สาวใหญ่ต่อสู้กับความกลัวเหตุเกิดจากเนื้องอกในมดลูก

ประสบการณ์ร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับคนที่เรารักมักสร้างรอยแผลฝังลึกในใจเราเสมอ

            ปักษ์นี้ชวนคุณมาฟังเรื่องเล่าของสาวขายผักที่ยอมทุ่มเงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อผ่าตัดเนื้องอกมดลูกในโรงพยาบาลเอกชนที่แพงหูฉี่ ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่างที่หลายคนฟังแล้วจะเห็นใจเธออย่างที่สุด

            ตัวคุณเองจะคิดเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร …เปิดใจอ่านเรื่องราวของเธอนับจากนี้ค่ะ

ผู้หญิงคนนั้นอายุ 45 ปี ตัวผอมแต่ดูแกร่ง สวมเสื้อแขนยาวสีฟ้าเก่าๆ ทับเสื้อยืดตัวในที่มองเห็นว่าเป็นเสื้อโฆษณารถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อหนึ่ง สวมกางเกงยืดหลวมๆ สีดำ สวมหมวกที่ทำจากผ้าที่ต่อมาถูกลมจากเครื่องปรับอากาศในห้องตรวจพัดให้เปิดออกมองเห็นผมหงอกแซมดำปลิวไสว

บรรยากาศวันหยุดของโรงพยาบาลเอกชนเป็นไปอย่างสบายๆ มีคนไข้เข้ามาตรวจเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ไม่ต้องรีบเร่ง หมออตินารถ(ชื่อสมมุติ) จึงมีเวลามากพอที่จะคุยกับคนไข้ เมื่อเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาในห้อง จึงดูชื่อคนไข้ในบัตรบันทึกประวัติ และทักทายอย่างเป็นกันเอง

“คุณนุชเป็นอะไรมาคะ มีอะไรให้หมอช่วยหรือคะ”

คนชื่อนุชนั่งลง เอาหมวกกระพือลมไล่ความร้อนแล้วบอกหมออตินารถว่า

“ให้เจ้าหน้าที่ในห้องนี้ออกไปให้หมดได้ไหม มีเรื่องจะคุยกับเจ๊”

หมออตินารถเลิกคิ้ว แปลกใจที่คนไข้เรียกเจ๊ แต่เธอก็ไม่เปลี่ยนสีหน้า บอกให้พยาบาลผู้ช่วยออกจากห้อง ประตูห้องไม่ได้ปิด มองเห็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเดินขวักไขว่อยู่ด้านหน้า หากคนไข้มีปัญหาทางจิตเวชก็สามารถส่งเสียงร้องเรียกได้ หมออตินารถคิด

เมื่ออยู่กันสองต่อสอง นุชชะโงกหน้ากระซิบ “เจ๊ ฉันเป็นเนื้องอกมดลูก ฉันอยากให้เจ๊ไปผ่าตัดให้ที่โรงพยาบาลหลวง ฉันจะใส่ซองให้เจ๊ 5 พันบาท เจ๊จะยอมไปผ่าตัดให้ฉันไหม”

หมออตินารถไม่ตอบ ทำให้นุชเข้าใจผิด ว่าเงินที่เสนอนั้นน้อยเกินไป จึงกระซิบบอกอีกว่า

“5 พันบาทน้อยไปหรือเจ๊ แล้วถ้าฉันจะใส่ซองให้เจ๊หนึ่งหมื่นบาท เจ๊จะยอมไปผ่าตัดให้ฉันไหม”

หมออตินารถขมวดคิ้ว สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรับราชการเป็นหมอประจำโรงพยาบาลจังหวัดที่คนไข้เรียกโรงพยาบาลหลวง ในวันหยุดนอกเวลาราชการเธอจะมาประจำที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ ซึ่งเป็นธรรมดาของหมอโรงพยาบาลรัฐที่มีมีเงินเดือนและค่าตอบแทนน้อย หากไม่มีภาระเลี้ยงดูลูก ดูแลคนในครอบครัว เงินเดือนหลวงก็คงเพียงพอ แต่หากมีภาระ ส่วนใหญ่ก็ต้องทำงานพิเศษในคลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชนควบคู่ไป

“ช่วยเล่าให้หมอฟังหน่อยสิว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร” หมออตินารถถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

นุชเล่าว่า เธอแต่งงานแล้วแต่ไม่มีลูก สองเดือนมานี้ประจำเดือนมามากและปวดถ่วงท้องตลอด จึงไปโรงพยาบาลจังหวัด หมอตรวจพบว่าเป็นเนื้องอกมดลูกขนาดใหญ่และแนะนำให้ผ่าตัด แต่คิวยาวมาก จึงอยากให้หมออตินารถผ่าตัดให้

หมออตินารถไม่แน่ใจว่าเรื่องราวเป็นอย่างที่นุชบอกหรือไม่ เพราะเธออยู่ในโรงพยาบาลจังหวัด คิวการผ่าตัดมดลูกของหมอแต่ละคนในโรงพยาบาลจังหวัดไม่ยาวนักยิ่งในกรณีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพคนไข้มากก็จะรีบผ่าให้เลย เธอจึงบอกนุชว่า

“ปกติหมอไม่ได้รับค่าฝากพิเศษ เดี๋ยวขอหมอเช็คก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น”

หมออตินารถโทรศัพท์เช็คโรงพยาบาลจังหวัดเพื่อหาข้อมูลว่า นุชเป็นคนไข้ของหมออะไร นัดผ่าตัดเมื่อไหร่ พบว่านุชเป็นแม่ค้าขายผัก เธอขายผักในตลาดมานานกว่า 30ปี เนื่องจากเมืองนี้เล็ก คนจึงรู้จักนุชดี นุชเป็นคนไข้ของหมอส้ม(ชื่อสมมุติ) หมอรุ่นน้องที่ขยันและเป็นคนดี

หมอส้มนัดนุชไปผ่าตัดพรุ่งนี้แต่นุชตอบปฏิเสธ หมอส้มก็เลยนัดนุชไปหาอีก1 สัปดาห์ถัดไป เมื่อทราบดังนั้นหมออตินารถเชิญนุชมาบอกว่า

“คุณนุช โรคของคุณต้องผ่าตัด ผ่าตัดที่โรงพยาบาลจังหวัดก็ดีอยู่แล้ว มีบัตรประกันสุขภาพ ไม่ต้องเสียเงิน หมอส้มเขาก็ตั้งใจจะรักษาคุณนุชอย่างเต็มที่ หมอคงไม่ได้ไปผ่าให้คุณนุชที่โรงพยาบาลหลวงหรอก เพราะหมอส้มเขาตั้งใจจะผ่าตัดให้คุณนุชอยู่แล้ว”

นุชเป็นคนไข้หมอส้ม หากหมออตินารถผ่าตัดให้ดังที่ร้องขอ แม้ไม่รับเงินฝากพิเศษ หมอส้มรู้ก็อาจไม่เข้าใจ เสียใจ และไม่สบายใจที่รุ่นพี่มาแย่งเคสหมอรุ่นน้องหมออตินารถเองก็เคยมีความรู้สึกเช่นนั้นตอนเป็นรุ่นน้องแล้วคนไข้ไม่ยอมให้เธอผ่าตัด แต่ไปขอหมอรุ่นพี่ผ่าตัดให้ ทั้งๆ ที่เธอก็นัดคนไข้เข้าห้องผ่าตัดแล้ว ทำให้รู้สึกเสียใจอยู่นาน ทีคนไข้ไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจ

“เจ๊ หากผ่าตัดที่โรงพยาบาลเอกชนนี้ เจ๊จะผ่าให้ฉันไหม” ตอนนี้หมออตินารถรู้แล้ว นุชเป็นแม่ค้า เธอคงเรียกลูกค้าทุกคนว่าเจ๊จนติดปาก

“ไม่ต้องมาผ่าที่นี่หรอก ค่าผ่าตัดในโรงพยาบาลเอกชนแพง เสียสตางค์เปล่า ๆ คุณนุชกลัวอะไร โรงพยาบาลหลวงหมอเก่ง เครื่องมือก็ครบพร้อม หมอส้มก็พร้อมจะผ่าให้ เขามีฝีมือ ผ่าตัดเก่งมาก ”หมออตินารถตอบทันทีอย่างจริงใจ

นุชกลับไปแล้ว หมออตินารถยังนึกขำกับสรรพนามเจ๊ที่นุชเรียก เธอโทรศัพท์คุยกับหมอส้ม ถามเคสคนไข้ชื่อนุช หมอส้มบอกไม่รู้เป็นอะไร จะผ่าให้ก็บอกยังไม่อยากผ่า นุชเป็นแม่ค้าที่มีลูกค้าประจำมาก หมอส้มเองก็เป็นลูกค้าประจำ เพราะผักของเธอเป็นชนิดปลอดสารพิษที่ชาวบ้านปลูกกันเอง และมาส่งให้นุชขาย

ไม่น่าเชื่อว่าอีกสองสัปดาห์ต่อมา นุชมาบอกหมออตินารถว่า

“เจ๊ ฉันพร้อมแล้ว ฉันจะให้เจ๊ผ่าตัดฉันที่โรงพยาบาลเอกชนนี่แหละ”

หมออตินารถขมวดคิ้ว แย้งว่า

“แน่ใจหรือ ค่าใช้จ่ายมากนะ คุณนุชกลัวอะไร หมอส้มเขาก็จะผ่าให้อยู่แล้ว”

“เจ๊ ผ่าให้ฉันเถอะ ฉันเตรียมเงินพร้อมแล้ว” นุชพูดสั้นๆ

การผ่าตัดดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย แม้ใช้เวลานานถึงสองชั่วโมง เพราะเนื้องอกมีขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางถึง 20 เซนติเมตร มีพังผืดมาก ผ่าตัดยาก หมออตินารถเกรงลำไส้ที่มาติดเนื้องอกได้รับบาดเจ็บ จึงต้องตามหมอศัลยกรรมมาช่วยผ่าตัดเลาะลำไส้ให้ออกจากมดลูกก่อน หมออตินารถจึงผ่ามดลูกต่อได้โดยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน

เมื่อนัดนุชมาตรวจหลังผ่าตัด พบว่าแผลผ่าตัดไม่อักเสบติดเชื้อ ผลชิ้นเนื้อที่ผ่าตัด เป็นเนื้องอกธรรมดาของมดลูกที่มีขนาดใหญ่ ไม่มีเชื้อมะเร็ง นุชฟังอย่างโล่งอก บอกว่า

“เจ๊ ฉันขอบคุณเจ๊มาก ที่ทำให้ฉันรอดชีวิต”

หมออตินารถยังสงสัย ถามว่า

“ทำไมคุณนุชจึงไม่ผ่าตัดที่โรงพยาบาลหลวง”

นุชน้ำตาไหลพราก เมื่อเฉลยสิ่งที่หมออตินารถสงสัย

“เจ๊ พวกแม่ค้าบอกว่าเจ๊เก่ง ฉันจึงตัดสินใจมาผ่ากับเจ๊ และมาผ่าที่นี่ เพราะเมื่อ5ปีก่อน แม่ฉันเป็นเนื้องอกรังไข่ ไปผ่าที่โรงพยาบาลหลวง ก่อนผ่าตัดหมอให้แม่อดข้าวตั้ง 5 วันหลังออกจากห้องผ่าตัดแม่ก็ตาย แม่ฉันอายุแค่ 60 เอง แม่ควรจะอยู่กับฉันอีกหลายสิบปี

“ฉันเสียใจจนมาถึงวันนี้ และคิดว่าหากขายไร่ขายนาพาแม่มาผ่าตัดกับเจ๊ แม่ก็คงรอดชีวิต ป่านนี้แม่ก็คงอยู่ให้ฉันได้ทดแทนบุญคุณ เจ๊…แม่อุ้มท้องฉันมานาน 9 เดือน ให้ฉันได้ดูดดื่มน้ำเลือดในอกของแม่ ป้อนข้าวป้อนน้ำ อาบน้ำ ล้างเนื้อตัว เลี้ยงดูฉันด้วยความเหนื่อยยาก

“แม่เป็นครูคนแรกที่สอนให้ฉันรู้ว่าการยิ้ม การหัวเราะ และการร้องไห้คืออะไร เจ๊…แม่ตาย ฉันยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณแม่เลย”

หมออตินารถพลอยน้ำตาซึมซาบซึ้งในความรักความผูกพันที่นุชมีต่อแม่และทำให้เกิดความฝังใจ และเลือกหมอ แต่ก็บอกตามความเป็นจริงว่า

“อาจไม่เกี่ยวกัน แม่ของคุณนุชอาจเป็นหนัก ใครเป็นคนผ่าตัด ผ่าตัดที่ไหน ก็อาจจะไม่รอด”

อย่างไรก็ตาม คำพูดของนุช ทำให้หมออตินารถนึกถึงแม่ตนเอง “ปูชา จะ ปูชะนียานัง” การบูชามารดาผู้มีพระคุณ ไม่มีอะไรจะดีกว่าปฏิบัติบูชาเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่ได้ไปหาแม่มาหลายวันแล้ว เย็นวันนี้จึงตั้งใจจะไปหาแม่ พาไปกินข้าวนอกบ้านด้วยกัน

แม่คงดีใจไม่น้อย

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.