5. จุดจู๋ซานหลี่
จุดนี้อยู่บริเวณหน้าแข้งด้านนอก อยู่ใต้หัวเข่าลงมาประมาณ 2 นิ้วกดจุดนี้แล้วจะช่วยในเรื่องการย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหาร จึงช่วยบำรุงร่างกายและเพิ่มชี่ทั่วร่างกาย
6. จุดไว่กวน
จุดนี้อยู่เหนือข้อมือทั้งสองข้างขึ้นมาประมาณ 2 นิ้ว หลังจากนั้นกดจุดหลังมือระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ ชื่อว่าจุดเหอกู่ จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันทั่วร่างกาย
อีกเคล็ดลับหนึ่งคือ การฝึกหายใจควรหายใจเข้า-ออกลึกๆ จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้พฤติกรรมการไม่ออกกำลังกาย การยืนการนั่ง การนอน ในท่าเดิมนานๆ ก็จะบั่นทอนภูมิคุ้มกันได้ เช่น การยืนนานทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ปวดหลัง การนั่งนานมีผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้ท้องอืด ท้องผูก การนอนนาน เช่นผู้ป่วยอัมพาต ทำให้มีปัญหาเรื่องการติดเชื้อของทางระบบทางเดินหายใจได้ง่าย
ฉะนั้นการกดจุดตามตำแหน่งที่กล่าวไปจึงสามารถช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้
อีกสาเหตุหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้สำหรับปัญหาโรคระบบภูมิคุ้มกันคือ ภาวะเครียดหรือวิตกกังวล ซึ่งบางครั้งผู้ป่วยไม่รู้ตัว แต่ลองสังเกตช่วงที่ร่างกายอยู่ในภาวะเครียดกล้ามเนื้อบริเวณบ่าจะหดเกร็ง ขอแนะนำให้ฝึกหายใจเข้า - ออกลึกๆ ขณะเครียดร่วมกับการยืดกล้ามเนื้อเพื่อลดภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายความเครียดได้
ขอแนะนำอาหารกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้แก่ เห็ด มะละกอ มะระ ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
สุดท้ายอย่าลืมว่าการนอนหลับมีผลอย่างมากต่อระดับภูมิคุ้มกัน มีงานวิจัยมากมายชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่อดนอน ระดับภูมิคุ้มกันจะลดลงกว่าปกติ และยังทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล
ต้องดูแลตัวเองแบบองค์รวม เพื่อให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้ได้ค่ะ
จาก คอลัมน์หมอจีนประจำบ้าน นิตยสารชีวจิต ฉบับ 404
บทความน่าสนใจอื่นๆ
5 วิตามิน และแร่ธาตุ เยียวยาหวัดและภูมิแพ้
ภูมิแพ้ผิวหนัง โรคพบบ่อยเมื่อสภาพอากาศแย่
ออกกำลังกายอย่างไรฟื้นฟูภูมิชีวิตพิชิตภูมิแพ้