8. ฝึกเขียนช่วยชั่งใจ
เมื่อรู้สึกสงบลง ให้คิดทบทวนว่าเราโกรธเพราะอะไร และถ้า ลงมือทำตามอารมณ์โกรธไปแล้วจะเกิดผลในระยะสั้นและระยะยาว อย่างไร ส่วนใหญ่จะพบว่า ถ้าเราลงมือทำอะไรรุนแรงออกไป ผลใน ระยะสั้นอาจทำให้รู้สึกสะใจ แต่มักจะมีผลเสียในระยะยาวตามมาทั้งนั้น
ส่วนใหญ่ผลในระยะสั้นที่ได้ก็ไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลในระยะยาว เช่น หากใช้คำรุนแรงว่าสวนกลับไป ผลในระยะสั้นอาจทำรู้สึกสะใจ ก็จริง แต่ผลในระยะยาวคือ เกิดความบาดหมางในความสัมพันธ์ และเสียภาพลักษณ์จนทำให้คนรอบข้างไม่ให้ความนับถือ
9. ความลับของความโกรธ
คนส่วนใหญ่มองว่าความโกรธเป็นอารมณ์ที่รุนแรง แท้จริง แล้วต้นตอของอารมณ์โกรธเกิดจากความรู้สึกเสียใจและทำให้เกิด ความอ่อนไหวขึ้นในใจอย่างรวดเร็ว ภาวะดังกล่าวแสดงถึงความ เปราะบางในจิตใจ เมื่อเราโกรธจึงเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ขณะนั้น เรารู้สึกอ่อนไหว รู้สึกว่าถูกทำร้าย จึงจำเป็นต้องแสดงออกให้คู่กรณี รับรู้
คนที่โกรธง่ายจึงแปลว่าเขาอ่อนไหวง่าย ขณะที่คนซึ่งไม่ค่อย โกรธอะไรใคร แปลว่าเป็นคนมีจิตใจเข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวไปตาม สิ่งที่มากระตุ้นให้เกิดอารมณ์ได้ง่ายนั่นเอง
10. เปลี่ยนความโกรธเป็นการออกแรง
ด้วยเหตุที่ความโกรธเป็นอารมณ์รุนแรง มีพลังการทำลายล้างสูง จึงขอแนะนำให้หากิจกรรมที่ต้องออกแรงมากๆ ทำทุกครั้งที่รู้สึกโกรธ เช่น ทำความสะอาดบ้าน ออกกำลังกาย ทำสวน และกิจกรรม ทางกายอื่นๆ รวมไปถึงการเล่นดนตรีประเภทเครื่องเคาะ เครื่อง ให้จังหวะที่ต้องใช้แรง เช่น กลอง ก็ช่วยได้เช่นกัน
นอกจากได้ถ่ายทอดพลังความโกรธลงไปในกิจกรรมเหล่านั้นแล้ว ยังได้เผาผลาญพลังงานส่วนเกิน บ้านก็สะอาดขึ้น ได้สุขภาพ สวน ก็สวย เรียกว่าได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการใช้พลังความโกรธอีกด้วย
หนทางที่ดีที่สุดคือ ยอมรับและเข้าใจว่าอารมณ์ทั้งดีและร้าย นั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อเกิดขึ้นได้ก็มีวันสงบลงได้เช่นกัน จากนั้น ค่อยๆ พัฒนาใจให้รู้เท่าทันอารมณ์โกรธด้วยการฝึกเจริญสติตามหลัก พุทธศาสนาก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ช่วยให้กลับมามีสติเท่าทันอารมณ์ ได้เร็วขึ้นเช่นกัน
ชีวจิต เชื่อว่า ผู้ที่เข้าถึงธรรมชาติของตนเองได้ย่อมรับมือกับ ทุกข์สุขในใจได้เสมอ
ANGER TOXIC EFFECTS
พิษแห่งความโกรธทำร้ายหัวใจ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เมอร์เรย์ เอ. มิตเติ้ลแมน อาจารย์ประจำวิทยาลัยการแพทย์ฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา อธิบายว่า
ทุกครั้งที่คุณโกรธ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวข้อง กับความเครียด เช่น อะดรีนาลิน ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตก็สูงขึ้น ส่งผลให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มง่ายขึ้น ทำให้คอเลสเตอรอลไปจับตัวกันที่ผนังหลอดเลือด เป็นเหตุ ให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบ โรคหลอดเลือดอุดตัน และ โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้
ข้อมูลนี้สัมพันธ์กับงานวิจัยที่ติมพ์ในวารสาร Circulation ซึ่งพบว่า กลุ่มคนที่ระบุว่าตนเองมีอารมณ์โกรธ เกิดขึ้นเป็นประจำมีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจสูงถึง 2 เท่า และเสี่ยงภาวะหัวใจวายเฉียบพลันมากถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ระบุว่ามีอารมณ์โกรธต่ำ
จาก คอลัมน์ MIND UPDATE นิตยสารชีวจิต ฉบับ 464
บทความน่าสนใจอื่นๆ
9 เคล็ดลับการจัดห้อง สร้างโซนดับโกรธ ช่วยใจสงบ
7 ปลายทาง ที่ความโกรธจะทําร้ายคุณได้