ลาก่อน…ผิวเสีย หน้าหนาว
อย่าปล่อยให้ปัญหาผิวแห้งเสีย เป็นอุปสรรคความสวยอีกต่อไป มารู้จักวิธีดูแลรักษาผิว หน้าหนาว กันซะแต่วันนี้ดีกว่า
5 อาการผิวป่วยหน้าหนาว
- ผิวแห้งและเหี่ยว อาการแรกเริ่มของผิวในหน้าหนาว เกิดจากผิวขาดความชุ่มชื้น เพราะอากาศสัมพัทธ์หรือความชื้นรอบตัวน้อย ทำให้ร่างกายเสียน้ำมากกว่าปกติ จึงแห้งและเกิดริ้วรอย บริเวณที่ผิวแห้งเป็นประจำคือ หน้าแข้ง หลังมือ แขน
- ผิวแตก เป็นผลต่อเนื่องจากผิวแห้งที่ขาดการดูแลรักษา ทำให้ผิวหนังชั้นบนหดตัว และแห้งแตกเป็นร่อง เช่น ริมฝีปาก ส้นเท้า เป็นต้น
- คันและอักเสบที่ผิว เมื่อผิวแห้งมักเกิดอาการคัน ทำให้ต้องเกา ยิ่งเกาก็ยิ่งคันมากขึ้น อาจทำให้เป็นแผล และอาการอักเสบภายหลัง
- ผิวแพ้ง่าย ผิวที่แห้งจะไวต่อการระคายเคืองและแพ้ง่าย เพราะโดยธรรมชาติผิวต้องปิดสนิท และมีน้ำมันเคลือบผิวอยู่อีกชั้นหนึ่ง เรียกว่า Natural barrier หรือเกาะป้องกันผิว เมื่อผิวสูญเสียความชุ่มชื้นไป ผิวจะเผยอหรือเป็นขุย ทำให้เชื้อโรคจากฝุ่นละออง หรือส่วนผสมต่างๆ ในครีมบำรุงซึมเข้าสู่ผิวเร็วขึ้น จึงเกิดอาการแพ้ และระคายเคืองได้ง่าย
- โรคเซ็บเดิม จัดอยู่ในประเภทเดียวกับโรคภูมิแพ้ตระกูลหอบหืด แต่มีสาเหตุมาจากเชื้อยีสต์บริเวณผิวเจริญเติบโตมากผิดปกติ จนเกิดเป็นผื่น บวมแดง คัน ลอกเป็นขุยจากร่องจมูก หัวคิ้ว หนังศีรษะ หรือลุกลามไปทั้วทั้งตัวได้ พบมากและกำเริบในช่วงหน้าหนาว เนื่องจากอากาศแห้งเป็นตัวกระตุ้น มักเกิดกับคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีประวัติของคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะทารกและผู้สูงอายุ การรักษาคือ กินยาลดการอักเสบจำพวกเสตรียลอยด์ และย่าฆ่าเชื้อยีสต์ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น และไม่ใช้สบู่หรือครีมใดๆ
เพิ่มปราการปกป้องผิว
- ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ให้เหมาะกับสภาพผิว ผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ใช้ได้ผลดีในหน้าร้อน แต่อาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ในหน้าหนาว ควรเลือกครีมเนื้อเข้มข้น ชนิด Water in oil เพราะมีน้ำมันช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวได้นานขึ้น ใครที่ผิวแห้งมาก ลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารช่วยลดการสูญเสียน้ำ อาทิ Vaseline, Petrolatum, Lanolin, Ceramide และมีส่วนผสมของ AHAs, Salicylic acid, Lactic aicd และมอยส์เจอไรเซอร์สูง เพื่อช่วยลดการตึงตัวของผิวหนัง
- ใช้ครีมกันแดด หน้าหนาวมีช่วงเวลาที่แดดออกค่อนข้างสั้น แต่ในแดดนั้นจะมีรังสีอัลตราไวโอเลตอยู่มาก จึงต้องเลือกครีมกันแดดที่มี SPF ตั้งแต่ 25 ขึ้นไปเพื่อกันรังสี UV ชนิด B ซึ่งทำให้ผิวไหม้เกรียม และเลือก PA (Protection Grade of UVA) ตั้งแต่ 3 บวก (PA+++) ขึ้นไป เพื่อป้องกันรังสีUV ชนิด A ซึ่งเป็นสาเหตุของความหมองคล้ำ
- ล้างหน้าให้ถูกวิธี โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดที่มีฟองน้อย ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ใช้น้ำลูบใบหน้าให้เปียกก่อน แล้วจึงบีบครีมล้างหน้าใส่มือ เพื่อให้ครีมเจือจางลง ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหน้าแห้ง และระคายเคืองได้
- พยายามไม่อาบน้ำอุ่น เพราะเป็นการเร่งให้ผิวแห้งมากขึ้น และควรหลีกเลี่ยงการ อบซาวน่า หรือขัดผิวเพราะผิวกำลังอ่อนแอ
กินให้สวยท้าลมหนาว
- ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว เพราะอากาศหนาวทำให้เราปัสสาวะบ่อย ร่างกายสูญเสียน้ำ ผิวจึงแห้งง่าย
- รับประทานผักผลไม้มากๆ ช่วงหน้าหนาวแนะนำให้กินผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น พริกขี้หนู พริกหวาน ส้ม มะขาม ฝรั่ง เพราะนอกจากบำรุงผิว ยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน ป้องกันหวัดได้อีกด้วย
- เด็กทารก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมได้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง และผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส ซุป น้ำสลัดน้ำข้น โยเกิร์ต เพราะการที่กระเพาะย่อยน้ำตาลในนมไม่ได้ ร่างกายจึงต้องไปดึงเชื้อยีสต์ในลำไส้มาช่วยย่อยน้ำตาล ทำให้เชื้อยีสต์มีจำนวนมากขึ้น(Over Growth) เมื่อถูกกระตุ้นด้วยอากาศแห้งในหน้าหนาว จะทำให้เกิดโรคเซ็บเดิม และปวดไขข้อได้
- เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา จะทำให้ปัสสาวะบ่อย เนื่องจากคาเฟอีนมีส่วนในการขับปัสสาวะ แนะนำให้เลี่ยงมาดื่มเครื่องดื่มสมุนไพร หรือชาผลไม้ที่ไม่มีส่วนผสมของคาเฟอีนแทน
สูตรถนอมหน้ารับลมหนาว
สำหรับสาวๆ ที่ชอบทำมาสก์เองด้วยผลิตผลจากธรรมชาติ หน้าหนาวอย่างนี้ แนะนำให้ใช้นมสด 1/2 ช้อนชา และน้ำผึ้งแท้ 1/2 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน แล้วทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 8-10 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด นมสดจะช่วยให้หน้าเนียนนุ่ม ไม่แห้ง ส่วนน้ำผึ้งรักษาความชุ่มชื้น และลดการระคายเคืองได้ดี