7. อย่าเห็นแก่กิน เพราะถ้ามีอาหารเต็มท้อง ก็มีแนวโน้มจะอาเจียนออกมาได้ง่ายเช่นกัน
8. ไม่กินของมันหรือเลี่ยน เพราะย่อยยากและค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานทำให้อาเจียนได้ง่าย ระตุ้นให้ตัวเองหรือคนข้างๆ คลื่นไส้อาเจียน
9. ไม่กินอาหารที่มีกลิ่นแรง อันจะกระตุ้นให้ตัวเองหรือคนข้าง ๆ คลื่นไส้อาเจียน
10. ไม่กินอาหารรสจัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่เผ็ดจัด เพราะเวลาอาเจียนยิ่งถ้าพรูผ่านจมูกออกมาด้วยแล้วจะแสบแบบไม่รู้ลืม
11. ควรขับถ่ายให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง อย่าให้ปวดถ่ายจนต้องกลั้นอุจจาระขณะเดินทาง เพราะการกลั้นอุจจาระ จะทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ที่ปกติ จะไล่กันเป็นลูกระนาดจากบนลงล่างถูกติดเบรกเสียกระบวนไป
12. งดดื่มแอลกอฮอล์ เพราะลำพังแค่ดื่มโดยไม่ต้องขึ้นรถก็เมาอยู่แล้ว
13. กินยาแก้เมารถ ก่อนออกเดินทาง 1/2 – 1 ชั่วโมง เช่น ยาแอนติ-ฮิสตามีนชื่อดรามามีน (Dramaine หรือ Dimenhydrinate) 1 เม็ด และพกยานี้ติดตัวไปด้วย ให้คาดหมายไว้เลยว่าหลังจากกินยาอาจทำให้มีอาการง่วงได้ ถ้าจะเดินทางไกล ยาอีกตัวที่ช่วยได้คือแผ่นพลาสเตอร์แปะแก้เมาชื่อทรานสเดิร์มสค็อป (Transderm Scop หรือ Scopalamine) โดยแปะไว้ที่หลังหูล่วงหน้าก่อนเดินทาง 2 – 3 ชั่วโมงขึ้นไปยานี้จะมีฤทธิ์ป้องกันได้นาน 72 ชั่วโมง
14. ดื่มน้ำอัดลมในปริมาณพอเหมาะ สำหรับบางคนที่มีอาการท้องไส้ปั่นป่วนมาก
15. สูดหายใจลึกๆ รับลมเย็นๆ จากหน้าต่างรถ หรือใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าผากและหน้า ช่วยลดอาการวิงเวียนได้
16. ใช้ยาดม ยาลม ยาหอม และกลิ่นพืชสมุนไพรตามที่แต่ละคนชอบ รวมไปถึงการดมกลิ่นเปลือกส้มเขียวหวาน (บีบให้มันพ่นกลิ่นออกมา) และกลิ่นเปลือกพริกขี้หนู (เอาพริกขี้หนูหลายๆ เม็ดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ) จะช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนได้
17. จิตวิทยาก็สำคัญ วางฟอร์มตั้งสติ ไม่ยอมแพ้แก่การเมา จะช่วยได้มาก เพราะสมองรับอิทธิพลจากสัญญาณทั้งที่มาจากจิตสำนึกและจากประสาทอัตโนมัติ ควรคอยบอกตัวเองว่าอย่าเสียฟอร์มต่อหน้าคนอื่นนะ คู่สนทนาขณะเมารถต้องเป็นคนที่ดึงจิตเราให้สูงขึ้น เช่นเป็นคนให้กำลังใจ อย่าสนทนากับคนที่กำลังพ่ายแพ้แก่อาการเมาเหมือนกัน จะพากัน…อ้วก-ก-ก
18. กดจุด ในวิชากดจุดของจีนโบราณเขาว่า จุดคุมอาการเมาอยู่ที่เหนือข้อพับด้านในของข้อมือขึ้นไปสัก 1 นิ้วลองกดปล่อยๆ บริเวณนั้นดูก็ได้ เผื่อฟลุคได้ผล
19. นอนหลับ หากทำท่าจะแพ้หมดแรงสู้ ให้นอนลงแล้วหลับตา เพื่อปิดการส่งสัญญาณภาพเข้าสมองเป็นการลดความสับสน ให้สมองได้รับสัญญาณจากอวัยวะควบคุมการทรงตัวที่อยู่ที่หูชั้นในเพียงอย่างเดียว อาการจะดีขึ้น ถ้าม่อยหลับไปจริงๆ เลยได้ยิ่งดี เพราะขณะนอนหลับ สมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายจะปิดรับสัญญาณใดๆ จึงทำให้อาการเมารถหายไปได้เอง
นอกจากนี้สำหรับคนที่ลองทำทุกวิธีแล้วยังไม่ได้ผล แนะนำให้ลงจากรถแล้วหาที่ตั้งสติปรับสมดุลของร่างกายสักครู่แล้วค่อยออกเดินทางต่อ การที่ร่างกายได้พักและปรับตัวจะทำให้อาการเมารถลดลงได้เช่นกันครับ
จาก คอลัมน์ WELLNESS CLASS นิตยสารชีวจิต ฉบับ 447
บทความน่าสนใจอื่นๆ
ทำอย่างไรเด็กๆ โตไป ไม่อ้วน ไม่ป่วย