ไม่ได้ใช้มันทำงานอะไรเลย นานวันเข้า มันก็จะเล็กลีบลงไป

เช่นเดียวกับการทำงานของสมอง ถ้าเราขยันทำให้บางส่วนแอ็กทีฟ แล้วไม่ค่อยยอมให้บางส่วนทำงาน เชื่อสิว่า สุดท้ายสมองส่วนดังกล่าวก็จะค่อยๆ ฝ่อไปเอง

ธรรมชาติของร่างกายแบบนี้นี่เอง จึงทำให้ทุกคนสามารถฝึกคิดบวกได้ ด้วยการคิดตรงกันข้ามกับความคิดลบ อิอิ (แนะนำแบบนี้ เอามีดมาแทงกันดีก่า 555) แต่มันก็จริงนะคะ ถ้าเรารู้สึกว่า ชีวิตว่างไร้ ไม่มีใครเคียงข้างคอยสนับสนุนช่วยเหลือเล้ยยย ก็ให้ฝึกขอบคุณเรื่อยๆ ขอบคุณตั้งแต่ธรรมชาติ ดวงตะวัน ท้องฟ้า สายน้ำ อากาศ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่คอยโบกรถให้เรา แม่บ้านที่คอยช่วยทำให้ห้องน้ำสะอาดถูกหลักอนามัยและปลอดภัยต่อสุขภาพ แม้กระทั่งรอยยิ้มแสนหวาน วาจาแสนไพเราะของโอเปอร์เรเตอร์

คลิกเลข 2 เพื่ออ่านหน้าถัดไป

ส่วนเรา จะขอแนะนำเพิ่มเติมด้วยวิธีการเพิ่มพลังความคิดบวกในแบบของเรา ซึ่งช่วยทำให้ชีวิตเบิกบานสำราญใจ สามารถผ่านวันหม่นมัวจิตตกมาได้อย่างฉิว นั่นคือ

  • ขยายเรื่องดี ๆ ไว้จดจำ ข้อนี้คือภาคต่อของความรู้สึกขอบคุณข้างต้น อาทิ ถ้าคุณได้ความรักและกำลังใจจากมิตรภาพออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อ จงขยายต่อเรื่องราว เช่น นี่ต้องเป็นบุญของเราที่สะสมมาแน่เลย นี่ต้องเป็นความดีบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ภายในตัวเราแน่ๆ นี่สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์แสวงหามิตรภาพ กำลังใจ และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยเราเป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติยุคนี้ แม้จะเป็นตัวเล็กๆ แต่ก็มีส่วนผลักดันให้เกิดเรื่องดีงามได้ เป็นต้น
  • มองหาความงามรอบตัว แสงตะวันสีทองยามเช้าที่สาดส่องลงมาบนโลก ท้องฟ้าสีแสบเข็ดฟันตัดกันฉุบฉับ แบบไม่แคร์ทฤษฎีสีในตำราไหน ยุคใดเลย ดอกหญ้าน้อยๆ เต้นระบำอยู่ท่ามกลางผืนทรายและสายลม บ่อยครั้งความงดงามของธรรมชาติเหล่านี้ ทำให้นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งของท่านติชนัทฮันห์ ชื่อ Lotus in the Sea of Fire ที่สะท้อนปัญญาและความสงบงาม ท่ามกลางเปลวไฟในสงครามเวียดนาม

  • ลุกขึ้นมาแต่งตัว เปลี่ยนโฉม ไม่ได้เกี่ยวกับความสวย หรือสไตล์แฟชั่น แต่กระบวนการเปลี่ยนลุ๊คของตนเอง ทำให้สมองมองหาความงามแบบใหม่ ที่ไม่ทำให้เราติดอยู่กับความซ้ำซากจำเจ ซึ่งสุดท้ายก็จะจบที่ความเบื่อหน่ายซังกะตาย ลองดูนะคะ
  • อยู่ใกล้เพื่อนพลังเยอะ เพื่อนบางคนออกแนวเฉา ซึ่งก็น่าสงสารเขานะ เพราะข้างในของเขาเฉา เขาเลยเป็นคนเฉาๆ เราอยู่ใกล้เขาก็เฉาไปด้วย ตรงข้ามกับเพื่อนพลังเยอะ อยากทำนั่นทำนี่ตลอดเวลา คอยเปิดประเด็นนั้นประเด็นนี้ ให้ต้องขบคิดถกเถียงอยู่เสมอ มุมหนึ่งหากความคิดเราวิ่งตามเขา เราจะเหนื่อย แต่หากหาความสมดุลได้ โดยใจเรานิ่งมากพอ เพื่อนพลังเยอะจะผลักดันให้เรากระตือรือร้นอยากทำโน่นทำนี่เสมอ

แนะนำให้แล้ว ลองลุกขึ้นมาทำสักอย่างนะคะ บวกย่อมดีกว่า มากกว่า เยอะกว่า ชีวิตยืนยาวกว่าค่ะ

พบกันใหม่ อังคารหน้าค่ะ

 

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.