ลดน้ำหนัก, ลดความอ้วน, วิธีลดน้ำหนัก, วิธีลดความอ้วน, อ้วน

บ.ก.ขอตอบ : 3 ประสบการณ์ ลดน้ำหนัก ทำตามสิ ผอมเร็ว

3 ประสบการณ์ ลดน้ำหนัก ทำตามสิ ผอมเร็ว

ถาม

อยาก ลดน้ำหนัก ค่ะ ลองมาหลายวิธีแล้ว แต่ไม่ค่อยเห็นผลดังใจ เลยอยากรู้ว่าชีวจิตมีวิธีการลดน้ำหนักเป็นพิเศษไหมคะ กลัวว่านำหนักมากไป แล้วจะป่วยเป็นโรคอื่นๆ ตามมาน่ะค่ะ

ตอบ

บ.ก.แอบแหย่เพื่อนน้ำหนักเยอะๆ เสมอว่า ถ้าอยากผอมก็อย่ากิน และเพื่อนก็เขกหัวเถียงว่า ทำไม่ได้โว๊ย ถ้าทำได้ ก็ไม่มาถามแกหรอก

ก็เลยแนะนำให้ไปปฏิบัติธรรม เพราะสมองส่วนที่ควบคุมความอยากอาหาร เป็นส่วนเดียวกับส่วนที่ควบคุมอารมณ์ ซึ่งการปฏิบัติธรรมหรือการาสวดมนต์เป็นประจำ จะช่วยให้เรารู้ตัวทั่วพร้อม อารมณ์ใดเกิดก็ยั้งได้ เช่นกัน เมื่ออยากอาหารขณะที่ท้องอิ่มแล้ว สมองส่วนที่ว่าก็จะยั้งอาการตามใจปากได้

อย่างไรก็ตาม พร้อมๆกับการฝึกควบคุม ก็ปรับสัดส่วนอาหารและประเภทของอาหารไปด้วย ตามสูตรชีวจิตของกูรูต้นตำรับ อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง ง่ายๆ คือ มื้ออาหารหนึ่งๆ ให้กินอาหารจำพวกข้าวหรือธัญพืชไม่ขัดสี 30% ผักสุกและสด 50% โปรตีนจากถั่วและปลา 20% ที่เหลือเป็นผลไม้ไม่หวานอีก 10%

ขณะเดียวกันก็ออกกำลังกายไปด้วย เลือกแบบที่เราชอบ ท่าง่ายๆ ไม่ยากหรือหนักเกินไป เพื่อจะทำได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนคนที่อยากหาแรงบันดาลใจ นี่เลยค่ะ นิตยสารชีวจิตมีคอลัมน์ชื่อ ประสบการณ์ลดอ้วน (ติดตามได้ในนิตยสารชีวจิตทุกปักษ์) เป็นการรวบรวมประสบการณ์ลดน้ำหนัก พร้อมกับผลสำเร็จที่น่าชื่นชม

เราเลือกมา 3 คน ดังนี้ค่ะ

รำกระบอง ปฏิวัติหุ่นสวย คุณกุสุมา รักพานิชมณี

ก่อนลด : น้ำหนัก 68 กิโลกรัม

หลังลด : น้ำหนัก 53 กิโลกรัม

ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก : 8 เดือน ลดน้ำหนักได้ 15 กิโลกรัม

แรงบันดาลใจ : “น้ำหนักหลังคลอดขึ้นมามากแล้วลดไม่ลง เพราะอายุมากขึ้นสรีระก็เปลี่ยนไป พออ้วนมากแล้วก็ดูแก่ลง ยิ่งเป็นแม่บ้านที่วันๆ เอาแต่นั่งๆ นอนๆ อยู่กับบ้าน น้ำหนักและรอบเอวจึงพอกพูนขึ้นจนขาดความมั่นใจในตัวเอง ถึงขนาดไม่อยากถ่ายรูปอีกเลย”

คุณกุสุมา รักพานิชมณี หรือ คุณกุ้ง อายุ 42 ปี เล่าว่า “หลังจากอ้วนมานานเราก็คิดว่า จริงๆ แล้วเราเคยเป็นคนรักการออกกำลังกาย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตัวเองชอบนี่แหละช่วยเราได้ จึงพยายามเริ่มทำ ด้วยการไปวิ่งบ้างเดินบ้าง แต่ด้วยสรีระในตอนนั้นทำให้เหนื่อยเร็ว ทำๆ ไปแล้วไม่มีแรง วิ่งไม่ออก เดินไม่ออก

“ต่อมาเริ่มรู้จักรำกระบองทางทีวี จึงไปฝึกรำกระบองก็ชอบมาก เพราะเริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งคิดว่าเหมาะกับเรา ท่าทุกท่าก่อนเข้าท่าเตะ ทำแล้วรู้สึกเหมือนได้ทำโยคะ เพราะจะยืดไปเรื่อยๆ แล้วค่อยไปสู่ท่าที่ได้ออกแรงเต็มที่ด้วยท่าเตะต่างๆ เสร็จแล้วก็มีการยืดเหยียดคลายกล้ามเนื้อ ท่าแถมทำแล้วสบายตัว

“ตอนแรกแม้จะอ้วนก็พยายามทำเต็มที่ทุกท่าและรำอย่างสม่ำเสมอรำวันละ 1 ชั่วโมง ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ห้าโมงถึงหกโมงเย็น รำอย่างต่อเนื่องแบบนี้อยู่ 3 เดือน ลดไป 5 กิโล แต่หลังจากนั้นน้ำหนักคงที่

เราอยากให้น้ำหนักลดลงอีก จึงเพิ่มเวลา โดยเพิ่มการรำกระบองตอนเช้าด้วยอีกวันละ 1 ชั่วโมง น้ำหนักก็ลดลงอีก เฉลี่ยเดือนละ 1 กิโล”

“จากประสบการณ์ของตัวเองพบว่า การรำกระบองต่างจากการออกกำลังกายอื่น คือจะได้เรื่องสัดส่วนด้วย ทำให้กลับมามีส่วนโค้งส่วนเว้าที่หายไปนาน กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ กระชับขึ้น ปัญหาผิวเปลือกส้ม ก็หายไปเพราะท่ารำหลายท่าช่วยยืด ช่วยดึงช่วงเอว สะโพก ต้นขา และต้นแขนโดยตรง เช่น ท่า 180 องศา ท่าไหว้พระอาทิตย์ และท่าเตะต่างๆ

“แม้กระทั่งใบหน้าก็เรียวเล็กลง คอยาวขึ้น ใต้คางไม่เหี่ยว เพราะท่ารำบางท่าช่วยบริหารส่วนนี้ด้วย เช่น ท่าถ้ำผาปล่อง ท่าแหงนดูดาว

“นอกจากนั้นยังรู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในแข็งแรงขึ้นด้วย ระบบทุกอย่างในร่างกายดีขึ้น จากเมื่อก่อนที่ป่วยบ่อยก็ไม่ป่วยอีก ร่างกายจึงแข็งแรงกว่าแต่ก่อน”

อ่านต่อหน้าที่ 2

อาหารไขมันต่ำ , ลดน้ำหนัก, ลดความอ้วน, วิธีลดน้ำหนัก, เทคนิคลดความอ้วน
กินอาหารไขมันต่ำ ตัวช่วยที่ดีในการลดน้ำหนัก
ลดอ้วน เพื่องานรุ่ง คุณรัชวลัญช์ คำมาปัน

ก่อนลด : น้ำหนัก 78 กิโลกรัม

หลังลด : น้ำหนัก 64 กิโลกรัม

ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก : 1 ปี

ลดน้ำหนักได้ 14 กิโลกรัม

แรงบันดาลใจ : “อ้วนแล้วทำให้ทำงานไม่คล่องตัว เพราะงานเราบางครั้งต้องซ่อมเครื่องด้วย จะมุดโต๊ะดึงปลั๊ก ดึงเคส ต่อสาย ก็ไม่ได้ ติดไปหมดเลย แค่นั่งยองๆ ก็ทำไม่ได้

“อีกอย่างคือปัญหาเรื่องเสื้อผ้า เสื้อผ้าล็อตแรกที่ใส่ได้ตอนมาทำงานใหม่ๆ ต้องโละใหม่หมด หาซื้อใหม่ก็ยาก เพราะมีแต่ดูแก่กว่าวัยเรา เพราะเป็นเสื้อผ้าตัวใหญ่”

คุณรัชวลัญช์ คำมาปัน หรือ คุณเอื้อม อายุ 25 ปี นักวิชาการคอมพิวเตอร์  เล่าว่า “งานเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ในโรงพยาบาลต้องใช้ความคล่องตัวสูง ต้องรวดเร็ว เพราะต้องจัดการกับโปรแกรมที่เกี่ยวกับประวัติคนไข้ ประวัติการรักษา เมื่อเครื่องมีปัญหาแล้วเขาเรียกมาเราต้องรีบไป และต้องทำให้เสร็จเร็ว เพื่อให้งานเดินต่อ

“แต่พอเราอ้วนก็มีอุปสรรคหลายๆ ด้าน ทั้งความเชื่องช้า ง่วงเหงาหาวนอน ต้องใส่เสื้อผ้าที่ไม่เหมาะกับงาน คือตอนนั้นใส่กระโปรงตัวใหญ่ ทำให้ทำงานได้ไม่คล่องตัว

“หรืออย่างบางครั้งต้องทำงานอัพเดตโปรแกรม สำรองฐานข้อมูล หรือดึงข้อมูลจากฝ่ายต่างๆ ซึ่งต้องทำในช่วงหลังเลิกงานถึงตอนกลางคืน ก็ทำไม่ค่อยไหว เพราะจะง่วงนอนมาก

“ปัญหาอีกอย่างคือ ไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะบางครั้งถูกแซวว่า ที่มาดูเครื่องช้าเพราะเราอ้วน ฉะนั้นเวลาเดินผ่านที่ที่มีคนมากๆ ก็ต้องเดินอ้อมไปทางหลังตึก ซึ่งไกลกว่าเดิม ทำให้เสียเวลาและยิ่งช้า

“เมื่อมาคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป งานจะมีประสิทธิภาพน้อยลง คนอื่นก็อาจตำหนิว่าทำงานไม่ดีไม่เรียบร้อย จึงตัดสินใจลดน้ำหนัก” เมื่อน้ำหนักลดลง ประสิทธิภาพในการทำงานของคุณเอื้อมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ “การทำงานดีขึ้น คือเราทำงานได้คล่องตัวขึ้น สามารถทำได้ทุกอย่างโดยไม่ติดพุงอย่างแต่ก่อน ทั้งยังสามารถใส่กางเกงได้อย่างมั่นใจ ไม่กลัวว่าจะฟิตจนเห็นไขมันส่วนเกิน ตอนนี้ไม่ว่าจะต้องก้มลงนั่งยองๆ เพื่อซ่อมเครื่อง หรือยกเคส (ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์) ก็ทำได้สบายๆ ไม่เหนื่อยง่าย และจากที่เคยง่วงนอนตอนบ่ายๆ ของทุกวัน ก็ไม่เป็นอีกแล้ว

“ตอนนี้สามารถเดินผ่านที่ที่มีคนอยู่มากอย่างตึกผู้ป่วยนอกได้อย่างมั่นใจ โดยไม่กลัวว่าจะมีใคร

วิจารณ์รูปร่างตามหลัง จึงไม่ต้องเดินอ้อมไกลเหมือนเดิม ทำให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้น

“เพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกันต่างทักว่าเราผอมลง ดูดีขึ้น หน้าตาสดใสขึ้น ทำให้เรามีกำลังใจทั้งเรื่อง

การทำงานและการลดน้ำหนักต่อไป”

อ่านต่อหน้าที่ 3

วิ่ง, ออกกำลังกาย, ลดน้ำหนัก, ลดความอ้วน, วิธีลดน้ำหนัก, เทคนิคลดความอ้วน
วิ่งออกกำลังกาย อีกหนึ่งวิธีลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพ
วิ่งทลายพุง คุณณัฐพล ทองพูล

ก่อนลด : น้ำหนัก 122 กิโลกรัม

หลังลด : น้ำหนัก 78 กิโลกรัม

ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก : ลด 44 กิโลกรัมภายใน 1 ปีครึ่ง

แรงบันดาลใจ : “ต้องรอเสื้อยูนิฟอร์มบริษัทนานถึงปีครึ่งเพราะไม่มีไซส์ จนเพื่อนๆ ที่ทำงานเรียกเราว่า ‘ไอ้อ้วน’ แทนชื่อจริง อีกอย่างคือกระทบงานคุมเครื่องยนต์ คุมไลน์ผลิตที่ทำอยู่ ซึ่งใช้ความคล่องตัวสูง อ้วนแล้วเหนื่อยมาก บางทีต้องฝืนจนจะเป็นลม”

คุณณัฐพล ทองพูล อายุ 25 ปี หรือ คุณเม้า เล่าว่า “ด้วยน้ำหนักมาก ช่วงแรกๆ วิ่งแล้วไขมันส่วนเกินจะขย้อนไปทั้งตัว ยกขาแต่ละข้างก็รู้สึกหนักมาก ทำให้เหนื่อยมาก ปวดหัว หน้ามืด พานจะเป็นลมวันแรกวิ่งได้ไม่ถึง 5 นาที

“จึงแก้ปัญหาด้วยการวิ่งบ่อยๆ ไม่หักโหม เหนื่อยก็หยุด แต่ตั้งใจจริงที่จะทำวันละหลายๆ ครั้ง เรียกได้ว่า ว่างเป็นวิ่ง คือในตอนเช้า ก่อนไปทำงานก็ตื่นเช้ากว่าปกติ

ออกวิ่งเสียหน่อย เลิกงานตอนบ่ายสามก็มาวิ่ง แล้วพัก จากนั้นห้าหกโมงเย็นก็ออกวิ่งอีกรอบหนึ่ง ทำแบบนี้อย่างต่อเนื่อง อาการเหนื่อยจะค่อยๆ หายไป

“เมื่อเหนื่อยน้อยลงก็เพิ่มเวลาขึ้นตามลำดับ จาก 5 นาทีเป็น 15 นาที แล้วเพิ่มเป็น 20 นาที ตอนนี้ผ่านมาปีกว่า กำลังอยู่ตัวแล้ว ก็วิ่งรอบละครึ่งชั่วโมง วันละ 2 รอบ เช้าและเย็น”

“เนื่องจากน้ำหนักลงอย่างต่อเนื่อง จึงต้องออกกำลังกายกระชับกล้ามเนื้อคู่ไปด้วย

“โดยเริ่มทำเมื่อน้ำหนักลดลงมาอยู่ที่ 95 กิโลกรัม เริ่มซิตอัพ เช้า 50 ครั้ง เย็น 50 ครั้ง เพื่อกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้อง วิดพื้นเพื่อกระชับกล้ามเนื้อแขนและหลังแรกๆ ทำได้  3 – 4 ครั้งก็ไม่ไหว เพราะไม่มีกำลังแขน ต้องพยายามทำทุกวัน กำลังแขนจะดีขึ้นเอง ตอนนี้วิดพื้นได้ 30 ครั้ง สุดท้ายคือ ยกดัมบ์เบลเพื่อกระชับกล้ามเนื้อแขนและหลังเหมือนกัน โดยยกดัมบ์เบลน้ำหนัก 6 กิโลกรัม แบ่งเป็นท่าต่างๆ ทำข้างละ 70 ครั้ง”

“ปรับการกิน โดยกินข้าวครบสามมื้อ เน้นผัก ปลา และผลไม้ ถ้าไปกินที่อื่นที่กำหนดไม่ได้ก็จะเขี่ยอาหารที่ไม่กินออกไป เลิกกินน้ำอัดลมของชอบโดยสิ้นเชิง

“นอกจากนี้ต้องใช้จิตวิทยาช่วยด้วย (หัวเราะ) คือ เปลี่ยนจากกินในจานตามปกติมาเป็นกินในถ้วยซึ่งขนาดเล็กกว่า จบถ้วยนั้นแล้วจบเลย ซึ่งช่วยให้กินน้อยลงได้จริงๆ และปรับเวลากินมื้อเย็นให้เร็วขึ้น ประมาณห้าโมงเย็น และหลังหกโมงเย็นจะไม่กินอะไรแล้ว”


บทความน่าสนใจอื่นๆ

วิตามินและแร่ธาตุช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร

ลดน้ำหนักด้วย “ผลไม้” ทำง่ายได้ผลจริง

“สูตร 14 วัน” ลดน้ำหนัก ตำรับชีวจิต

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.