กินอย่างอายุรเวท ต้านความดันโลหิตสูง
กินอย่างอายุรเวท
อายุรเวท ได้กล่าวถึงความสำคัญของอาหารที่เรากินว่า อาหารนั้นคือสิ่งที่ไปสร้างสรรค์กายและหล่อเลี้ยงจิตใจ ดังนั้น
อาหารที่ย่อยยาก เช่นเนื้อสัตว์ จึงไม่เหมาะต่อการเกิดสมาธิ เพราะกระตุ้นให้ระบบย่อยทำงานมากกว่าปกติ กินอย่างไรในแนวทางของอายุรเวท
ควรกินอาหารในบรรยากาศที่รื่นรมย์ สถานที่เหมาะสม ไม่มีเสียง กลิ่น หรือสีรบกวนควรปรุงอาหารและบริการด้วยจิตใจที่ดีงาม มีจิตใจจดจ่ออยู่กับการกินอาหาร ก่อนกินอาหาร เริ่มด้วยทำใจให้สงบแล้วตั้งจิตอธิษฐาน ขอบคุณธรรมชาติที่สร้างสรรค์ให้มีอาหารมื้อนี้ ขอให้อาหารมื้อนี้จงหล่อเลี้ยงชีวิตให้งดงาม ก่อเกิดจิตสำนึกและปัญญา ซึ่งจะนำพาให้ดำเนินชีวิตที่ดีงาม
เคี้ยวช้าๆ และรู้ตัวตลอดเวลา
จะทำให้รับรสอาหารได้ดีขึ้น ควรปรุงและหุงต้มอาหารใหม่ อาหารที่เหลือข้ามวันไม่ดี ไม่ควรกินอาหารถ้าไม่หิว เมื่อหิวแสดงว่าธาตุไฟในการย่อย พร้อมจะทำหน้าที่ตามที่ร่างกายต้องการ เมื่อหิวจึงรู้สึกว่ามีน้ำย่อยออกมาในกระเพาะอาหาร รสไม่ได้เกิดจากอาหาร แต่เกิดจากประสบการณ์ของผู้กิน
ปริมาณอาหารที่กินแต่ละมื้อมีความสำคัญเช่นกัน ควรมีปริมาณเท่ากับสองฝ่ามือเต็ม ซึ่งจะบรรจุ 1 ใน 3 ของกระเพาะอาหาร โดยที่เหลืออีก 1 ใน 3 เป็นของเหลว และอีก 1 ใน 3 เป็นอากาศ หากกินมากไปกระเพาะอาหารจะขยายตัวมาก เกิดพิษขณะย่อย
ควรจิบน้ำครั้งละน้อยๆ ขณะกินอาหาร จะช่วยให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น และไม่ควรดื่มน้ำมากรวดเดียวหลังกินอาหารหลังกินอาหารแล้วควรนั่งพักสักครู่ (2-3 นาที) จากนั้นอาจเดินสัก 5-10 นาทีเพื่อช่วยการย่อย
“วิถีชีวิตของเรานั้นสัมพันธ์กับวิถีแห่งความตายของเรา”
ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามพฤติกรรมการดำเนินชีวิตซึ่งเป็นต้นเหตุของการเจ็บป่วย
ทั้งนี้การเปลี่ยนวิถีชีวิตให้สมดุลอาจไม่เพียงช่วยทำให้หายจากโรคเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายและจิตใจเราอีกด้วย คนเราเกิดมาเท่ากัน แต่ชีวิตที่เหลืออยู่เรากำหนดได้ ให้รอดปลอดภัยจากโรคร้ายค่ะ
ข้อมูลจาก คอลัมน์เรื่องพิเศษ นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 303
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ต้านความดันโลหิตสูง แนะนำโดยแพทย์แผนจีน
สู้ความดันโลหิตสูง แนะนำโดยแพทย์แผนไทย
ต่อกรความดันโลหิตสูง แนะนำโดยแพทย์ไทยประยุกต์
สัญญาณเตือน อาจเป็นความดันสูงหากมีอาการเหล่านี้ (พร้อมวิธีรับมือ)