รับประทานอาหารให้ครบมื้อ

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จำเป็นไหมกับชีวิต?

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จำเป็นไหมกับชีวิต?

รูปแบบชีวิตในยุคสมัยนี้ ทำให้เราต้องหาตัวช่วยมาเสริมสร้างสมดุลเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี ด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ ที่ปัจจุบันได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน และยังมีมากมายหลากหลายยี่ห้อ พร้อมคำถามที่ชวนให้สงสัย ว่าจำเป็นไหมที่ต้องรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แล้วเมื่อรับประทานเข้าไปจะสะสมตกค้างหรือไม่ และเหตุใดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จึงเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพสำหรับคนในยุคที่ชีวิตต้องเร่งรีบ วันนี้เราไปหาคำตอบพร้อมกันค่ะ

เคยได้ไปอ่านเจอบทความทางการแพทย์ที่ตีพิมพ์ในวารสาร JAMA ปี 2002 บอกเอาไว้ว่าชาวอเมริกันจำนวนมากมีระดับวิตามินในเลือดต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งมีปัจจัยมาจาก มีคนจำนวน 20-30% เท่านั้นที่สามารถทานผักผลไม้ ซึ่งเป็นแหล่งวิตามินต่างๆ ได้ครบ 5 หน่วยบริโภคต่อวันตามที่แพทย์แนะนำ

ต่อมาลักษณะของอาหารในทุกวันนี้ ที่ผลิตขึ้นตามกระบวนการอุตสาหกรรม อย่างอาหารกระป๋องหรืออาหารแช่แข็ง ประกอบกับการขนส่งยังใช้เวลานานกว่าจะถึงผู้บริโภค ทำให้ปริมาณวิตามินที่อยู่ในผักผลไม้เหลือไม่มาก และปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมทานอาหารที่ปรุงสำเร็จนอกบ้าน ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดความเสื่อมต่อสุขภาพมากขึ้น ดังนั้น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จึงเป็นทางเลือกจำเป็นในผู้ที่มีโอกาสได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ มีปัญหาเรื่องการดูดซึม การเจ็บป่วยเรื้อรัง และในผู้สูงอายุ

วิตามินที่อยู่ในผักผลไม้

ดังนั้น ก่อนที่เราจะรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ก็ควรที่จะต้องรู้จักว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้น เป็นเพียงทางเลือกหนึ่ง ที่ไม่ใช่การทดแทนการรับประทานอาหารให้ครบมื้อที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพได้ แต่เสริมให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น และไม่ใช่ยารักษาโรค โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะรับประทานเพื่อความปลอดภัย  เพราะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในท้องตลาดปัจจุบันมีทั้งวิตามินรวมและแร่ธาตุ สมุนไพร พวกสารต้านอนุมูลอิสระ เส้นใยอาหารต่างๆ ดังนั้น เราจึงควรรู้ว่าในวิตามินหรือแร่ธาตุแต่ละตัวนั้น ช่วยเสริมในด้านใดบ้าง

ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้รับความนิยมจากคนจำนวนมากในตอนนี้อย่าง “ถั่งเช่า” ที่ยังเป็นข้อกังขาว่าสรุปกินแล้วดีหรือไม่ดี หรือว่าร่างกายคนเราต้องได้รับสารอาหารต่างๆ เพิ่มหรือไม่ แล้วใครบ้างที่ควรกินหรือไม่กินถั่งเช่า ลองไปดูกันค่ะ

ใครบ้างควรกินหรือไม่ควรกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  

อย่างที่เรารู้กันดีว่าการเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควรเลือกที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อฟื้นฟูปัญหาสุขภาพได้อย่างตรงจุด และต้องนึกถึงความปลอดภัย อย่าคิดว่ายิ่งกินมากยิ่งดี หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ เพื่อปกป้องร่างกายสุขภาพดีจากภายใน

ฟื้นฟูปัญหาสุขภาพ

อย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร“ถั่งเช่า” ที่ถือได้ว่าเป็นยาสมุนไพรที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศจีนมานานนับศตวรรษ มีการระบุว่ามีสรรพคุณทางยาแผนโบราณที่ใช้กันแพร่หลายโดยเฉพาะในเรื่องของกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ และใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงอวัยวะภายใน เช่น ปอด ตับ และไต เป็นต้น ซึ่งหลายคนอาจจะเห็นสรรพคุณต่างๆ ของถั่งเช่า จากสื่อหรือโฆษณาเกี่ยวกับถั่งเช่ามาบ้างแล้ว ซึ่งผู้ขายแต่ละคน ก็มีการกล่าวถึงสรรพคุณที่ทั้งคล้ายกัน หรือแตกต่างกันไปเลยก็มี ซึ่งเราไม่อาจรู้เลยว่าสรรพคุณไหนเป็นเรื่องจริงหรือเท็จบ้าง

ก่อนจะเลือกควรดูว่าเหมาะกับร่างกายหรือไม่

หลายคนเชื่อว่า “ถั่งเช่า” เป็นยาบำรุง ช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย แต่ทั้งนี้ก็ต้องใช้ให้ถูกกับโรคถูกกับคน ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะมีงานวิจัยออกมาเกี่ยวกับการทดลองในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง พบว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์ปรับสมดุลของร่างกาย กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการอักเสบ และกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ ทำให้ความมั่นใจยังไม่แน่ชัด เพราะไม่ได้เป็นการทดลองในคน

แต่หากศึกษาข้อมูลให้ลึกจะพบว่า มีการศึกษาและทดลองในคนอยู่มากมายถึงประสิทธิภาพของถั่งเช่ากับร่างกายของคนเรา ยกตัวอย่างเช่น งานวิจัยทดลองที่แคลิฟอร์เนีย พบว่าถั่งเช่าสามารถปรับสมดุลความดันเลือดได้ด้วยหลายกลไก โดยมีทั้งกลไกทางตรงและกลไกทางอ้อม

ถึงแม้ถั่งเช่าจะเป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัยสูงมาก แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นในบางบุคคลที่ไม่แนะนำให้รับประทานถั่งเช่า มีข้อห้ามหรือข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่จะรับประทานบางคนเช่นกัน หรือบางคนก็ควรระวังและทานในปริมาณที่เหมาะสม ดังนั้นมาลองดูกันว่า ถั่งเช่ามีข้อควรระวังสำหรับใครบ้าง

สำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานถั่งเช่าที่เราหรือลูกหลานของผู้สูงอายุอาจจะต้องตรวจสอบดูด้วยว่าร่างกายของเราหรือพ่อแม่ปู่ย่าตายายของเราอยู่ในข่ายนี้หรือไม่

-ควรระวัง สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ควรรับประทาน

-สตรีมีครรภ์ หรือ มารดาที่กำลังอยู่ในระยะต้องให้นมบุตร ไม่ควรรับประทานถั่งเช่า เพราะอาจจะส่งผลกระทบถึงทารกในครรภ์ได้

ถั่งเช่าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

-คนที่มีอาการแพ้เห็ด หรือแพ้สมุนไพรบางประเภท ในความหมายนี่คือ เป็นคนที่ต่อให้ไม่ได้ทานเห็ดพิษ แต่ก็ยังแพ้เห็ดทั่วไป มีความเสี่ยงไม่ควรทานถั่งเช่า

-ผู้ป่วยที่มีอาการตับวาย เช่น มีอาการหนักถึงขั้นตัวเหลืองตาเหลือง ไม่ควรทานถั่งเช่าเช่นกัน

-ผู้ที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด การเปลี่ยนอวัยวะใหม่ ก่อนและหลังรับการผ่าตัดภายในระยะเวลา 1 เดือน

-คนที่มีอาการแพ้แมลง โดยเฉพาะแมลงประเภทที่กินได้ เช่น ดักแด้ หนอน

นอกจากนี้ ยังรวมถึงข้อควรระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ จะไปเสริมฤทธิ์กับยาลดน้ำตาลในเลือดผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด เนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด และผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เพราะว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ถั่งเช่าถือเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นยารักษาโรค ผู้บริโภคควรทำความเข้าใจก่อนรับประทาน ซึ่งยาหรืออาหารเสริมทุกชนิดหากรับประทานอย่างผิดวิธี จะกลายเป็นการสร้างโทษให้ร่างกายแทน ดังนั้น ไม่ว่าจะถั่งเช่าหรือยาอะไรก็ตาม ก่อนที่จะรับประทานควรศึกษารายละเอียดยาที่ถี่ถ้วนหรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุด

 

สนับสนุนบทความโดย: cordythai

CB logo

ติดตามโปรโมชั่นได้ที่ 092-121-0669

Line ID : @cordythai

Facebook : cordythaiofficial

www.cordythai.com

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

อาหารเสริม กินมากๆ ตกค้างในร่างกาย อันตรายหรือไม่

ถั่งเช่า คืออะไร ที่มาที่ไป และมีประโยชน์อย่างไร ควรกินแบบไหนเวิร์คสุด

“ถังเช่า” กับหลากเรื่องน่ารู้ก่อนซื้อกิน

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.