ใบเตย นอกจากจะช่วยเพิ่มความหอมหวานให้แก่อาหารแล้ว ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นอีกมากมาย
สมัยก่อนปู่ย่าตายายมักนำใบมะพร้าวมาสานเป็นปลาตะเพียนให้ลูกๆ หลานๆ เล่น แต่สำหรับเรื่องในครัว ยุงชอบนำ ใบเตย มาสานเป็นปลาตะเพียนตัวเล็กตัวน้อยใส่ลงไปในน้ำอาร์ซี เพื่อเพิ่มความหอม และความสวยงาม
บางคราวใช้ตกแต่งจาน นำมาเย็บเป็นกระทงสำหรับใส่ขนม แม้แต่พับเป็นดอกกุหลาบช่อใหญ่และแซมด้วยใบเงินใบทองสวยงามสำหรับบูชาพระ หรือถ้าเห็นพ่อค้าแม่ค้าถือใบเตยมัดใหญ่ๆ ขายตามสี่แยก นั่นแหละค่ะ เขาเอาไว้ใส่ป้องกันกลิ่นอับในรถ
แต่ปักษ์นี้ ยุงจะพูดถึง “ใบเตย” ในแง่มุมของอาหารที่ต้องการกลิ่นและสีมาเป็นส่วนผสม เพื่อเพิ่มความหอมและน่ากินยิ่งขึ้น ยุงมีหลากหลายวิธีที่ทำง่ายและประหยัดเวลามาแนะนำค่ะ
คลิกอ่านต่อที่หน้าถัดไป
วิธีแรก ง่ายที่สุดคือขมวดใบเตยใส่ลงไปในหม้อน้ำที่จะใช้ปรุงอาหารต่างๆ เช่น สำหรับเคี่ยวน้ำเชื่อมทำขนม ต้มข้าวต้ม หรือทำขนมเปียกต่างๆ
วิธีที่ 2 ซอยใบเตยหยาบๆ แล้วนำมาตากแดดให้แห้งสนิท เก็บไว้ชงเป็นชาใบเตยก็ได้
วิธีที่ 3 เลือกใบเตยสูงวัย หั่นหยาบๆ ใส่เครื่องปั่นเติมน้ำสักหน่อย แล้วคั้นเอาเฉพาะน้ำ จะได้น้ำใบเตยสีเขียวเข้มมากน้อยตามปริมาณน้ำที่ใส่ ถ้านำน้ำใบเตยใส่ในข้าวต้มก็จะได้ข้าวต้มสีเขียวอ่อนๆ หรือถ้าหั่นหยาบๆ แล้วผสมลงปั่นพร้อมถั่วเหลืองที่จะทำเป็นน้ำเต้าหู้(กรองกากทิ้ง) ก็จะได้น้ำเต้าหู้สีเขียวอ่อนหอมกรุ่น เนื่องจากกลิ่นใบเตยจะช่วยกลบกลิ่นถั่วเหลืองไปได้เยอะเลยล่ะค่ะ
หรือจะนำน้ำใบเตยที่คั้นแล้วมาผสมน้ำสะอาด สำหรับดื่มเป็นน้ำสมุนไพรก็ได้เช่นกัน
วิธีที่ 4 ซอยใบเตยหยาบๆ โขลกให้ละเอียด ตักใส่ชามผสมน้ำสะอาดลงไป ขยำให้สีใบเตยออก บีบเอากากทิ้ง จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบางอีกที จะได้น้ำใบเตยสีเขียวจัดหอมฉุย นำไปใช้เป็นส่วนผสมในเมนูใดเมนูหนึ่งได้เลย
ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหนก็ตาม อย่าลืมนะคะว่าต้องล้างใบเตยให้สะอาดก่อนใช้ ประการสำคัญเลือกใบเตยที่สูงอายุหน่อย (ใบแก่ๆ) สีเขียวเข้ม ถ้าจะให้ดีลองปลูกใบเตยสักกอไว้ข้างๆ ครัว แล้วคุณผู้อ่านจะหลงรักใบเตยเหมือนกับยุงค่ะ
จาก: คอลัมน์ท้ายครัวป้ายุง ฉบับ 438
