ยาลดความอ้วน, อันตรายจากยาลดความอ้วน, ลดความอ้วน, ลดน้ำหนัก, อาหารเสริมลดความอ้วน

อันตรายจาก ยาลดความอ้วน มีมากกว่าที่รู้

นอกจากนี้ พ.ญ.ลัดดาได้เล่าต่อที่น่าสนใจตอนหนึ่งว่า ผู้ใหญ่ที่อ้วน โดยขณะตอนเป็นเด็กก็อ้วนด้วย จะมีปัญหาเรื่องหลอดเลือดหัวใจอุดตันและหลอดเลือดในสมองตีบตันหรือแตกมากกว่าคนทั่วไป ทั้งยังตายจากปัญหาเหล่านี้สูงกว่าคนทั่วไป 2 – 13 เท่า นั่นก็หมายความว่า ความอ้วนไม่ว่าเกิดขึ้นเมื่ออายุกี่ปี โรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่นไขมันอุดตันในหลอดเลือด ความดันเลือดสูง ก็ก่อตัวมาพร้อมๆ กันด้วย ไม่ใช่มาก่อตัวตอนเป็นผู้ใหญ่ อย่างเด็กที่ศึกษาวิจัยอยู่ก็พบว่ามีความดันเลือดสูงแล้วŽ และพ.ญ.ลัดดายังได้นำภาพสไลด์ของเส้นเลือดที่มีไขมันอุดเกือบมิดรูจากการผ่าศพเด็ก 2 ขวบจากต่างประเทศมาให้ดูด้วย

พยานหลักฐานที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงเบาะๆ ของอันตรายจากความอ้วน ซึ่งฉันคิดว่าอันตรายตรงนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนอ้วนแสวงหายามาลด เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว แต่หารู้ไม่ว่า อันตรายจากยาลดความอ้วน (หรือรู้ แต่ยังอยากจะแสวงหามากินซะอย่าง เพราะหุ่นยังไม่ได้ขนาดนางแบบ) ยิ่งอันตรายน่ากลัวกว่าความอ้วนเสียอีก คือทำให้เสี่ยงต่อความตายได้เหมือนกัน และไม่ต้องรอผลนานเป็นปีๆ เหมือนความอ้วนหรอกแค่กินเข้าไป พอยาออกฤทธิ์ไม่ถึงชั่วโมงสัญญาณแห่งความตายก็เริ่มขึ้นทันที

ต่อไปนี้คือตัวอย่างของคนที่กินยาลดความอ้วนแล้วเกือบตาย

ความจริงที่ตายก็มีเป็นเด็ก 11 ขวบ กำลังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมแต่อยู่ต่างจังหวัด ซึ่งฉันไม่สามารถไปสืบรายละเอียดมาเล่าให้ฟังได้ด้วยตัวเอง จึงขอตัดออกไป ไม่กล่าวอะไร ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แล้วแต่ดุลยพินิจ ส่วนในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะคนไข้ที่ได้พูดคุยและพิสูจน์หลักฐานแล้วว่า เกือบตายจากยาลดความอ้วนจริง

รายแรก ไอออกเลือด

เป็นหญิงวัย 28 ปี สูง 161 เซนติเมตร น้ำหนัก 67 กิโลกรัม ความจริงก็ดูไม่อ้วนมากเธอเป็นผู้มีอันจะกิน ไม่ได้มีอาชีพอะไรอยู่กับบ้าน สามีเป็นผู้หาเงินเลี้ยงครอบครัวเรื่องออกกำลังกายไม่เคยรู้จัก ดังนั้น กิจกรรมแต่ละวันส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องกินกินจนอ้วน รูปร่างไม่ค่อยพอใจ จึงไปซื้อยาลดความอ้วนมากิน กินไปทุกวัน โดยไม่รู้ถึงอันตรายจากยาลดอ้วน จนวันหนึ่งก็ไอเป็นเลือด ปริมาณเป็นแก้วเลย จึงมาที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ก็รักษาตามอาการราวๆ 4 – 5 วัน อาการไอเป็นเลือดก็ดีขึ้น

หมอจึงส่งมาตรวจการทำงานของปอด เพื่อดูว่ายาที่กินเข้าไปถึงขนาดขั้นทำลายเนื้อปอดแล้วหรือไม่ ก็โชคดีไป ผลตรวจการทำงานของปอดยังปกติดี หมอผู้รักษาได้เล่าให้ฉันฟังถึงกรณีของคนไข้รายนี้ว่า ยาลดความอ้วน ที่คนไข้คนนี้กินเป็นพวกเฟนฟลูรามีน (fenfluramine) ความจริงยานี้ของต่างประเทศเขาห้ามจำหน่ายแล้ว แต่เมืองไทยไม่รู้ควบคุมอีท่าไหน ถึงเล็ดลอดมาขายกันอยู่อีก หมอก็เลยบอกคนไข้ไปว่าให้กลับไปบอกเพื่อนๆ ที่กินยานี้อยู่ให้เลิกกินซะ เพราะมันอันตรายมากเลยŽ

เฟนฟลูรามีน ในต่างประเทศมีการศึกษาและรายงานผลถึงอันตรายอย่างจริงจัง หลังจากที่พบว่ามีคนกินยาลดความอยากอาหาร (ยาลดความอ้วน) แล้วมีปัญหาเรื่องความดันในเส้นเลือดปอดสูง (pulmonary hypertension) (Alfred  P. Fishman:Pulmonary  Diseases  and   Disorders:1998) ความดันที่สูงในเส้นเลือดปอดทำให้ไอเป็นเลือด เหนื่อยและหายใจลำบาก ถ้าอาการเป็นมาก จุดจบก็คือตาย ดังนั้นยาลดความอยากอาหารที่มีส่วนประกอบของสารเฟนฟลูรามีน รวมทั้งยาที่เป็นอนุพันธ์ของเฟนฟลูรามีน เช่น Dexfenfluramine ในต่างประเทศอย่างสหรัฐฯ ได้ถอนตำรับยาไปแล้ว แต่ของไทยยังคงอยู่คนที่กินก็รับกรรมกันต่อไป สงสัยคงรอให้กินขนาดไอเป็นเลือดแล้วตายคาที่ ถึงจะประกาศพิจารณาถอนตำรับ

รายที่ 2 แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก

เป็นหญิงอีกเช่นกัน อายุ 23 ปี สูง 160 เซนติเมตร หนัก 78 กิโลกรัม ฉันไปเจอโดยบังเอิญ ในขณะที่ไปเก็บข้อมูลวิจัยในชุมชน เธอเป็นโรคหอบหืดมาก่อน จนต้องหยุดเรียนกลางคัน และตอนที่ กินยาลดความอ้วน ก็ไม่ได้บอกหมอว่าเป็นหอบหืด เธอเล่าว่า ความที่เป็นคนอ้วน ไม่รู้จะลดยังไงก็เอายาลดความอ้วนของพี่สาวมากิน แค่เม็ดเดียวเท่านั้นเอง ช็อคตาตั้งเลย ทั้งแน่นหน้าอก ทั้งหายใจไม่ออก กระวนกระวายยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก ก็พยายามดิ้น พยายามหายใจเข้า สักพักใหญ่ๆ อาการก็ดีขึ้น ทำเอาเกือบตาย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยกินยาลดความอ้วนอีกเลยŽ

ยาลดความอ้วน, อันตรายจากยาลดความอ้วน, ลดความอ้วน, ลดน้ำหนัก, อาหารเสริมลดความอ้วน
กินยาลดความอ้วน เสี่ยงต่อการมีปัญหาสุขภาพ และอันตรายถึงชีวิต

พี่สาวซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ได้เล่ารายละเอียดเพิ่มเติมว่า ยาที่คลินิกหมอคนนี้แรงมากเลย ก่อนหน้านี้ก็เคยให้น้องสาวกินยาลดความอ้วน แต่ไม่ได้เป็นอะไร สงสัยคนละตัวกัน เพราะปกติก่อนจะให้น้องกินจะลองกินดูเองก่อนถ้าไม่มีอาการที่รุนแรงก็จะให้น้องกิน ขนาดยาไม่รุนแรงนะ น้องสาวกินเข้าไปยังเหมือนคนโรคจิตเลย จะนั่งนิ่งๆ อยู่แต่ตรงนั้นไม่ค่อยเคลื่อนไหว แม้ดูทีวีทั้งที่รายการตลกๆ น้องก็ไม่ขำ ไม่ยิ้ม ไม่ตอบสนองอะไรทั้งนั้น

พอเปลี่ยนเป็นยาตัวใหม่ก็ลองกินก่อนเหมือนกัน ก็ไม่ได้มีอาการแน่นหน้าอกอะไรก็คิดว่าไม่อันตราย จึงให้น้องกินด้วย พอกินเข้าไปถึงรู้ว่า โอ้โห ยาตัวนี้แรงมากเลยแรงขนาดที่หนูกินเข้าไปน่ะ ไม่รู้สึกหิวเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วไม่หลับไม่นอน อยู่ได้ทั้งคืน แล้วยังมีประสาทหลอน หูแว่วบางทีก็เพ้อคลั่ง หงุดหงิดก็ง่าย ทั้งๆ ที่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ก็พานน้อยใจ พานโกรธได้ง่ายๆเป็นอะไรก็ไม่รู้ เหมือนคนบ้าเลย แล้วยังมีคลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูกอีกต่างหาก เพลียก็เพลีย          

กินยาที่คลินิกนี้อยู่ถึง 6 เดือนจึงเลิกกิน น้ำหนักก็ลด แต่ไม่มาก พอเลิกกินยา น้ำหนักก็เพิ่มพรวดขึ้นมาอีก ตอนนี้เกือบ 70 กิโลแล้ว ก็เลยกินยาลดความอ้วนอีก แต่เปลี่ยนคลินิก ของหมอคนนี้ดีหน่อย รู้สึกไม่แรงมากเหมือนคลินิกก่อนŽ

ฉันถามว่า ไม่กลัวอันตรายหรือ ทีนี้ถ้าหากน้องสาวกินเข้าไปอีกแล้วแน่นหน้าอกขนาดหลอดลมตีบ หายใจไม่ออก ช่วยไม่ทัน จะทำยังไง มันน่ากลัวนะŽ พี่สาวตอบว่า กลัวเหมือนกัน ก็ถามหมอที่คลินิกว่า ถามจริงๆ เถอะ ยาลดความอ้วนนี้ไม่อันตรายหรือ หมอบอกมาตรงๆ เลยž แล้วหมอคนนั้นบอกว่ายังไงŽ เธอบอกว่า แกว่าไม่มีอันตราย กินได้ปลอดภัยŽ ทำไมเธอจึงไม่รู้ถึงอันตรายจากยาลดอ้วน

ฉันนึกในใจแล้วว่าต้องตอบอย่างนี้ ขืนไปบอกว่าเป็นอันตราย ทำให้ไอออกเป็นเลือด แน่นหน้าอก หัวใจเต้นรัวๆ ผิดจังหวะ อย่างนี้แล้วคลินิกโรคอ้วนก็เจ๊งเท่านั้นเอง        ฉันก็เพิ่งเคยได้ยินครั้งนี้เป็นครั้งแรกว่ายาพวกลดความอ้วนไม่มีอันตราย ซึ่งเป็นคำตอบที่ไม่เหมือนกับหมอคนที่ไม่มีคลินิกลดความอ้วน ซึ่งมีแต่บอกว่ายาลดความอ้วนเป็นยาอันตรายไม่ควรกิน ช่างตรงข้ามกันเหลือเกิน ! แล้วจะเชื่อใคร ? หลายครั้งที่ฉันเอายาพวกลดความอ้วนไปให้เภสัชกรดู เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นยาประเภทไหน ประกอบด้วยตัวยาอะไรบ้าง

อ่านต่อหน้า 3

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.