ปวดหัว, ปวดลูกตา, ปวดเบ้าตา, ไมเกรน, ปวดหัวตรงขมับ

ปวดหัวตรงขมับ คือสัญญาณของโรคอะไร และควรแก้อย่างไร เรามีคำตอบ

ปวดหัวแบบกดดัน (tension) และแบบเกี่ยวกับหลอดเลือด (vascular)

แบ่งแยกย่อยได้ 3 ชนิด

ชนิดแรก ปวดกล้ามเนื้อบริเวณหัวกะโหลก คอ และใบหน้า
ชนิดที่สองปวดเพราะเส้นเลือดบริเวณศีรษะตีบ
ชนิดที่สาม ปวดเพราะเส้นเลือดในสมองขยาย

ปวดหัว, ปวดหัวตรงขมับ, ปวดลูกตา, ปวดเบ้าตา, ไมเกรน
หมั่นสังเกตอาการปวดหัวของตนเอง ช่วยให้สามารถทำการรักษาอาการต้นเหตุได้

ทั้งสามชนิดนี้อาการปวดคล้ายกันหรือเหมือนกัน คือ อาการปวดจะเป็นการปวดปานกลาง พอทนได้ จะปวดด้านหน้า และด้านหลังของศีรษะ บริเวณกล้ามเนื้อรอบๆหัวก็จะปวดด้วย

การปวดนั้นจะปวดไม่เหมือนกัน บางคนปวดตุบๆ บริเวณขมับสองข้าง บางคนปวดเหมือนมีคีมมาบีบทั่วทั้งหัว หรือปวดบริเวณท้ายทอยอย่างเดียว

ปวดอย่างนี้มักจะไม่เลือกอายุ ไม่เลือกเพศ แต่อายุนั้นค่อนข้างจะแน่ว่า เด็กๆต่ำกว่า 14-15 ปีไม่ค่อยเป็น เมื่อเป็นผู้ใหญ่อายุกว่า 20 ปีขึ้นไป ถ้าปวดแบบไม่รุนแรง ไม่ช้ามักจะปวดทุกวัน

ถ้าอายุเริ่ม 50 ปีขึ้นไป ผู้หญิงจะเป็นมากกว่าผู้ชาย

เอาละครับ ตอนนี้มาดูสาเหตุที่ทำให้ปวดหัวเป็นประจำเสียหน่อย ถ้านอนไม่หลับจะทำให้อาการปวดหัวเป็นมากขึ้น ดื่มมากหรือกินมากจะทำให้ปวดหัวเป็นมากขึ้นเช่นกัน ทำงานหนักเกินไปก็ปวด เครียดหรือมีความกดดันก็ปวด

ใช้สายตาหรืออยู่กลางแดดมากเกินไปก็ปวด กินอาหารน้อยหรือขาดอาหารก็ปวด คุณผู้หญิงเริ่มหมดประจำเดือนก็ปวด แพ้อาหาร-แพ้ยาก็ปวด

ทั้งหมดนี้จะต้องดูให้แน่เสียก่อนว่าเป็นพฤติกรรมซึ่งคุณ ปฏิบัติเป็นประจำหรือเปล่า เช่น นอนดึกบ่อยๆ และนอนไม่หลับบ่อยหรือไม่

ถ้าเป็นพฤติกรรมชั่วครั้งชั่วคราว คุณจะไม่ถึงกับปวดหัวประจำ แต่ถ้าหากทำอยู่บ่อยๆก็จะทำให้ปวดหัว ซึ่งมักจะปวดบ่อยๆ อยู่แล้ว กลายเป็นปวดหัวประจำตัวได้

 

หากสังเกตว่าที่มาที่ไปของอาการปวดหัวเกิดจากอะไร ก็จะสามารถแก้ไขที่ต้นเหตุได้


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

3 เคล็ดลับแก้ปวดหัวบ่อยจากความเครียด

ปวดหัวไม่หายมีทางแก้ ทำตามนี้รับรองหายชัวร์

วิธีแก้อาการความดันต่ำ ด้วยอาหารและวิตามิน

ติดตาม ชีวจิต ในช่องทางต่างๆ ได้ที่

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.