เนื้องอกในสมอง สมอง มะเร็ง มะเร็งในสมอง โรคสมอง เนื้องอก

ประสบการณ์สุขภาพ บันทึกของวัยรุ่นนักกินหมู เนื้องอกในสมอง ยุบเพราะชีวจิต ตอนที่ 3 จบ

ปลายกุมภาพันธ์  2543

หลังจากผ่าตัดสมองแล้ว กว่าจะกระดกตัวขึ้นมาเขียนบันทึกอย่างนี้ ได้ ก็เล่นเอาแย่ไปหลายวัน

ถึงอย่างนั้นตอนนี้ไม่ใช่ว่าจะปกติดียังรู้สึกโยกๆ โคลงๆ เพราะมึนหัวอยู่นั่นละมิหนำซ้ำความจำก็ยังกลับมาไม่หมดดีนึกออกไหม เหมือนเครื่องคอมพ์รวนน่ะพอซ่อมเสร็จแล้ว ต้องอินสตอลล์โปรแกรมเข้าไปใหม่ แต่ใช่ว่าจะสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เต็ม

อย่างใครโผล่หน้าเข้ามาในห้อง สิ่งแรกสุดที่ฉันต้องทำคือ นึก นึก และนึกว่าเขาคือใคร สัมพันธ์อย่างไรกับฉัน

เมื่อวานเพื่อนๆ พากันยกโขยงจากโคราชมาเยี่ยม นับได้ 5 – 6 คน แต่ละคนก็แย่งกันพูด (เหมือนเดิม) เจ้าตั้ม หมดสภาพเลยนะแก แต่ก็ขอให้หายเร็วๆ นะยะเพื่อนๆ และอาจารย์รอแกอยู่…ปลาบปลื้มจริงจริ๊ง เพื่อนยังไม่ทิ้งกัน แต่ถ้าพวกมันรู้ว่าฉันจำชื่อได้ไม่ครบทุกคน เจ้าตัวคงวีนแตกแหง แต่ก็ชอมอดอ ช่วยไม่ได้จริงๆ

แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับฉันถือว่าโชคดีสุดๆ แล้วที่สมองยังใช้ได้ แม้มีอะไรขาดๆหายๆ ไปบ้าง ก็ยังดีกว่าสับสน จำอะไร ผิดๆ ถูกๆ แถมยังไม่เอ๋อจนเป็นภาระของใครต่อใครอย่างที่กลัวแสนกลัวแต่แรก

ว่าแล้วเพื่อเป็นการอินสตอลล์โปรแกรมสมอง ฉันจะเล่าเรื่องการผ่าตัดให้ฟังดีกว่าย้อนไปวันที่ต้องนอนแบ็บอยู่บนเตียงอย่างเดียวนะ

หลังจากถูกกร้อนผมจนเป็นแม่ชีตั้มตอนเช้า พอบ่าย หมอจัดการเอาส่วนเกินในสมองของฉันออก ตอนเฉือนก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก (ถ้าต้องรู้สึก ฉันคงแย่แหง)ไปรู้สึกอีกทีอีตอนอยู่ในห้องไอ.ซี.ยู. เพราะต้องเอาเลือดที่ค้างอยู่ออกจากสมองให้หมดช่วงนี้ละเป็นอะไรที่แย่แสนแย่

เรื่องกิน ระดับเจ้าตั้มแล้วไม่ต้องพูดถึงยิ่งถูกขู่ว่า ถ้ากินไม่ได้ หมออาจต้องเจาะคอให้อาหารทางสายยาง ฉันยิ่งต้องคว้าทุกอย่างที่ทุกคนเอามาให้กินโดยไม่รีรอถึงจะจำหน้าคนให้ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ตามที

แต่เรื่องที่มีปัญหาคือ การที่ต้องอยู่รวมกับคนไข้อาการหนักมากมาย ประมาณว่าเหลือบตาไปทางไหน เห็นแต่ลุงๆ ป้าๆ น้าๆ อาๆ นอนไม่รู้สึกตัวอยู่ท่ามกลางสายระโยงระยางพะรุงพะรัง เมื่อผสมกับความระบมในหัวตัวเองแล้ว ฉันอยากจะกรี๊ดชั่วโมงละรอบเลย ขอบอก

อยากจะลุกไปฉี่ หันมองอะไรต่ออะไร อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ หรือโทรศัพท์คุยกับเพื่อน ก็ทำไม่ได้ ต้องตรึงหัวไว้กับที่พอขยับหัวไม่ได้ ตัวก็ห้ามเขยื้อนด้วยไม่งั้นหัวจะเจ็บได้ กว่าเข็มนาฬิกาจะยุรยาตรเดาะแดะๆ ผ่านไปแต่ละนาที ช่างแสนทรมาน แล้วคิดดูสิ ฉันต้องทนสภาพนี้นับสี่พันกว่านาที จะสุดยอดทรมานขนาดไหน

สภาพอย่างนั้น ต่อให้เป็นคนอารมณ์ดีขนาดไหน ก็มีอันต้องเครียดละ เข้าใจแล้วละว่าทำไมคนแก่หรือคนพิการที่ไปไหนมาไหนหรือทำอะไรเองไม่ได้ ถึงได้เป็นคนขี้หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่ายนัก

อืม…แต่ถ้าจะมองอีกแบบหนึ่งนะ ช่วงเวลาที่ต้องนอนแบ็บอย่างนั้น ฉันก็กลายเป็นคุณหนูของบ้านไปโดยปริยาย ไม่ว่าแม่ พี่ หลาน หรือใครต่อใครที่ผลัดเวรมาเฝ้าล้วนแล้วแต่เอาอกเอาใจ อยากกินอะไร หรือขออะไร ก็ได้เดี๋ยวนั้น เห็นจะจะว่าเขารักและห่วงฉันมากขนาดไหน

ถือว่าเจ็บกายสบายใจก็แล้วกัน

 

มีนาคม  2543

มีข่าวล่ามาเร็ว ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าสมควรดีใจหรือเสียใจดีหนอ เพราะเนื้องอกที่หมอเฉือนออกไปนั้นคือมะเร็ง โรคที่ใครต่อใครพากันกลัว แต่หมอบอกว่าเป็นเพียงระยะเริ่มแรก แถมเป็นตอนอายุน้อยตัดออกแล้วโอกาสหายยังมี การฟื้นตัวของสุขภาพก็เป็นไปได้ง่ายและรวดเร็วกว่า

คนที่บ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันกับหมอบรรดาเพื่อนๆ ที่โทร.มาหาก็พูดเหมือนกันเอาละ เป็นอันว่าฉันควรสบายใจ คิดว่ามะเร็งเรอะ ! เรื่องจิ๊บจ๊อย ฉายแสงต่ออีกไม่กี่อึดใจก็กลับบ้านไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้

แต่ข่าวล่ากว่า ซึ่งเพิ่งรู้เมื่อเริ่มฉายแสงคือ เจ้าเนื้อมะเร็งตัวดีที่มีอยู่ในสมองยังเหลือตอน้อยๆ อยู่บางส่วน หมอที่ฉายแสงเป็นคนบอก ตอนแรกฉันยังเถียง เพราะหมอศัลย์ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเอาออกหมดแล้ว ฉันสบายใจได้ หายชัวร์ๆ

แต่พอเจออย่างนี้เข้าเลยต้องกลับไปถามหมอศัลย์ซ้ำ ก็ได้รับคำตอบใหม่ว่าที่ต้องเหลือตอเอาไว้บ้าง เพราะไอ้ส่วนเกินนี้มันดันขึ้นมากดทับประสาทตาพอดี๊พอดีขืนตัดแบบไม่บันยะบันยัง ตาข้างซ้ายจะ

บอดสนิทไปเลย

สงสัยจริงว่าทำไมไม่บอกให้รู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรก ต้องยึกๆ ยักๆ ไว้เพื่ออะไรกัน

 

 

 

 

<< อ่านต่อหน้าที่ 3 >>

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.