ตื่นเช้า อย่างสดชื่น ด้วยวิธีสุดเฟรช
ตื่นเช้า อย่างสดชื่น จะทำให้คุณมีวันดีๆ ที่มีความสดชื่นอยู่กับคุณตลอดวัน แต่หลายคนกลับมีเช้าที่ขุ่นมัวไม่สดใสความรู้สึกสลึมสลือ เป็นอย่างนี้อยู่เสมอ แล้วจะทำอย่างไรดี
งั้นมาเปลี่ยนการตื่นเช้าของคุณ ด้วย 5 วิธี ต่อไปนี้นะคะ
ตามวิธีของนายแพทย์เดวิด ไซมอน ผู้อำนวยการศูนย์สาธาณสุขโชปร้าในลาโจลา แคลิฟอร์เนีย (The Chopra Center for Well Being in La Jolla,Calif.) และคณะ แนะนำไว้อย่างนี้ มี 5 ข้อ ลองทำดูค่ะ
-
ตื่นขึ้นรับแสงสว่างยามเช้า
เนื่องจาก มีการศึกษาพบว่าถ้าร่างกายได้สัมผัสกับแสงสว่างเป็นเวลา 30 นาที เมื่อตื่น จะเป็นการปลุกนาฬิกาในร่างกายให้เริ่มวงจรการทำงาน เพื่อปลุกร่างกายให้สดชื่น จึงแนะนำให้ตื่นขึ้นรับแสงสว่างยามเช้าสักครู่ ความง่วงงุนก็จะหายไป
2. ปลุกด้วยเสียงที่แตกต่าง
เสียงปลุกเก่าๆ เราอาจเคยชินแล้ว งั้น… ลองเปลี่ยนไปใช้นาฬิกาปลุกที่เสียงต่างๆกันบ้าง เช่น เสียงนกร้อง เสียงป่า เสียงน้ำตก จะชวนให้ตื่นมากกว่านาฬิกาปลุกที่เสียงคุ้นหูมาแรมปี แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น การฝึกสมาธิก่อนนอน และตั้งนาฬิการ่างกายให้ปลุกตัวเองได้จะดีที่สุดค่ะ
คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป
3. เคลื่อนไหวร่างกาย
เมื่อมีกิจกรรมยามเช้า จะเป็นการส่งสัญญาณไปที่สมองว่า ถึงเวลาเข้าเกียร์แล้วนะ และเป็นการตั้งนาฬิการ่างกายว่าถึงเวลาเริ่มเช้าวันใหม่แล้ว ตื่นขึ้นมาแล้วอย่ารีบเปิดข่าวค่ะ ลองฟังเพลงป๊อปสักเพลง ที่ช่วยให้คุณรู้สึกกระฉับกระเฉงจนอยากขยับแข้งขยับขาตาม หรือจะออกกำลังกายด้วยการรำกระบอง หรือโยคะ ลองเสียหน่อยก็ไม่เลวนะ
4. หล่อเลี้ยงร่างกายให้ถูกทาง
หลังจากตื่นสักครู่ ให้ดื่มน้ำอุ่น หรือชาสมุนไพร เน้นชาที่ให้กลิ่นสดชื่น เพื่อปลุกระบบย่อยของร่างกายว่า ได้เริ่มวันใหม่แล้ว แต่อย่าเพิ่งกินอาหารเช้าเร็วเกินไปให้รอจนรู้สึกหิวเสียก่อน เพราะเติมอาหารเข้าไปเร็วเกินไป ทั้งที่ร่างกายยังไม่ต้องการ จะเป็นการทำให้ร่างกายทำงานหนักกับการย่อย จนไม่กระฉับกระเฉงเท่าที่ควร
5. สร้างนัดในเวลาเช้า
ลองระลึกถึงเมื่อตอนเป็นเด็ก คุณจะรีบเด้งตัวขึ้นจากที่นอนทันทีที่ลืมตา เพราะคุณรู้สึกว่ามีเรื่องสนุกๆ รอให้ทำอยู่มากมาย และนี่เองที่ช่วยให้คุณมีสิ่งที่จะแงะคุณออกจากเตียง ลองนัดเพื่อนที่รู้ใจรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน ดูวิดีโอเทปที่โปรดปรานในระหว่างอาหารเช้า หรือดูแลต้นไม้เสียหน่อยก่อนจะออกไปทำงาน
ข้อมูลบางส่วนจากบทความ “นอนอย่างไรให้ตื่นอย่างสดชื่น” เขียนโดย: อารีณะ ตีพิมพ์ในนิตยสารชีวจิต