3 พฤติกรรมต้องห้าม ทำโรคกำเริบ
สำหรับวิธีการเยียวยาผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ในช่วงแรกคุณหมออาจให้กินยาเพื่อแก้อาการราว 1 – 3 เดือน แต่หลังจากนั้นวิธีป้องกันและรักษาโรคได้ดีที่สุดคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รองศาสตราจารย์ดร.สุจิตราอธิบายพฤติกรรมต้องห้ามที่ทำให้อาการกำเริบไว้ในบทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน โดยคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ดังนี้
1. การกิน
การกินเป็นปัญหาสำคัญของผู้มีอาการกรดไหลย้อน รองศาสตราจารย์ดร.สุจิตราแนะนำการกินที่ไม่ถูกต้องไว้ดังนี้
กินมากไป การกินอาหารปริมาณมากเกินไปในแต่ละมื้อ นอกจากจะทำให้คุณอ้วนแล้ว ภาวะน้ำหนักเกินนี้จะส่งผลให้ความดันในช่องท้องมากขึ้น ทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบมากขึ้น ดังนั้นควรกินอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้งขึ้น
กินของทอด บรรดาของทอดและอาหารที่ใช้น้ำมันปริมาณมากผัด จะทำให้กระเพาะอาหารเคลื่อนไหวช้าลง ส่งผลให้มีโอกาสเกิดกรดไหลย้อนได้มากขึ้น
ดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม และสุรา เครื่องดื่มเหล่านี้นอกจากจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้นแล้ว ยังทำให้หูรูดคลายตัวง่ายอีกด้วย
กินยาแก้ปวดเป็นประจำ เนื่องจากยาแก้ปวดสามารถกระตุ้นให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ ยาแก้ปวดยังขึ้นชื่อลือชาเรื่องกัดกระเพาะอาหารอีกด้วย
กินยาไม่เป็นเวลา การกินยา เพื่อลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหารหรือเพิ่มการเคลื่อนไหวของอวัยวะในระบบทางเดินอาหารเพื่อกำจัดกรด แม้ช่วยให้เห็นผลการรักษาเร็วขึ้น แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักกินยาเฉพาะเวลาที่อาการกำเริบ ไม่ยอมกินยาตามแพทย์สั่ง ลดขนาดยาหรือหยุดยาเอง จึงทำให้โรคนี้หายช้า
2. การนอน
คนส่วนใหญ่เมื่อกินอาหารเสร็จแล้วมักเกิดอาการหนังท้องตึง หนังตาหย่อน กินแล้วก็นอนเลยต้องโบกมือลาพฤติกรรมเช่นนี้เสียที เพราะการนอนแผ่หลาหลังกินอิ่มทำให้น้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาได้ง่ายขึ้น ทางที่ดีนั่งพักให้อาหารย่อยประมาณ 3 – 4 ชั่วโมงแล้วจึงนอน จะช่วยให้น้ำย่อยไม่ไหลย้อนขึ้นมาด้านบน
สำหรับผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนควรปรับหัวเตียงให้สูงขึ้น 6-10 นิ้ว แต่ไม่ควรหนุนหมอนสูง เพราะจะทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นและกรดไหลย้อนกำเริบ