สาวทำงาน ลดหุ่นเพิ่มสมาธิ ร่างกายฟิต เฟิร์ม
ลดหุ่นเพิ่มสมาธิ สำหรับผู้หญิงเรา การมีรูปร่างดีมีชัยไปกว่าครึ่งหรือทำให้สบายไปแปดอย่างคงไม่ผิดนัก เพราะน้ำหนักที่สมดุล นำมาซึ่งสุขภาพแข็งแรงและความสวยสดใส ที่สุดแล้วบุคลิกอันต้องตาก็จะตามมาโดยอัตโนมัติ
ในทางกลับกัน หากความอ้วนมาเยือน ก็อาจทำให้ชีวิตยากขึ้นในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยเริ่มเข้ามารุมเร้าหรือความร่วงโรยมาเยือนก่อนวัย เมื่ออายุอานามเริ่มมากขึ้น ได้ลงมือลดน้ำหนักสดๆ ร้อนๆ ด้วยวิธีง่ายๆ เพื่อให้สุขภาพของตัวเองดีขึ้น และหวังไปไกลกว่านั้น คือ น้ำหนักที่ลดลงและสุขภาพที่ดีขึ้น
ต่อไปนี้คือ ประสบการณ์ลดน้ำหนักวันต่อวัน ทั้งเจ็ดวัน ลดหุ่นเพิ่มสมาธิ ซึ่งได้บันทึกไว้ให้อ่านกันค่ะ
Day 1
วันแรกที่เริ่มลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ตื่นเช้าขึ้นมาเวลาหกโมงครึ่งด้วยความมุ่งมั่นไปออกกำลังกาย ครั้งนี้เลือกออกกำลังกายด้วยการเดินเป็นหลัก เพราะทำง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย นอกจากรองเท้าผ้าใบสำหรับเดินดีๆ สักคู่ โดยเดินไปกลับจากบ้านไปตลาดใกล้ๆ
ก่อนออกเดิน จิตวิญญาณความเป็นนักเขียนบทความเกี่ยวกับสุขภาพก็ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพราะสารพัดคำถามจากทฤษฎีที่เคยรู้ก็ประเดประดังเข้ามาจนทำให้กังวลไปหมด
หนึ่ง คือ เส้นทางการเดินไกลพอที่จะทำให้เดินได้ถึงครึ่งชั่วโมงหรือไม่ เพราะถ้าจะเดินให้ได้สุขภาพควรเดินให้ได้ต่อเนื่องประมาณ 30 นาที จึงจะมีประโยชน์สูงสุด ก่อนหน้านี้ใช้การเดินทางตามเส้นทางนี้ด้วยรถโดยสารมาตลอด จึงไม่สามารถคำนวณระยะเวลาในการเดินได้เลย
อย่างไรก็ตาม มีความมั่นใจว่า เส้นทางนี้ซึ่งมีระยะทางราวหนึ่งกิโลเมตรกว่าๆ น่าจะไกลเพียงพอที่จะทำให้มือใหม่อย่างเราได้เหงื่อ
สอง คือ กังวลเรื่องความเหนื่อยที่เหมาะสมเพราะทฤษฎีบอกไว้ว่า ควรเดินให้เหนื่อยในระดับพอพูดกันรู้เรื่อง แต่ไม่ถึงขนาดร้องเพลงได้สบายๆ แต่เนื่องจากเส้นทางนี้ไม่ใช่ทางตรงเสียทีเดียว จึงกังวลว่าจะไม่สามารถเร่งความเร็วได้เต็มที่ ซึ่งอาจทำให้เดินช้าเกินไป และอาจทำให้เหนื่อยไม่ถึงระดับที่จะเป็นผลดีต่อสุขภาพ
สาม คือ ความแข็งแรงของร่างกาย เนื่องจากร้างการออกกำลังกายมาพักใหญ่ ทำให้แขน ขา ลำตัวขาดความยืดหยุ่นไปมาก
ด้วยสารพัดความกังวล วันนี้จึงเตรียมตัวดีที่สุดทั้งอุปกรณ์หลักอย่างรองเท้าผ้าใบเพิ่งซื้อมาใหม่ ได้ติดแผ่นกันรองเท้ากัดไว้อย่างดี เตรียมร่างกายด้วยการดื่มน้ำก่อนออกเดินและพกขวดน้ำติดตัวไปด้วย ป้องกันอาการหมดแรงหรือตะคริวจนทำให้เดินกลับบ้านไม่ไหวและอาจไปทำงานในสภาพอ่อนระโหยโรยแรง
เมื่อออกเดินในระยะทางประมาณ 200 เมตรแรก เริ่มต้นด้วยความเร็วปกติเพื่ออบอุ่นร่างกาย จากนั้นพยายามเร่งความเร็วแกว่งแขนให้มากกว่าปกติตามจังหวะของการก้าวเดิน
แต่วันนี้ยังเดินได้ไม่ทะมัดทะแมงสักเท่าไร เพราะแข้งขายังรู้สึกหนืดๆ ไขมันหน้าท้องก็กระเพื่อมนิดหน่อยพอให้รู้สึกได้แถมความกังวลเจ้ากรรมก็ยังลอยคว้างอยู่ในหัว
แต่ในที่สุด เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก้าวเดินเริ่มมีจังหวะจะโคน บวกกับความเหนื่อยเริ่มก่อตัวและเพิ่มดีกรีมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เข้ามาช่วยคลายความรู้สึกกังวลให้หมดไปทีละน้อยเพราะในภาวะแบบนั้น เราไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากจดจ่ออยู่กับการสับเท้าก้าวเดินเส้นทางข้างหน้า และลมหายใจเข้า – ออกที่ลึกและเร็วขึ้น การเดินในวันนี้จึงไม่เหมือนการเดินปกติประจำวัน
กลับถึงบ้าน ดูนาฬิกา พบว่าใช้เวลาไปทั้งหมด 24 นาที แต่ก็เหนื่อยเอาการและได้เหงื่อพอสมควร
วันนี้ยังไม่กล้าชั่งน้ำหนัก เพราะเชื่อว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
การเดินด้วยความเร็วปานกลางต่อเนื่องหนึ่งชั่วโมงช่วยเผาผลาญพลังงานได้ 260 แคลอรีนอกจากนี้การเดินยังช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์จะทำให้เกิดการเผาผลาญแคลอรีจากไขมันที่สะสมไว้โดยตรง
ท่าทางการเดินออกกำลังกายที่เหมาะสม
อก อกผายไหล่ผึ่ง หลังไม่งอ ไหล่ตั้ง แต่ไม่เกร็ง ปล่อยร่างกายให้ผ่อนคลายตามสบาย
แขน แกว่งสูงกว่าปกติ แต่ให้เป็นไปตามธรรมชาติ สอดรับกับจังหวะการเคลื่อนไหวร่างกายส่วนอื่นๆ จะช่วยให้เผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น ส่วนการแกว่งแขนต่ำๆ อยู่ข้างลำตัวทำให้การเผาผลาญไขมันได้น้อยกว่าอย่างไรก็ตาม หากการแกว่งแขนสูงทำให้เหนื่อยเร็ว แนะนำให้แกว่งแขนสูงสัก 10 นาที แล้วแกว่งแขนตามปกติ 10 นาที แล้วค่อยแกว่งแขนสูงอีก 10 นาที ทำสลับกันไป
มือ กำมือหลวมๆ เพราะถ้ากำแน่นอาจทำให้ระดับความดันโลหิตสูงขึ้นได้
หลังและสะโพก เดินหลังตรง ไม่ทิ้งน้ำหนักสะโพกให้แกว่งไปมาด้านข้าง
กล้ามเนื้อหน้าท้อง พยายามเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง โดยไม่ยื่นบั้นท้ายออกไปด้านหลังมากเกินไป
ขาและเท้า เวลาที่เท้าสัมผัสกับพื้น ให้วางส้นเท้าลงพื้นก่อน ตามด้วยปลายเท้า แต่อย่าลงส้นแรงๆ ปล่อยหัวเข่าสบายๆ ไม่เกร็ง
