วิถีชีวจิต…จุดเปลี่ยนชีวิต
เพราะมีเพื่อนข้างกายเป็นอบายมุข ชีวิตจึงมีโทษมากกว่าคุณ ร่างกายของคุณมานพมักถูกรุมเร้าด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่หมุนเวียนผลัด-เปลี่ยนกันมาไม่ซ้ำหน้า และเริ่มแสดงอาการหนักข้อขึ้นทุกวัน จนกระทั่ง…
“สุขภาพของผมเริ่มสาหัสตอนปี 2540 ไปหาหมอแล้วพบว่าคอเลสเตอรอลสูงถึง 300 กว่ามิลลิกรัมต่อเดซิลิตร กินยาเท่าไรก็ไม่ยอมลด จนกระทั่งได้รู้จักกับ อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง จากรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง
“วันนั้นอาจารย์พูดเรื่องการดูแลสุขภาพแบบชีวจิต เรื่องน้ำผักผลไม้คั้นแยกกาก ประโยชน์ของน้ำเอนไซม์ รวมถึงแนะนำหนังสือ 4 เล่ม คือ กูแน่, มะเร็งแห่งชีวิต, ชีวจิต, ชีวิตเริ่มต้นเมื่อ 70 คืนนี้ดูรายการจบ พรุ่งนี้ผมขับรถไปซื้อเลย ทั้งหนังสือ ทั้งเครื่องสกัดแยกกาก ทุกคนแย่งซื้อหมด เหลืออยู่เครื่องเดียวพอดี”
คุณมานพเล่าย้อนเหตุการณ์ในอดีตที่เป็นเสมือนจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ และนับจากวันนั้นปฏิบัติการดูแลสุขภาพในวิถีแห่งชีวจิตจึงเริ่มขึ้น
“ผมอ่านหนังสือของอาจารย์ทุกเล่ม สกัดน้ำผักผลไม้ ต้มน้ำอาร์ซีดื่ม งดเว้นเนื้อสัตว์ กินแบบนี้อยู่ 6 เดือน ตอนนั้นจากอาการที่เหมือนพกโรคไว้หนักอึ้ง เปลี่ยนเป็นความรู้สึกเบาสบาย กระฉับกระเฉง ไม่อ่อนเพลีย พอไปตรวจเลือด ผลปรากฏว่าคอเลสเตอรอลอยู่ในเกณฑ์ปกติ ต่ำกว่าปกติด้วยซ้ำ หมอถึงกับงงเลยทีเดียว” เขาเล่าพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
นาฬิกาโบราณที่แขวนอยู่บนข้างฝาส่งเสียงสัญญาณบอกว่าถึงเวลามื้อกลางวันแล้ว แม้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารจะยังไม่พร้อมทำงานนัก แต่เมื่อเห็น คุณมานพ เข็มเป้า (อายุ 63 ปี) เจ้าของบ้านกำลังสาละวนอยู่กับการปรุงเมนูสุขภาพ หน้าตาชวนชิม อีกทั้งกลิ่นหอม ๆ ของธัญพืชและผักนานาชนิดที่ลอยมาเตะจมูก ก็พาให้คู่สนทนาอย่างฉันท้องร้องโครกครากเอาเสียดื้อ ๆ
“สลัดผักปลอดสารพิษ เมนูง่าย ๆ ประจำตัวผม ลองชิมกันดูนะครับ” เขาเชื้อเชิญ ก่อนที่จะขันอาสาเล่าเรื่องราวชีวิตเฉียดตายจากสารพัดโรคร้ายให้เราฟังต่อ
1 ปี 2 มะเร็ง 1 ตับแข็งระยะสุดท้าย
การมีสุขภาพแข็งแรงเป็นเหมือนของขวัญล้ำค่าสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่สำหรับคุณมานพแล้วกลับเห็นคุณค่าของมันได้ไม่นานเพราะผ่านไปแค่เพียง 1 ปี เขาก็หวนคืนสู่สังเวียนของนักดื่มคอทองแดงอีกเช่นเคย และผลจากการทำร้ายสุขภาพครั้งนี้ ทำให้เขาต้องตกเป็นผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและตับแข็งระยะสุดท้าย!
“วันนั้นหมอจับเข่าผมแล้วพูดว่า คุณมานพ ถ้ามีธุระสำคัญอะไรก็รีบทำเสียนะแล้วเวลาที่เหลืออยู่คิดเสียว่าเป็นกำไรชีวิตแล้วกัน ผมได้ยินแล้วหูอื้อ รู้แล้วว่าเรากำลังจะตายในไม่ช้า
“สภาพร่างกายตอนนั้นย่ำแย่มาก ข้างในเหมือนถูกเผา เลือดเดือดยุ่บยั่บไปหมดท้องโตเหมือนคนท้อง 6 - 7 เดือน ทรมานชนิดที่ว่าต่อให้ต้องลงนรก ก็ขอลงนรกดีกว่า”
เมื่อเจ็บปวดแสนสาหัส จึงถึงช่วงเวลาที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด และแน่นอนว่าวิถีแห่งสุขภาพที่เคยเยียวยาเขาไว้ในครั้งก่อนจึงถูกใช้เป็นหนทางยื้อเวลาจากความตายอีกครา
“ผมหันมาปฏิบัติตามแนวทางชีวจิตอย่างเคร่งครัดอีกครั้ง ต้มน้ำอาร์ซีดื่ม เอาข้าวอาร์ซีมาหุง ทำกับข้าวกินเองโดยเลือก พืชผักที่เป็นธรรมชาติจริง ๆ ใช้น้ำผัดแทนน้ำมัน ช่วงแรกน้ำตาร่วง เพราะเราติดของอร่อยมาทั้งชีวิต แต่ที่ทำได้เพราะสติ
“ผมคิดว่าเรากำลังทำอาหารให้เป็นยาอย่างที่อาจารย์สาทิสบอก แล้วก็กำลังช่วยเหลือร่างกายของเราให้รอดพ้นจากโรคที่เป็นอยู่พอคิดได้อย่างนั้น รสสัมผัสที่ได้จากลิ้นก็เปลี่ยนเป็นได้จากสติ กินได้หมดทุกอย่าง
“ผ่านไปเพียง 1 เดือน ร่างกายผมดีขึ้นจากหน้ามือเป็นหลังมือ มีเรี่ยวแรงมากขึ้นท้องที่บวมเป่งก็เริ่มยุบลง เดือนที่ 2 ท้องยุบเป็นปกติ หมอเห็นแล้วประหลาดใจมากเพราะเขาคิดว่าเราน่าจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ”
นับจากวันนั้นคุณมานพก็สามารถเอาชนะโรคร้ายทั้งมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและตับแข็งระยะสุดท้ายได้นานร่วมปี จนกระทั่งมะเร็งต่อมน้ำเหลืองย้อนกลับมาหาเขาแบบไม่ตั้งตัวอีกครั้ง!