ยอดเทรนด์อาหารปี 2016 แบบไทยกินอะไรดี

ชีวจิต คัดอาหารสุดฮอตจากบทความในนิตยสาร Time โดย จอช สโควาร์ด (Josh Schonwald)นักเขียนชื่อดังเจ้าของผลงานหนังสือวิเคราะเทรนด์อาหารในอนาคต ชื่อ The Taste of Tomorrow ประกอบกับบทวิเคราะห์ร้อนๆ รวมถึงสำนักข่าวต่างประเทศ เช่น BBC CBS NewsTelegraph The Guardianมาเป็นข้อมูลตั้งต้น

ส่วนตัวเลือกแบบไทยๆ นั้น คุณ ธิษณา จรรยาชัยเลิศ นักกำหนดอาหารวิชาชีพ นักเขียนประจำนิตยสารชีวจิต แนะนำไว้ให้พร้อมสรรพ เผื่อจะเป็นคู่มือเลือกซื้อสินค้าประจำตะกร้าช้อปปิ้งของเหล่าคนรักสุขภาพได้ตลอดทั้งปีค่ะ

1. น้ำนมหมักคีเฟอร์ (Kefir)

ทั้งสำนักข่าว Telegraph และนิตยสาร Marie Claire ประเทศอังกฤษยกให้น้ำนมหมักคีเฟอร์เป็นอาหารโปรไบโอติกสำหรับปี ค.ศ.2016

ซุปเปอร์ฟู้ดชนิดนี้ได้จากการนำเมล็ดคีเฟอร์ซึ่งเพาะปลูกมากในประเทศรัสเซียมาหมักกับน้ำนมภายในเมล็ดมีจุลินทรีย์ตามธรรมชาติหลายชนิดได้สารคีเฟอรัน(Kefiran)กรดแลคติก (Lactic acid)กรดอะซิติก (acetic acid) วิตามิน บี1 วิตามิน บี 12 วิตามินเค แคลเซียม กรดไขมันและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย รวมถึงโปรตีนที่ย่อยง่าย มีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียก่อโรค ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร กระตุ้นการดูดซึมแคลเซียม ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้นและลดอาการภูมิแพ้ลดระดับน้ำตาลและคอเรสเตอรอลในเลือด อีกทั้งลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้และตับได้

ตัวเลือกอย่างไทย :

• โยเกิร์ตและนมเปรี้ยว
• ผักดองพื้นบ้าน
• กิมจิถั่วเน่า นัตโตะ

2. เทฟฟ์ (Teff)

สำนักข่าวจากฝั่งเกาะอังกฤษอย่าง BBC และ The Guardian รวมถึงสำนักข่าวnews.com.au ของประเทศออสเตรเลีย ระบุว่า ในปี ค.ศ.2016 นั้น เทฟฟ์เป็นเมล็ดพืชที่น่าจับตามองที่สุด

เจ้าซุปเปอร์ฟู้ดเมล็ดจิ๋วๆ นี้เป็นอาหารที่ชาวเอธิโอเปียนิยมกิน โดยนำไปบดละเอียดเป็นแป้งไปทำได้ทั้งขนมปังและขนมหวานอย่างเค้กหรือมัฟฟิน มีธาตุเหล็กและแคลเซียมสูง ให้พลังงานต่ำ ใยอาหารสูง จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและลดน้ำหนักได้ สามารถพลิกแพลงนำมาใช้ทดแทนเมล็ดคีนัวหรือข้าวได้

ตัวเลือกแบบไทย:

• ลูกเดือย
• เม็ดแมงลัก
• งาชนิดต่างๆ

3. ถั่วลูปิน (Lupin)

สำนักข่าวnews.com.au ประเทศออสเตรเลียเชื้อเชิญนักวิชาการอย่าง ดร.โจแอนนา แมคมิลาน นักโภชนาการที่มีผลงานในนิตยสาร Women’s Weekly และ Woman’s Dayมาให้ข้อมูลซึ่งเธอระบุว่า ถั่วลูปิน ให้ใยอาหารถึงร้อยละ 25-30 และโปรตีนถึงร้อยละ 40-45 ของน้ำหนัก ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น ลดระดับไขมัน ความดันโลหิต และน้ำตาลในเลือดได้ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ แต่มีข้อควรระวังในผู้ที่แพ้อาหาร ดังนั้นก่อนบริโภคควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ตัวเลือกแบบไทย:

• ถั่วเหลือง
• ถั่วเขียว
• ถั่วแดง

4. ไทเกอร์นัท(Tiger Nut)

สำนักข่าว The Independent ประเทศอังกฤษ LA Times ประเทศสหรัฐอเมริกา และเว็บไซต์ foodnetwork.com ระบุว่า ไทเกอร์นัทมาแรงในปี ค.ศ.2016 แน่นอน แม้ว่าไทเกอร์นัทจะดูคล้ายถั่วเปลือกแข็ง แต่ความจริงคือหัวที่อยู่ใต้ดินของพืช เช่นเดียวกับว่านและหญ้าแห้วหมู

ส่วนที่ใช้บริโภคคือหัวที่อยู่ใต้ดินแล้วขุดขึ้นมาตากแห้ง ผู้คนในทวีปอเมริกาใต้ แอฟริกา และตะวันออกกลางนิยมนำมาทำอาหารทั้งหวานและคาวตั้งแต่ยุคโบราณหรือจะนำไปบดเป็นผงชงเป็นเครื่องดื่มก็ได้ ไทเกอร์นัทอุดมไปด้วยไขมันดี โปรตีน และมีรสหวานเล็กน้อย ให้ใยอาหารสูง มีวิตามินอี บี 6 แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม และสังกะสี มีคุณสมบัติป้องกันโรคหัวใจ อีกทั้งใช้เป็นอาหารควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงภาวะความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูงได้

ตัวเลือกแบบไทย :

• อัลมอนด์
• เม็ดมะม่วงหิมพานต์
• แมคคาเดเมีย

5. น้ำเมเปิ้ล (Maple Water) และน้ำเบิร์ช (Birch Water)

สื่อจากฟากฝั่งเกาะอังกฤษ ได้แก่ สำนักข่าว The Guardian และนิตยสาร Marie Claire มีความเห็นตรงกับสำนักข่าว CBS News ประเทศสหรัฐอเมริกาว่าน้ำที่ได้จากท่อซึ่งเกษตรกรต่อจากลำต้นของไม้ยืนต้นทั้ง 2 ชนิด คือต้นเมเปิ้ล และต้นเบิร์ช เป็นซุปเปอร์ฟู้ดในกลุ่มเครื่องดื่มซึ่งน่าจับตามอง

โดยนิยมบริโภคในประเทศแคนาดา จีน และยุโรปตะวันออกมาแต่ดั้งเดิม มีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ออกรสหวานเล็กน้อย มีไซลิทอลช่วยป้องกันฟันผุ ขับปัสสาวะจึงมีส่วนช่วยขับสารพิษตกค้างในร่างกาย กรดยูริค ช่วยให้ผิวดูสดใสเปล่งปลั่ง

ตัวเลือกแบบไทย :

• น้ำมะพร้าว

          แม้เราจะนำเสนอเรื่องของ 5 อาหารที่อยู่ในกระแสสำหรับปี 2016 นี้มาพอควร แต่ก็ยังอยากให้คุณๆ ให้ความสำคัญกับการกินอาหารให้หลากหลาย และงดเว้นอาหารที่จะก่อผลร้ายต่อสุขภาพไปในเวลาเดียวกันด้วย

อาหารไกลตัวหลายชนิดมีประโยชน์มาก แต่อาหารใกล้ตัวอีกสารพัดชนิด ก็ให้ประโยชน์ได้ไม่แตกต่างกัน แถมยังหามาบริโภคง่ายกว่าด้วยค่ะ …ลองเลือกดูนะคะ

ข้อมูลจากคอลัมน์ เรื่องพิเศษ นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 414