หัวใจวาย เฉียบพลัน รู้เท่าทันก่อนชีพวาย
มีคนรอบตัว และคนในสังคมเสียชีวิตจากภาวะ หัวใจวาย เฉียบพลันมากมาย จึงต้องรีบหาข้อมูลในการป้องกันและสังเกตอาการมาเตือนตัวเอง และคนอื่นๆ
หัวใจวายอันตรายเสี้ยววินาที
รองศาสตราจารย์นายแพทย์สุพจน์ ศรีมหาโชตะ แพทย์อายุรศาสตร์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อธิบายว่า
“ในอดีต ภาวะ หัวใจวาย เฉียบพลันมักเกิดกับผู้ที่มีอายุ 50-60 ปี แต่ในปัจจุบันไลฟ์สไตล์แบบคนเมืองคือ กินอาหารไม่ถูก นอนดึก พักผ่อนน้อย ไม่ออกกําลังกาย ก็ทําให้เกิดภาวะนี้ในวัย 30 ปีได้ อายุน้อยที่สุดที่เคยพบคือ 20 ปี”
สาเหตุการ เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
หมายถึง ภาวะที่เส้นเลือดหัวใจเกิดการอุดตันเฉียบพลัน โดยมากกว่าร้อยละ 90 ของภาวะดังกล่าวเกิดจากผนังหลอดเลือดตีบ
ในคนทั่วไปอาจมีการตีบของผนังหลอดเลือดขณะที่ออกแรง แต่ในกลุ่มของผู้ป่วยหัวใจวายเฉียบพลันมักตีบ เพราะมีการอุดตันของก้อนไขมันหรือตะกรัน แรกเริ่มผนังหลอดเลือดอาจตีบเพียงร้อยละ 30-40 แต่เมื่อก้อนไขมันที่เกาะภายในผนังหลอดเลือดแตก จะกระตุ้นให้เกล็ดเลือดมาเกาะที่แผลอย่างรวดเร็ว คล้ายเวลาเราเป็นแผลแล้วมีเกล็ดเลือดมาสมาน แต่การสมานแผลนี้เป็นไปในทางที่ไม่ดี เนื่องจากไปขวางทางเดินของเลือด จึงเกิดการอุดตันภายในหลอดเลือดเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
การที่ก้อนไขมันภายในหลอดเลือดแตกและเกิดการอุดตัน นับเป็นเรื่องน่ากังวลไม่ใช่น้อย เมื่อเส้นเลือดเกิดอุดตันเฉียบพลัน กล้ามเนื้อหัวใจ ส่วนนั้นๆ จะไม่มีเลือดเข้าไปเลี้ยง หัวใจจึงขาดเลือด ส่งผลให้เกิดปัญหา 2 ประการ ข้อแรกคือ การบีบตัวของหัวใจลดลง ทําให้คนไข้ช็อกหรือมีภาวะน้ำท่วมปอดได้ ข้อสองคือ หัวใจจะเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง และนี่เป็นสาเหตุของภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน ทําให้เสียชีวิตได้ แม้แต่นักกีฬาที่เห็นอยู่ว่าแข็งแรงดี ก็สามารถเสียชีวิตด้วยภาวะนี้ได้
ตีบน้อยอันตรายมากตีบมากอันตรายน้อย
จะเห็นได้ว่าภาวะ หัวใจวาย เฉียบพลันนั้น เกี่ยวข้องกับการตีบของผนังหลอดเลือด แต่ที่น่าแปลกใจคือ ปริมาณการตีบที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่สัมพันธ์กับความเสี่ยงในการเกิดโรคเลย
คุณหมอสุพจน์ อธิบายว่า ภาวะนี้มักเกิดกับผู้ป่วยที่ผนังหลอดเลือดตีบไม่มาก จึงทําให้ไม่สามารถสังเกตอาการผิดปกติได้ง่ายนัก เนื่องจากหากคนไข้มีการตีบของผนังหลอดเลือดเพียงร้อยละ 30-40 จะไม่สามารถ ตรวจพบอาการได้เลย หรือแม้แต่เกิดการตีบถึงร้อยละ70-80ก็อาจมีอาการแสดงให้เห็นบ้าง และสามารถตรวจพบได้จากการเดินสายพาน
นอกจากนี้ แม้ผู้ป่วยจะมีผนังหลอดเลือดตีบถึงร้อยละ 90 ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้ เพราะอาจเป็นชนิดเรื้อรัง คือ มีการดําเนินโรคแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่อาการไม่รุนแรง
โดยปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงภาวะหัวใจวายเฉียบพลันนั้นมีอะไรบ้าง สิ่งที่ทําให้เกิดภาวะดังกล่าวขึ้นง่ายคือ การมีปัจจัยเสี่ยง เช่น เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง มีไขมันในเลือดสูงความเครียด โดยเฉพาะการสูบบุหรี่จัด เนื่องจากสารพิษในบุหรี่ จะทําให้สารบางชนิดในร่างกายที่ทําหน้าที่ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันสูญสลายไป
รู้ให้ทันกับหัวใจวาย
แม้ว่าจะไม่สามารถสังเกตอาการภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้ง่ายดายนัก แต่อย่างน้อยภาวะนี้ ก็มีสัญญาณเตือนแบบฉับพลันทันด่วนให้คนใกล้ตัวต้องรีบนําผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
อาจารย์สาทิส อินทรกําแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต ให้ข้อมูลไว้ว่า
1. ปวดบริเวณหน้าอก การปวดแบบนี้จะมีอาการเหมือนกับมีก้อนหินหนักๆ อยู่ในอก และจะมีอาการบีบคั้นภายในอกอย่างรุนแรง
2. เหงื่อแตก มักจะเป็นเหงื่อแบบเหนียวๆ
3. การปวดหน้าอกจะลามไปถึงกราม คอ และแขนข้างซ้าย และก็อาจจะลามไปถึงสะบักด้านหลังและท้องได้ด้วย
4. หายใจไม่ออก คลื่นไส้อาเจียน
เหตุผลที่ต้องนําคนไข้ส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด หากมีอาการเหล่านี้
การรักษาจะได้ผลดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าคนไข้มาถึงมือหมอเร็วแค่ไหน เพราะการมาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วจะทําให้เราป้องกันการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายได้มากที่สุด ถ้ามาช้าผู้ป่วยอาจ เสียชีวิต หรือถ้าไม่เสียชีวิตเขาก็อาจกลายเป็นผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจวายเรื้อรัง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันมากกว่าคนปกติ
หยุดสาเหตุหัวใจวายเฉียบพลัน
ป้องกันภาวะนี้ได้อย่างไร เมื่อสังเกตอาการได้ลําบาก การป้องกันจึงเป็นหนทางดีที่สุด เช่น การออกกําลังกายพอเหมาะ เพราะจะช่วยให้ผนังหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันการออกกําลังกายที่หักโหมเกินไป ก็อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการแตกของก้อนไขมันได้เช่นกัน ดังนั้นจึงต้องออกกําลังกายอย่างสมดุล
นอกจากนี้ สิ่งที่ไม่ควรทําเลยคือ การสูบบุหรี่ ในกรณีที่ผู้ป่วยยังอายุน้อย ปัจจัยสําคัญที่ทําให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน มักเกิดจากการสูบบุหรี่ ดังนั้นจึงไม่ควรสูบบุหรี่ หรือถ้าสูบอยู่ก็ควรจะเลิกเสีย
นายแพทย์แอนดรู ไวล์ แนะนําวิธีกินเพื่อป้องกันและเยียวยาผู้ป่วย โรคหัวใจไว้ว่า
– ลดการกินอาหารที่ทําจากสัตว์และไขมันอิ่มตัวให้น้อยลง
– กินผักและผลไม้สดให้มากๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับ สารแอนติออกซิแดนต์
– กินธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่วเปลือกแข็งให้มากขึ้น เพื่อ ให้ร่างกายได้รับใยอาหาร
– กินกระเทียมและเห็ดหอมเป็นประจํา
หากเราสามารถควบคุมปัจจัยเสี่ยงโดยการหันมาดูแล สุขภาพอย่างเต็มที่แล้ว เชื่อว่าเราคงไม่ตกเป็นเหยื่อของภาวะหัวใจวายเฉียบพลันแน่นอน
ข้อมูลจาก คอลัมน์อยู่เป็นลืมป่วย นิตยสารชีวจิต ฉบับ 402
บทความน่าสนใจอื่นๆ
วิธีการ ป้องกันโรคหัวใจ ด้วย 3 ซูเปอร์ฟู้ด
สั่งกายใจหยุดเครียด เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อ หัวใจวาย เฉียบพลัน