สมาร์ทในวัย 50+

สมาร์ทได้ในวัย 50+

สมาร์ทได้ในวัย 50+

คนส่วนใหญ่มักนึกว่าความกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาจะมีเฉพาะในวัยเด็กและวัยหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ความเป็นจริงคนวัย 50+ ก็คงความสดใส มีชีวิตชีวาได้ไม่แพ้คนวัยอื่นๆ เลย

เหตุผลที่ยังคงสมาร์ทได้

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเสริฐ อัสสันชัย ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวไว้ว่า มนุษย์สามารถมีอายุได้ถึง 122 ปี ดังเช่นผู้หญิงชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ชื่อจอง คราวเดอมองก์ เธอมีอายุยืนยาวแข็งแรงถึง 122 ปี ดังนั้น ถ้าเราคิดว่า พออายุ 60 ปี เกษียณราชการแล้วจะต้องกลายเป็นคนแก่ ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีความหวัง ไม่ได้ เพราะเท่ากับเรายังใช้ชีวิตมาไม่ถึงครึ่งทางเลย เหลือเวลาอีกตั้ง 62 ปีกว่าที่จะถึงอายุขัยจริงๆ ของเรา

ส่วนด้านกายภาพ ถ้าจะบอกว่า สูงอายุแล้วร่างกายมีแต่จะเสื่อมลงเพียงอย่างเดียว ก็ไม่เป็นความจริง เพราะมีงานวิจัยหนึ่งในผู้สูงอายุพบว่า กล้ามเนื้อของผู้สูงอายุสามารถเพิ่มเติมขึ้นได้ด้วยการออกกำลังกาย แต่หากนั่งๆ นอนๆ โดยไม่ทำอะไร จะยิ่งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงมากขึ้น

ฟังเหตุผลดีๆ อย่างนี้แล้ว คงรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันควันเลยใช่ไหมคะ อายุเท่าไรไม่สำคัญ อยู่ที่วิธีคิดและการใช้ชีวิตประจำวันมากกว่า

คนวัย 50+ คงความสดใส

3 เสาสร้างสุขภาพ

หากยังนึกภาพไม่ออกว่า ชีวิตสมาร์ทๆ ต้องมีองค์ประกอบใดบ้าง นายแพทย์ประเสริฐแนะนำไว้ว่า การจะเป็นผู้สูงอายุอย่างสง่าหรือสมาร์ทต้องมีองค์ประกอบสามอย่าง หรือที่เรียกว่า 3 เสาสุขภาพ คือ หนึ่ง Active Aging คือ ต้องมีสุขภาพกายและใจที่ดี สอง Life Security คือ มีความมั่นคงในชีวิต มีปัจจัยสี่คือ บ้านที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม อาหาร และยารักษาโรค อย่างพอเพียง

สาม Social Participation สิ่งนี้สำคัญมาก คือ ความสนุกกับสังคม อาจไม่ต้องเป็นสังคมใหญ่ แค่สังคมเล็กๆ เช่น ครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นลูกหลาน สามี หรือภรรยา เป็นต้น

หลากแนวคิด หลากแนวทางสู่ความสมาร์ท

3 เสาหลักสุขภาพนี้อาจเป็นหลักใหญ่ๆ ที่ใช้เป็นแนวทางนำไปสู่การมีชีวิตอย่างสง่างามและมีสุขภาพดี แต่เรายังมีแนวทางเล็กๆ ที่จะประกอบให้เสาสุขภาพทั้งสามแข็งแรง

อาจารย์สมศรี สุกุมลนันทน์ ให้แง่คิดดีๆ ไว้ในหนังสือ สุขใจวัยชรา ว่า

การถูกปลดเกษียณไม่ได้หมายความว่าทรัพยากรในตัวคนจะถูกปลดให้กองไว้ในที่ทำงานไปด้วย น่าจะคิดใช้ต่อไปจนสิ้นสภาพ

ความสนุกในการเรียน ช่วยขยายความสนใจไปยังกิจกรรมอื่นๆ ได้ ซึ่งคนในวัยทำมาหากินเรียกว่า งานอดิเรก แต่สำหรับคนแก่คือ งานประจำ ใครไม่มีงานประจำอย่างนี้ให้สนุก จะไม่มีปีสนุก การอยู่เฉยๆ เป็นพรหมลูกฟัก ไม่มีอะไรทำ ไม่เคยเป็นความสนุก แต่ถ้าทำตามคนอื่นเขาไปเป็นแฟชั่น โดยไม่ตั้งใจ ก็ไม่สนุกเหมือนกัน

การทำตัวให้มีประโยชน์เมื่อแก่ ควรเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ คือแค่เป็นคนที่พึ่งตัวเองได้ยังไม่พอ ต้องเลี้ยงลูกให้พึ่งตัวเองได้ด้วย เพื่อที่ตัวเองจะได้พ้นภาระเรื่องเลี้ยงลูกหลาย สามารถจะยังประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม

คนสมาร์ทในวัย 50+

การปรารถนาจะมีลูกหลานเอาไว้ช่วยปิดตาเมื่อสิ้นใจนั้น บอกอยู่ว่าเป็นห่วง กลัวจะนอนตายตาไม่หลับ(คนละอย่างกับการนอนหลับตา) ถ้าเลี้ยงลูกหลานให้พึ่งตัวเองได้ คนแก่ก็ควรจะนอนตาหลับเอง โดยไม่ต้องคอยให้ลูกหลานช่วยปิด

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์พงษ์ศิริ ปรารถนาดี ผู้ทรงคุณวุฒิของสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย แนะนำแนวทางปฏิบัติตัวเพิ่มเติมว่า

ผู้สูงอายุควรเข้าชมรมหรือกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอยู่ทั่วไป เพราะถ้าผู้สูงอายุอยู่บ้านเฉยๆ จะเกิดความฟุ้งซ่าน แต่การไปเข้าชมรมจะทำให้ได้เพื่อนพูดคุยคลายความฟุ้งซ่าน ที่สำคัญคือ ในชมรมต่างๆ จะมีการออกกำลังกาย จึงทำให้เราได้ทั้งสังคมและความแข็งแรงของร่างกาย

สูงวัยแต่ใจวัยรุ่น

การออมเงิน ต้องเริ่มออมตั้งแต่อยู่ในวัยหนุ่มสาว ถ้าจะมาออมเมื่อสูงอายุแล้วคงไม่ทัน เพราะเราจะไม่มีแรงไปประกอบอาชีพต่างๆ ได้ ดังนั้นเงินออมเป็นสิ่งสำคัญ อาจจะไม่ต้องมากมายเพราะเมื่อสูงอายุแล้ว เราก็ไม่ค่อยได้จับจ่ายใช้สอยเท่าไรนัก มีเงินพอสมควรก็อยู่ได้

เลิกยึดติดกับอดีตของตัวเองแล้วปล่อยวาง ผู้สูงอายุต้องเข้าใจว่า โลกเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ประสบการณ์เมื่อวานกับวันนี้ต่างกัน อย่านำมาเปรียบเทียบ อย่าคิดว่าลูกหลานจะทำทุกอย่างเหมือนที่เราทำ อดีตคืออดีต อยู่กับปัจจุบันและมองทุกอย่างอย่างปล่อยวาง

การเตรียมสุขภาพมาอย่างดีตั้งแต่อายุน้อยๆ เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุจะได้ไม่มีโรคร้ายแรงต่างๆ ซึ่งจะบั่นทอนการใช้ชีวิตที่เหลือของเรา วิธีการคือเลือกกินอาหารมีประโยชน์และหมั่นออกกำลังกาย เป็นต้น

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีง่ายๆ แต่ทำให้คุณสมาร์ทได้อย่างยืนยาว ไม่เชื่อลองทำดูสิ!!

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

Exercise Tips for Senior แข็งแรงล้ำอายุ

กินให้สวยงาม สมวัย 70+

สูตรเพิ่มชีวิตชีวา อายุยืน ไม่มีโรค

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.