ท้องร่วง, โรคท้องร่วง, อาหารเป็นพิษ, ท้องเสีย, ป้องกันท้องร่วง, รักษาท้องร่วง

6 วิธีรับมือ ท้องร่วง รุนแรง

นานาวิธี รักษาและป้องกัน

การรักษาดูแล เมื่อป่วยเป็นโรคท้องร่วงแล้ว สิ่งที่ควรปฏิบัติมีดังนี้

1. ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่โออาร์เอส

(สูตรขององค์การเภสัชกรรมหรือองค์การอนามัยโลก) ให้จิบทีละนิดแต่บ่อยครั้งในปริมาณที่เท่ากับปริมาณอุจจาระที่ถ่ายออกมาแต่ละครั้ง เพื่อป้องกันการขาดน้ำและเกลือแร่

หากเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ควรให้ดื่มครั้งละ – แก้ว โดยใช้ช้อนค่อยๆ ป้อนทีละ 1 ช้อนชา ทุก 1 – 2 นาที ไม่ควรให้เด็กดูดจากขวดนม เพราะเด็กที่มีอาการขาดน้ำจะกระหายน้ำและดูดอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายดูดซึมไม่ทัน จนทำให้อาเจียนและถ่ายมาก?

ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องอดอาหารหรือนม ควรให้อาหารเหลวบ่อยครั้ง เช่นน้ำข้าวต้ม น้ำแกงจืด และนมแม่สำหรับเด็กที่ดื่มนมผสม อาจผสมนมให้เข้มข้นเหมือนเดิม แต่ลดปริมาณลงและให้สลับกับสารละลายน้ำตาลเกลือแร่

หากเด็กอายุมากกว่า 2 ปี ควรดื่มครั้งละ 1/2 – 1 แก้ว โดยดื่มทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง เมื่ออาการดีขึ้นจึงหยุดดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ และกินอาหารอ่อน ย่อยง่าย จะช่วยให้ลำไส้ฟื้นตัวเร็ว

2. หากมีอาการผิดปกติควรรีบนำส่งโรงพยาบาล

เช่น ถ่ายหรืออาเจียนไม่หยุดมากกว่า 4 ครั้ง หิวน้ำตลอดเวลาหรือปัสสาวะไม่ออก แสดงว่าขาดน้ำมาก) หน้ามืด ช็อกหรือหมดสติ มีไข้ปวดท้องอย่างรุนแรง หรือเวลาถ่ายแล้วปวดเบ่งตลอดเวลา?(อาการของบิด)

3. ขับถ่ายในสุขภัณฑ์ที่ถูกสุขลักษณะและล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้งหลังการขับถ่าย

เนื่องจากอหิวาตกโรคนี้เป็นโรคที่ติดต่อง่ายและแพร่ระบาดได้

4. กำจัดอาเจียนของผู้ป่วย โดยเททิ้งลงในส้วม ราดน้ำให้สะอาด แล้วใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ

เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำหรือน้ำยาซักผ้าขาวราดซ้ำ

5. รักษาความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วย

รวมทั้งซักเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอนปลอกหมอน ผ้าเช็ดตัวของผู้ป่วยให้สะอาด และนำไปตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรค

6. ผู้ดูแลใกล้ชิดผู้ป่วยควรหมั่นล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดอยู่เสมอ

เพื่อป้องกันเชื้อปนเปื้อนจากมือสู่อาหารและเกิดการติดโรคได้

 

 

 

<< อ่านต่อหน้าที่ 4 >>

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.